วิธีวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นอย่างปลอดภัยห่างไกลโควิด!

ปี 2020 - 2021 นอกจากจะไร้ความรื่นรมย์แล้ว ยังเป็นปีที่หนักสำหรับคนทั่วโลกด้วย การระบาดของโรคโควิด19 ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนเที่ยว เลื่อนเวลา หรือยกเลิก ในญี่ปุ่นเองก็ยึดหลัก "การหลีกเลี่ยง 3C" [พื้นที่ปิด (Closed Spaces) พื้นที่แออัด (Crowded Spaces) พื้นที่สัมผัสใกล้ชิด (Close-Contact Settings)] กันไปอีกนาน บทความนี้จะมาบอกวิธีเว้นระยะห่างทางสังคมที่ใช้ได้ใน 3 เมืองหลักของนักท่องเที่ยว ได้แก่ โตเกียว, โอซาก้า, เกียวโต

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

ข้อควรรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่นและหน้ากากอนามัย

สิ่งแรกที่ควรรู้ไว้ คือ ชาวญี่ปุ่นมักจะสวมหน้ากากอนามัยในช่วงฤดูไข้หวัดระบาดมานานตั้งแต่ก่อนโควิด-19 แล้ว การสวมหน้ากากอนามัยจึงถือเป็นเรื่องทั่วไปในวัฒนธรรมญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความมีมารยาทเนื่องจากเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อด้วย

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมีความเชื่อส่วนตัวแบบไหนก็ขอให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในญี่ปุ่นด้วย (เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาอยู่ในพื้นที่ปิดหรือสถานที่แออัดอย่างรถไฟ ย่านช็อปปิ้ง และพื้นที่สาธารณะยอดนิยม ถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว แต่ก็ควรพกหน้ากากอนามัยไว้ และสวมตอนอยู่ในพื้นที่ปิด

สถานที่แออัดในโตเกียว

ในฐานะเมืองหลวงของญี่ปุ่น โตเกียวเป็นจุดหมายปลายทางที่มีกิจกรรมสนุกๆ สำหรับนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย แต่เมืองหลวงแห่งนี้มีประชากรอยู่กว่า 30 ล้านคน การใช้คำว่า "พลุกพล่าน" ก็อาจจะน้อยกว่าความเป็นจริงไปมากด้วยซ้ำ

เราจึงจะมาแนะนำสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องคนเยอะ หากอยากไปจริงๆ แต่กังวลเรื่องความแออัดแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้ไปตอนเช้าวันธรรมดา แต่ไม่ต้องกลัวไป เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ไว้เป็นตัวเลือกแทนด้วย บางที่คุณอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่รับรองเลยว่าจะต้องชอบแน่ๆ!

• อาเมะโยโกะ

อาเมะโยโกะ (Ameyoko) เป็นถนนคนเดินยอดฮิตที่อยู่ระหว่างทางจากสถานีอุเอโนะไปยังโอกาจิมาจิ (Okachimachi) มีร้านค้าริมทางให้แวะชมมากมาย และมักจะมีผู้คนพลุกพล่านตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะตอนกลางคืนที่ถนนสายนี้จะเต็มไปด้วยเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่มาดื่มคลายเหนื่อยกันหลังเลิกงาน

• นากามิเสะโดริ

นากามิเสะโดริ (Nakamise-dori) อยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดินอาซากุสะในระยะเดินเพียง 3 นาที เป็นถนนคนเดินสุดฮิตที่ทอดยาวจากประตูคามินาริมง (Kaminarimon Gate) ไปจนถึงวัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) มีชื่อเสียงเรื่องของที่ระลึกแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ตั้งแต่ของเล่นและของกระจุกกระจิก ไปจนถึงอาหารต่างๆ อย่างเซมเบ้ (ขนมข้าวกรอบ) ทำสดใหม่ ถึงแม้จะเป็นพื้นที่กลางแจ้ง แต่ก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนจำนวนมาก จนอาจถึงขั้นต้องเบียดตัวเพื่อแทรกผ่านคนอื่นไปเลยด้วยซ้ำ แต่หากคุณต้องการจะไปวัดพุทธแสนสวยแห่งนี้ก็สามารถเลี่ยงนากามิเสะโดริไปใช้ถนนด้านหลังที่สงบกว่าแทนได้

• ทาเคชิตะโดริ (ฮาราจูกุ)

ถนนทาเคชิตะโดริ (Takeshita-dori) ในฮาราจูกุเป็นศูนย์รวมของแฟชั่นสุดน่ารักคาวาอี้และเทรนด์วัยรุ่นที่กำลังมาแรง ได้รับความนิยมทั้งในหมู่วัยรุ่นญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะสนุกไปกับความหลุดโลก หรือช็อปปิ้งเสื้อผ้าที่กำลังเป็นที่นิยมกลับไป หากคุณมาที่นี่ในช่วงสุดสัปดาห์แล้วมองจากบริเวณทางเข้าลงไปตามทางลาดดูล่ะก็ จะเห็นแค่หัวคนกลมๆ ที่อัดแน่นเป็นทะเลมนุษย์เลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ร้านรวงบนทาเคชิตะโดริส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กและแคบ จนแทบจะเว้นระยะห่างระหว่างกันไม่ได้เลย

• คาบุกิโจและย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืนอื่นๆ

หากคุณกังวลเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคมก็อาจจะต้องเลี่ยงสถานบันเทิงใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นบาร์ คลับ คาราโอเกะ หรือร้านนั่งดื่มหลังเลิกงานต่างๆ ซึ่งในที่นี้ก็รวมถึง ถนนคาบุกิโจ (Kabukicho) ในชินจูกุที่ขึ้นชื่อเรื่องบาร์และคลับ, รปปงงิที่ขึ้นชื่อในฐานะเมืองแห่งการเที่ยวคลับและสถานบันเทิง และย่านบันเทิงแถวสถานีอิเคะบุคุโระที่มีชื่อเสียงในเรื่องบาร์และคลับสำหรับเต้น

แต่หากคุณทนอยู่แต่ในห้องตอนกลางคืนไม่ไหว ก็สามารถออกไปซื้ออะไรจากร้านสะดวกซื้อแล้วไปนั่งดื่มกับเพื่อนในสวนสาธารณะได้เช่นกัน! (ที่ญี่ปุ่นสามารถดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะได้)

วิธีหลีกเลี่ยงรถไฟแออัดในโตเกียว

พูดถึง "ตู้รถไฟโตเกียว" อาจจะทำให้นึกถึง "ปลากระป๋อง" ได้เลยทีเดียว ถึงแม้คนโตเกียวจะพยายามทำงานจากบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ขบวนรถไฟบางสายก็ยังคงมีผู้คนสัญจรไปมากันอย่างหนาแน่น บริษัทรถไฟได้ออกมาตรการป้องกันการติดเชื้อต่างๆ โดยเฉพาะการเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท ซึ่งเมื่อรวมกับการสวมหน้ากากอนามัยที่ทำกันเป็นสากลแล้ว รถไฟจึงไม่ใช่สถานที่แพร่เชื้อหลัก

แต่หากสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเหล่านี้ได้โดยไม่ลำบากเกินไป ทุกคนก็คงอยากทำจริงไหม? หนึ่งวิธีง่ายๆ เลยก็คือ หลีกเลี่ยงการใช้รถไฟในช่วงเช้าและเย็นซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีคนใช้รถไฟมากที่สุด ช่วงเวลาเร่งด่วนในตอนเช้าจะอยู่ระหว่าง 7:00 - 9:30 น. จากนั้นก็จะหาที่นั่งว่างๆ และรักษาระยะห่างทางสังคมได้ง่ายขึ้น

หากทำได้ เราขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการขึ้นรถไฟในช่วงเวลาเร่งด่วนตอนเย็น ซึ่งอยู่ประมาณ 17:30 - 19:30 น. เพราะคนจะเริ่มแน่นตั้งแต่ช่วง 4 โมงเย็นและจะไม่ลดลงเลยจนกว่าจะหลัง 3 ทุ่มไปแล้ว ดังนั้น อย่าลืมวางแผนกันให้ดีๆ ด้วยล่ะ!

ข้อมูลอีกอย่างหนึ่งที่คุณอาจใช้พิจารณาร่วมด้วย คือ 10 สถานีในโตเกียว (และแน่นอนว่าทั้งประเทศด้วย) ที่มีคนแน่นที่สุด โดยจะเรียงจากมากไปน้อย ดังนี้:

1. ชินจูกุ
2. อิเคะบุคุโระ
3. โตเกียว
4. โยโกฮาม่า (จังหวัดคานางาวะ)
5. ชินากาว่า 
6. ชิบูย่า
7. ชิมบาชิ
8. โอมิยะ (จังหวัดไซตามะ)
9. อากิฮาบาระ 
10. คิตะเซนจู

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และอัพเดตรายชื่อสายรถไฟที่มีคนแออัดที่สุดในเมือง สามารถอ่านต่อได้ในบทความนี้

วิธีเดินทางแบบอื่นนอกจากรถไฟ - เดินและขี่จักรยานในโตเกียว

ถึงแม้จะเป็นเมืองใหญ่ แต่สถานที่ที่มีชื่อเสียงหลายๆ แห่งในโตเกียวก็มักจะอยู่ใกล้กันในระยะเดิน ตัวอย่างเช่น:

  • จากสถานี Tokyo ไปยัง Ginza ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที
  • จากสถานี Ginza ไปยัง Tsukiji ใช้เวลาเดินประมาณ 12 นาที
  • จากสถานี Ueno ไปยัง Akihabara ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที
  • จากสถานี Shibuya ไปยัง Omotesando ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที
  • จากสถานี Roppongi ไปยัง Tokyo Tower ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที
  • จากสถานี Naka-Meguro ไปยัง Daikanyama ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที

การเดินเท้าไม่เพียงแต่เป็นวิธีรักษาระยะห่างทางสังคมที่ดีเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณได้สัมผัสกับเมืองอย่างใกล้ชิดด้วย นอกจากนี้ คุณอาจจะได้พบกับศาลเจ้าที่ซ่อนอยู่ หรือร้านอาหารอร่อยๆ ระหว่างทางก็ได้นะ!

ที่นี่ยังมีจุดเช่าจักรยานอยู่อีก 2 - 3 แห่งไว้เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงรถไฟแสนแออัดในการเดินทางไปรอบๆ โตเกียวด้วย การขี่จักรยานก็เหมือนการเดิน เพราะจะช่วยเปิดโอกาสให้ได้พบกับสถานที่ที่มีคนน้อยกว่าและถนนสายเล็กๆ ทั้งหลาย เราขอแแนะนำบทความ แนะนำ 9 ร้านเช่าจักรยานสำหรับปั่นเที่ยวในโตเกียว ! เป็นไอเดียสำหรับทริปหน้า!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ที่เที่ยวอื่นๆ รอบโตเกียว

ดูเหมือนว่าเราตัดแผนการเที่ยวโตเกียวของคุณออกไปทั้งยวงเพียงเพราะต้องการจะเลี่ยงพื้นที่แออัด แต่โชคดีที่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ถึงแม้จะคนจะไม่ค่อยรู้จักแต่ก็น่าสนใจไม่แพ้กันอยู่อีกมาก! ใครที่กำลังมองหาที่สงบๆ ในโตเกียว ลองดูตัวเลือกต่อไปนี้กันได้เลย

ยานากะ - เนสึ - เซ็นดางิ

สัมผัสกับเสน่ห์และกลิ่นอายของโตเกียวโบราณในย่านยานากะ (Yanaka) เนสึ (Nezu) และเซ็นดางิ (Sendagi) ที่อยู่ทางตอนใต้ของสถานีนิปโปริ เหมาะสำหรับการเดินเล่นเอื่อยๆ ทานสตรีทฟู้ด และทักทายแมวที่โผล่มาให้เห็นเป็นครั้งคราว! สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถตามไปอ่านได้ในบทความ 13 อย่างที่ต้องทำในยานากะ ย่านลับโตเกียวที่คนรู้จักน้อยแต่สุดทรงเสน่ห์

สวนสาธารณะและสวนแบบญี่ปุ่นในโตเกียว

ส่วนหนึ่งของการควบคุมระยะห่างทางสังคม คือ ต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่ปิดที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ดังนั้นจึงไม่มีวิธีไหนจะดีไปกว่าการใช้เวลากลางแจ้งอยู่ในสถานที่สวยๆ อีกแล้ว! นอกจากจะมีพิพิธภัณฑ์ดีๆ ร้านอาหาร และแหล่งช็อปปิ้งแล้ว โตเกียวก็ยังมีสวนสาธารณะสวยๆ อยู่อีกมากมาย ส่วนใหญ่มักจะตั้งอยู่ท่ามกลางบรรดาตึกระฟ้า

คุณสามารถชมสวนญี่ปุ่นที่ถูกจัดแต่งเอาไว้อย่างงดงามโดยมีแลนด์มาร์กอย่างโตเกียวทาวเวอร์หรือสกายทรีอยู่เบื้องหลัง! ตามไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสวนที่สวยที่สุดของโตเกียวได้ในบทความนี้เลย 7 สุดยอดสวนญี่ปุ่นในโตเกียว

นอกจากนี้ หากคุณอยากหาที่ชมวิวสวยๆ กลางแจ้ง ก็สามารถอ่านบทความ ชมซากุระแบบไม่ต้องเบียดใครกับจุดชมซากุระลับๆ 8 แห่งในโตเกียว! เป็นแนวทางได้ แต่ถึงแม้จะไม่ได้ไปในช่วงซากุระบานก็ยังจัดว่าเป็นมุมดีๆ ที่สามารถสัมผัสกับธรรมชาติของโตเกียวอย่างดอกไม้และสายน้ำได้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ สถานที่เหล่านี้อยู่กลางแจ้งและไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้คน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องคนเยอะเลย! 

เที่ยว 1 วันนอกโตเกียว

แทนที่จะใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในเมือง ลองออกไปผจญภัยในสถานที่สวยงามรอบโตเกียวมากมายดูบ้างไหม?

มีหบลายเมืองใกล้โตเกียวที่คุณสามารถดื่มด่ำไปกับประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นและวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติได้ สัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นแบบแท้ๆ ได้มากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวนานาชาติส่วนใหญ่ เนื่องจากระบบรถไฟที่นี่ทั้งทั่วถึงและสะดวกสบาย จึงสามารถเพิ่มสถานที่เหล่านี้ลงไปในแผนการเที่ยวได้ไม่ยาก

แน่นอนว่าภูเขาไฟฟูจินั้นเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ก็มีเมืองออนเซ็นริมทะเลอย่างฮาโกเน่และอาตามิ (Atami) เมืองแสนคลาสสิกอย่างคาวาโกเอะ (Kawagoe) และอนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์อันน่าพิศวงอย่างศาลเจ้านิกโก้โทโชกู (Nikko Toshogu Shrine) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมแบบเต็มๆ สามารถอ่านได้ที่ 10 แหล่งท่องเที่ยวไปกลับ ห่างจากโตเกียวไม่ถึง 2 ชั่วโมง!

ตั้งแคมป์ (หรือแกลมปิ้ง!)

แน่นอนว่าหนึ่งในมาตรการป้องกันไวรัสโคโรน่า คือ ใช้เวลาอยู่กลางแจ้งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และวิธีหนึ่งที่เยี่ยมมากๆ เลยก็คือ การไปตั้งแคมป์ ญี่ปุ่นอาจเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านภูมิทัศน์เมืองและเทคโนโลยีล้ำๆ ก็จริง แต่ก็มีพื้นที่ที่เป็นป่าอยู่ถึง 2 ใน 3 ของประเทศเลยทีเดียว! ในบทความที่ตั้งแคมป์ 10 แห่งในญี่ปุ่นที่ปลอดภัยและฟินสุดๆ! ของเราได้รวมหมู่บ้านแคมป์ปิ้งริมทะเลสาบในจังหวัดคานางาวะที่อยู่ทางทิศใต้ของโตเกียว และ "หมู่บ้านบ้านต้นไม้" (Treehouse Village) ในโทชิกิ (ทางทิศเหนือของโตเกียว) เอาไว้แล้ว

หากคุณชอบอะไรที่ดูหรูหราขึ้นมาหน่อยสำหรับทริปพักผ่อนในต่างประเทศ จะเลือกไป "แกลมปิ้ง" แทนก็ได้! ญี่ปุ่นมีสถานที่ตั้งแคมป์ที่มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตอยู่มากมาย พรั่งพร้อมไปด้วยเต็นท์แสนสบาย และกระท่อมพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ยังคงอยู่ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับจุดแกลมปิ้งทั้ง 7 แห่ง ซึ่ง 5 จุดในนั้นสามารถเดินทางไปจากโตเกียวได้ง่ายๆ เลย!

Klook.com

สถานที่แออัดในโอซาก้า

ถึงแม้ว่าโอซาก้าจะไม่ได้ใหญ่และแผ่กว้างแบบจังหวัดทางตะวันออก แต่ก็เป็นหนึ่งในเมืองใหญ่และมีประชากรมากที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุด (และคนแน่นมาก!) ของญี่ปุ่น ด้านล่างนี้คือสถานที่ในโอซาก้าที่คุณอาจจะต้องหลีกเลี่ยงในช่วงนี้

• ปราสาทโอซาก้า

ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เป็นสถานที่ที่มีคนแวะมากที่สุดในโอซาก้า ตัวปราสาทถูกทำลายและสร้างขึ้นใหม่อยู่หลายครั้งในช่วงเวลากว่า 400 ปีของประวัติศาสตร์อันยาวนาน การปรับปรุงครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 1997 และปัจจุบันก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและพิพิธภัณฑ์อยู่ภายในด้วย สวนที่ล้อมอยู่ภายนอกก็เป็นหนึ่งในสถานที่ชมซากุระในฤดูใบไม้ผลิที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเช่นกัน เนื่องจากที่นี่เป็นหนึ่งในจุดที่คนรู้จักกันดี อีกทั้งยังเป็นที่รักที่สุดในโอซาก้าด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนแน่น ดังนั้นจึงควรเลื่อนทริปปราสาทโอซาก้าออกไปก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้เข้าชมจำนวนมาก

• โดทงโบริ

ถนนโดทงโบริ (Dotonbori) อันแสนพลุกพล่าน ที่นี่ได้ห่อหุ้มจิตวิญญาณของ "เมืองพ่อค้า" แห่งนี้เอาไว้ด้วยบรรยากาศที่สดใส การต้อนรับอันอบอุ่น และอาหารมากมายที่มีให้เลือกสรร ถนนโดทงโบริเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของโอซาก้าที่ดึงดูดฝูงชนจำนวนมากมาไว้ด้วยกันทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน และเต็มไปด้วยแสงสีของหลอดไฟนีออนหน้าร้านค้าที่เรียงรายกัน แต่สำหรับตอนนี้คุณอาจจะต้องแวะไปในช่วงเช้าของวันธรรมดา หรือหากอยากไปดูแสงไฟแบบเต็มๆ ก็ขอแนะนำให้ไปกันหลังเที่ยงคืน

วิธีหลีกเลี่ยงฝูงชนแออัดบนรถไฟโอซาก้า

โอซาก้าอาจจะไม่ใหญ่และวุ่นวายเท่าเมืองหลวงทางตะวันออกอย่างโตเกียว แต่ก็มีผู้คนพลุกพล่านอยู่ตลอดทั้งวัน ช่วงเวลาเร่งด่วนของโอซาก้าในตอนเช้าจะเริ่มขึ้นประมาณ 7:30 น. เต็มแน่นจริงๆ ตอน 8:00 น. ก่อนจะซาลงหลังจาก 9:00 น. ส่วนช่วงเวลาเร่งด่วนในตอนเย็นนั้นจะเริ่มตั้งแต่หลัง 17:30 น. หนาแน่นที่สุดตอน 18:00 น. และเริ่มซาลงอีกครั้งหลังเวลา 19:30 น. เป็นต้นไป

สายรถไฟที่มีฝูงชนแออัดที่สุดตอนช่วงเวลาเร่งด่วนของโอซาก้ามีดังนี้:

1. สาย Midosuji Line (รถไฟใต้ดินโอซาก้า)
2. สาย Kobe Main Line (Hankyu)
3. สาย Takarazuka Main Line (Hankyu)
4. สาย Chuo (รถไฟใต้ดินโอซาก้า)
5. สาย Nara Line (Kintetsu)

Klook.com

วิธีเดินทางแบบอื่นนอกจากรถไฟ - เดินและขี่จักรยานในโอซาก้า

เช่นเดียวกับโตเกียว โอซาก้าก็มีสถานที่ท่องเที่ยวตั้งอยู่ใกล้กันหลายแห่ง:

อุเมดะ (ใกล้สถานีโอซาก้า) เป็นที่ตั้งของสวนลอยฟ้า (Sky Garden) 
นัมบะ อยู่ใกล้กับย่านโดทงโบริ มีหมู่บ้านอเมริกา (America-mura) และถนนช็อปปิ้งมากมาย
เทนโนจิ อยู่ใกล้กับหอคอยสึเทนคาคุ (Tsutenkaku Tower) มีทั้งสวนสัตว์ หอศิลป์ และหอคอยอาเบโนะฮารุคัส (Abeno Harukas Tower) 

ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายไปกับการเปลี่ยนรถเลย!

หากคุณอยากขี่จักรยานไปรอบๆ ที่นี่ก็มี docomo bikeshare และ HUBchari ซึ่งกระจายตัวอยู่ตามสถานีนับร้อยทั่วบริเวณใจกลางเมืองให้เลือกด้วย!

สถานที่แออัดในเกียวโต

สุดท้ายนี้ เราจะมาพูดถึงเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นกัน เกียวโตเป็นที่ตั้งของวัดและศาลเจ้าที่สวยงามของญี่ปุ่น รวมถึงมรดกโลกทั้ง 17 แห่งที่ได้รับการคัดเลือกจาก UNESCO เพียงเท่านี้ก็คงจะเดาได้แล้วว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลย และก็เป็นไปตามนั้นเพราะเกียวโตนับเป็นจังหวัดที่ประสบภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมืองมากที่สุดเลยทีเดียว

หากต้องการหลีกเลี่ยงคนเยอะๆ เราขอแนะนำให้ไปในช่วงเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ (ที่อากาศหนาวจัด) และเดือนมิถุนายน (หน้าฝน) ของเกียวโตเพราะจะค่อนข้างเงียบกว่าเดือนอื่นๆ ในขณะที่ช่วงเดือนตุลาคมไปจนถึงกลางธันวาคมจะเป็นฤดูท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมที่สุด เนื่องจากความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีนั่นเอง

ในเกียวโต จุดที่ได้รับความนิยมที่สุด (และแน่นนอนว่าคนแน่นมาก) ได้แก่ วัดคิโยมิสุเดระ (Kiyomizu-dera Temple) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้วยระเบียงขนาดใหญ่คล้ายเวทีละคร สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่มุมกว้างของเมืองเกียวโตได้ (ภาพด้านบน) นอกจากนี้ ยังมี ถนนนิเนนซากะ (Ninen-zaka Street) ถนนคนเดินแคบๆ ที่เรียงรายไปด้วยร้านขายเสื้อผ้าบูติกในอาคารแบบคลาสสิกที่อบอวลไปด้วยเสน่ห์แบบโบราณ

วัดคินคาคุจิ (Kinkaku-ji) ห่อหุ้มด้วยทองคำเปลวตั้งตระหง่านอยู่เหนือสระน้ำ ในขณะที่เสาประตูโทริอินับพันของศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) ก็ถือเป็นหนึ่งในภาพของประเทศญี่ปุ่นที่มีคนรู้จักกันมากที่สุดด้วย ทั้งยังมีสวนป่าไผ่ในอาราชิยามะ (Bamboo Grove in Arashiyama) ที่โด่งดังไม่แพ้กัน

เหตุผลที่สถานที่เหล่านี้ได้รับความนิยมนั้นมีอยู่มากมาย และคงจะน่าเสียดายหากคุณเดินทางไปไกลถึงเกียวโต แต่ไม่ได้แวะไปยังจุดเหล่านี้ แน่นอนว่าคงจะทำให้คุณคิดหนักไม่น้อย แต่ก็โชคดีที่ยังมีจุดอื่นๆ ให้ได้สัมผัสกับกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นโบราณอยู่ แถมยังเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้จักกันด้วย เหมาะสำหรับถ่ายรูปลงอินสตาแกรมเอามากๆ !

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

เดินทางรอบเกียวโต

เช่นเดียวกับที่โตเกียวและโอซาก้าที่คุณควรหลีกเลี่ยงรถขนส่งสาธารณะให้ได้มากที่สุด ตามปกติแล้วรถบัสของเมืองมักจะมีผู้คนหนาแน่น ดังนั้น เราจึงอยากแนะนำให้เดินหรือเช่าจักรยานแทน (โน้ตไว้นิดหนึ่งว่าถนนของเกียวโตในบริเวณนอกใจกลางเมืองมักจะมีลักษณะเป็นเนิน) แต่หากไม่ชอบเดินหรือขี่จักรยาน รถไฟใต้ดินก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการขึ้นรถบัส

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขี่จักรยานในเกียวโต สามารถอ่านได้ในบทความ รวมเรื่องควรรู้เกี่ยวกับการเช่าและปั่นจักรยานในเกียวโต

จุดท่องเที่ยวอื่นๆ รอบโอซาก้าและเกียวโต

จุดท่องเที่ยวที่คนไม่ค่อยรู้จักในเกียวโต

หากมุ่งหน้าไปยังวัดคิโยมิสุเดระและพบว่าคนเยอะจนไม่น่าเที่ยวเอาเสียเลย คุณก็สามารถไปเที่ยววัด พิพิธภัณฑ์ หรือทำเวิร์กช็อปอื่นๆ ที่มีอยู่มากมายในเขตฮิกาชิยามะแทน หรือจะไปเที่ยวสวนชินเซ็นเอ็น (Shinsen-en) ในเขตคาราสึมะแทนก็ได้

ตัวเมืองของเกียวโตเองก็ค่อนข้างกว้างเช่นกัน! ทางตอนใต้ของเกียวโตเป็นที่ตั้งของเขตฟุชิมิ (Fushimi) ที่ขึ้นชื่อเรื่องการกลั่นสาเก คุณสามารถอ่านรายละเอียดได้ในบทความ แพลนเที่ยว 1 วันใน "ฟุชิมิ" เมืองแห่งสายน้ำและสาเกของเกียวโต และอย่าลืมแวะไปอ่านบทความปั่นสบายไปกับจักรยานไฟฟ้า! เที่ยวชมทิวทัศน์ชนบทในย่านนิชิเกียวของเกียวโต! ของเราด้วยนะ

เที่ยว 1 วันในแถบภูมิภาคคันไซ

​แถบคันไซเต็มไปด้วยจุดท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญมากมาย หากมีโอกาสเราก็อยากให้คุณไปเยี่ยมชมให้ได้สักครั้ง! ที่นี่เป็นขุมทรัพย์ของวัดและศาลเจ้า ตั้งแต่วัดในยุคกลางอย่างฮิเอซัง (Hiei-zan) ปราสาทอย่างปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) และจุดชมวิวบริเวณสันทรายอามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate Sandbar) ที่เป็น 1 ใน 3 ของสุดยอดจุดชมวิวญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) และทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงาม แถวทะเลญี่ปุ่นนี้ยังมีอาหารทะเลที่สดอร่อยมากอีกด้วยนะ

เรามีบทความ 8 สถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ๆ สำหรับคนรักประวัติศาสตร์ 5 ที่เที่ยวชิลล์ๆ สุดสัปดาห์ในคันไซ 10 จดสำหรับแช่ออนเซ็น และ เส้นทางจักรยาน 5 สายสำหรับปั่นสำรวจคันไซ นอกจากจะเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ แล้ว สถานที่เหล่านี้ยังจะทำให้คุณได้เห็นญี่ปุ่นในมุมที่ต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไปด้วย

นอกจากนี้ ทางฝั่งตะวันตกก็ยังมีจังหวัดโอคายาม่า (ขึ้นรถไฟชินคันเซ็นจากโอซาก้าไปเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น!) ที่มีแหล่งธรรมชาติให้ได้ผ่อนคลายไปกับทิวทัศน์สวยๆ ของตัวเมืองอีกด้วย ตามไปอ่านเพิ่มเติมในบทความ 15 จุดถ่ายรูปสวยๆ ในโอคายาม่า ได้เลย!

ไปจาริกแสวงบุญ

การไปตั้งแคมป์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่เดินทางไปเที่ยวโอซาก้า (ดูลิงก์ประกอบด้านบน) แต่หากคุณอยู่แถวญี่ปุ่นตะวันตกก็จะมีตัวเลือกที่มีความเป็นญี่ปุ่นมากกว่านั้นอยู่ นั่นคือการไปจาริกแสวงบุญ โดยจะมีอยู่ 2 เส้นทางหลัก

ทางแรกคือ คุมาโนะโคโดะ (Kumano Kodo) ในจังหวัดวากายาม่าซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของโอซาก้า เป็นเส้นทางจาริกแสวงบุญที่มีอายุยาวนานหลายศตวรรษ เชื่อมโอซาก้าและนาราเข้ากับ "คุมาโนะซันซัง" (Kumano Sanzan) ซึ่งเป็นกลุ่มศาลเจ้าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ แม้แต่เส้นทางที่เข้าถึงง่ายที่สุดก็ใช้เวลาในการเดินทางข้ามไปถึง 2 วัน ด้วยความมุ่งมั่นระดับนี้ คุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปแทรกผ่านฝูงชนจำนวนมากด้วย บอกเลยว่าจะต้องเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน แถมการที่เส้นทางนี้ยังได้รับการคัดเลือกจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกด้วย การเดินทางลึกเข้าไปในดินแดนที่วิเวกและห่างไกลจะติดตรึงอยู่ในความทรงจำไปตลอดกาลแน่นอน

ส่วนอีกทางหนึ่งคือ โอเฮนโระ (Ohenro) เป็นวัด 88 แห่งที่ตั้งอยู่บนเกาะชิโกคุ ตามรอยการเดินทางของพระคุไคในศตวรรษที่ 8 การไปเยือนวัดให้ครบทุกแห่งนั้นต้องใช้ความอุตสาหะอย่างมากและใช้เวลาราว 40 วัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับนักเดินทางส่วนใหญ่ แต่คุณก็สามารถขึ้นรถบัส 2 ชั่วโมงจากโอซาก้าไปยังโทคุชิม่า (Tokushima) จากนั้นก็ใช้เวลาประมาณ 2 วันในการไปเยือนรอบๆ วัด 9 แห่งแรกได้

แนวทางปฏิบัติในการเว้นระยะห่าง

เราได้พูดถึง 3 เมืองที่มีคนพลุกพล่านมากที่สุดของญี่ปุ่นไปแล้ว ต่อไปก็มาดูสถานที่และกิจกรรมที่อาจมาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องเผชิญกับฝูงชนได้กันเถอะ

โฮสเทลและโรงแรมแคปซูล

โรงแรมแคปซูลเป็นที่พักที่มีความเป็นญี่ปุ่นมาก และนักท่องเที่ยวมากมายก็อยากลองเข้าพักในห้องพักหน้าตาคล้ายรังผึ้งที่เหมือนมาจากอนาคตดูสักครั้ง อย่างไรก็ตาม โรงแรมแคปซูลนั้นเป็นห้องแบบหลายห้องติดๆ กัน และมักจะมีเพียงผ้าม่านเป็นตัวกั้นระหว่างคุณกับแขกคนอื่นๆ ดังนั้น หากกังวลเรื่องโควิดก็อาจจะต้องหลีกเลี่ยงที่พักแบบนี้ เช่นเดียวกับโฮสเทล

กิจกรรมยามว่าง

เมื่อพูดถึงพื้นที่ปิดต่างๆ อย่างเกมเซนเตอร์ (หรือร้านตู้เกม) ร้านปาจิงโกะ บาร์อิซากายะ (ร้านนั่งดื่มสไตล์ญี่ปุ่น) และคาราโอเกะ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นที่ที่มีคนแออัดและเสี่ยงต่อการสัมผัสใกล้ชิด ประเภทของอาคารแบบนี้มักจะมีคนหนาแน่น และอากาศก็ถ่ายเทได้ไม่ค่อยดี แต่หากคุณตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องลองไปทำกิจกรรมเหล่านี้ให้ได้ เราก็ขอแนะนำให้คุณจำกัดเวลา เดินทางไปเป็นกลุ่มเล็กๆ และหมั่นใช้เจลล้างมือบ่อยๆ ซึ่งมักจะมีตั้งอยู่ตามทางเข้าของสถานที่เหล่านี้ และแน่นอนว่าหากพกเจลล้างมือหรือทิชชู่เปียกผสมแอลกอฮอล์ติดตัวไปด้วยก็จะยิ่งดี!

ปรับแผนเที่ยวให้เข้ากับช่วงเวลา

ในแง่ของข้อมูลทั่วไป คุณสามารถอ่านได้จากบทความ 2021 นี้ เที่ยวญี่ปุ่นเดือนไหนดี ของเรา เช่นเดียวกับ หน้าเว็บไซต์เที่ยวญี่ปุ่นอย่างปลอดภัย ที่เราทำขึ้นเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด อีกทั้งยังมีลิสต์ร้านค้าและสถานที่อีกนับร้อยแห่งพร้อมมาตรการรับมือไวรัสของแต่ละที่อีกด้วย

ระหว่างที่รอให้การแพร่ระบาดสิ้นสุดลง การเว้นระยะห่างทางสังคมและการเลือกเดินทางอย่างมีความรับผิดชอบก็ยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญที่พึงระลึกไว้เสมอไม่ว่าจะเที่ยวแบบใดก็ตาม ทั้งนี้เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อแนะนำในบทความนี้จะช่วยให้คุณปลอดภัยขณะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น!

 

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Jack
Jack Xavier
Jack Xavier มีความหลงใหลในการค้นพบและแนะนำวัฒนธรรมญี่ปุ่นให้โลกได้รับรู้ หลังจากอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นมาเกือบทศวรรษ เดินทางไปยังเกือบ 47 จังหวัดของญี่ปุ่น และรู้จักถนนหนทางในโตเกียวดีกว่าชาวโตเกียวส่วนใหญ่ ด้วยทัศนคติที่ว่า "ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมาย" เกี่ยวกับญี่ปุ่น จึงมีความอยากรู้อยากเห็นและตื่นเต้นอยู่เสมอที่จะแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่นกับทุกคนที่สนใจ
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร