เปลี่ยนโอบิที่ไม่ใช้แล้วให้กลายเป็นหมอน! เรื่องราวของคุณอาเบะ ชิโตเสะ ดีไซเนอร์แห่ง F.O.A

"กิโมโน" เป็นเครื่องแต่งกายดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มักจะมีความประณีตในด้านดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นความสง่างามในแบบญี่ปุ่น หรือการใช้สีสันที่เข้ากับฤดูกาล ในซีรีย์บทสัมภาษณ์ "People of Japan" ครั้งนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับดีไซเนอร์ที่ชื่อว่าคุณอาเบะ ชิโตเสะ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ "F.O.A -Nouveau Japonisme-" ร่วมกับเพื่อนๆ ขึ้นในปี 2021 ภายใต้แนวคิด "อยากคืนชีพโอบิที่ไม่ใช้แล้วให้กลายเป็นหมอน และถ่ายทอดเสน่ห์ของกิโมโน" ในครั้งนี้เราจะครอบคลุมรายละเอียดการก่อตั้งแบรนด์ สิ่งที่คุณอาเบะอยากบอกกับชาวต่างชาติ และเรื่องราวอื่นๆ อีกมากมาย

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

สาเหตุของการเริ่มธุรกิจของตกแต่งภายในจากสายรัดโอบิ

ในช่วงวัยเด็ก คุณอาเบะ ชิโตเสะ (阿部千登勢) ได้เห็นเจ้าของโรงแรมเรียวกังแต่งตัวด้วยกิโมโนสวยๆ อยู่ในทีวี จนทำให้เธอเกิดความฝันว่า "หากเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันก็อยากแต่งกิโมโนสวยๆ แบบนั้นเป็นเจ้าสาวบ้าง" ความฝันนี้ทำให้เธอเข้าเรียนที่โรงเรียนกิโมโนเพื่อศึกษาคิสึเคะ (วิธีสวมกิโมโนอย่างถูกต้อง) และเซนโชคุ (เทคนิคการย้อมไหมและทอผ้า) ยิ่งได้ศึกษาเธอก็ยิ่งชอบกิโมโนมากยิ่งขึ้น เมื่อเรียนจบเธอจึงเข้าทำงานที่โรงผลิต "Gujo-tsumugi (郡上紬)" กิโมโนดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงมากใน Gujo Hachiman จังหวัดกิฟุ และได้สั่งสมประสบการณ์อันมีค่าจากอาจารย์ผู้เป็นทรัพย์สมบัติชาติที่มีชีวิตของญี่ปุ่น

ในระหว่างที่คลุกคลีอยู่กับกิโมโนเช่นนี้ คุณอาเบะก็ได้ยินเรื่องที่น่ากังวลใจจากเพื่อนและคนรู้จักว่า "มีกิโมโนและโอบิ (สายรัดกิโมโน) เก่าๆ คาไว้ในตู้ที่บ้านแล้วตั้งไม่รู้กี่ปี" โดยเฉพาะกิโมโนสำหรับโอกาสพิเศษอย่างงานฉลอง งานแต่ง หรืองานศพนั้น ในชีวิตนี้อาจจะได้ใส่เพียงครั้งเดียวก็ได้ คุณอาเบะจึงได้รับกิโมโนเหล่านั้นมาเป็นครั้งเป็นคราว เธอกล่าวว่า "น่าเสียดายที่กิโมโนสวยๆ เหล่านี้ถูกทิ้งไว้โดยไม่ใช้งาน หากเป็นไปได้ ฉันอยากให้มันอยู่ใกล้ๆ ตัวฉันตลอดเวลา" สิ่งนี้เองที่เป็นแรงพลักดันที่ทำให้คุณอาเบะริเริ่มกิจการขึ้น บวกกับความต้องการที่จะหยุดยั้งการถดถอยของอุตสาหกรรมและวัฒนธรรมกิโมโน ดังที่เห็นได้จากจำนวนคนสวมกิโมโนที่ลดน้อยลงในญี่ปุ่น พื้นหลังเช่นนี้ทำให้เธอคิดอยากจะแปรสภาพกิโมโนและโอบิที่ได้รับสืบทอดมาให้กลายเป็นสินค้าบางอย่าง หากสามารถนำกิโมโนและโอบิอันมีค่านี้มาใช้ใหม่ได้โดยไม่ต้องทิ้งไป ก็จะมีส่วนช่วยในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนอย่างแน่นอน

เนื่องจากคุณอาเบะมีประสบการณ์ด้านการออกแบบและตกแต่งภายใน เธอจึงท้าทายตัวเองในธุรกิจที่ "ไม่ใช่แค่สวมกิโมโน แต่สร้างของตกแต่งภายในโดยใช้ประโยชน์จากกิโมโน"

การคิดค้นหมอนจากสายรัดโอบิของกิโมโน

เพื่อพัฒนา "หมอนจากโอบิของกิโมโน" คุณอาเบะจึงเดินทางไปหาคุณฟุรุตะ ฮิซะโนริ (古田久典) ช่างผู้เชี่ยวชาญด้านการเย็บผ้าที่อยู่อาศัยในเมืองทาคายามะ จังหวัดกิฟุ คุณฟุรุตะเป็นช่างที่ยุ่งมาก และมีออเดอร์เข้ามาจากร้านเฟอร์นิเจอร์ทั่วประเทศ ในอดีตคุณอาเบะเคยร่วมงานกับคุณฟุรุตะอยู่ครั้งหนึ่ง พอได้เริ่มกิจการจึงลองสอบถามคุณฟุรุตะดูเพราะรู้สึกว่าความสามารถของเขานั้นเป็นสิ่งจำเป็น ก่อนจะถึงตอนนั้นคุณฟุรุตะไม่เคยทำงานเกี่ยวกับโอบิมาก่อน แต่ก็สัมผัสได้ถึงความสนุกสนานจากความรู้สึกของคุณอาเบะที่มีต่อกิโมโนและกิจการที่เธอกำลังจะทำ เขาจึงตกลงที่จะลองท้าทายกิจการนี้ร่วมกันกับเธอ

ด้วยเหตุนี้เอง "F.O.A" แบรนด์หมอนที่ใช้ประโยชน์จากโอบิจึงถูกก่อตั้งขึ้น F.O.A ให้ความสำคัญกับเลือกใช้ผ้าที่เข้ากันได้ดีกับโอบิ และไส้ในหมอนที่ทำจากขนเป็ด 100% ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์รีไซเคิลธรรมดาๆ แต่เป็นการเพิ่มมูลค่าโดยใช้ประโยชน์จากโอบิ และสืบทอดความรู้สึกของคนในอดีตที่มีต่อพวกมัน

เมื่อกล่าวถึง "โอบิของกิโมโน" ชาวต่างชาติบางคนอาจไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ "โอบิ" เป็นสายรัดที่ทอขึ้นมาจากผ้ายาวๆ หนึ่งผืน คล้ายกับเข็มขัดที่ใช้ตอนสวมเสื้อผ้าตะวันตก แต่ก็มีจุดที่ทำให้มันค่อนข้างแตกต่างกัน เวลาสวมกิโมโนเราจะผูกปมของกิโมโนก่อน จากนั้นค่อยรัดด้วยโอบิ เนื่องจากการผูกปมเพียงอย่างเดียวอาจทำให้กิโมโนคลายออกได้ จึงรัดด้วยโอบิทับอีกชั้นหนึ่งเพื่อช่วยในการคงรูปของกิโมโน โอบินี้ยังมีหน้าที่สำคัญในฐานะของประดับอีกด้วย

นอกจากนี้ ต่างกับเสื้อผ้าตะวันตกที่แบ่งไซส์เป็น S, M, L โดยทั่วไปแล้วกิโมโนจะมีเพียงไซส์เดียว โดยจะพับส่วนที่ยาวเกินและรัดโอบิเพื่อให้พอดีกับร่างกายของคนที่สวม ในมุมหนึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นฟรีไซส์ ไม่ว่าจะมีขนาดร่างกายยังไงก็สามารถสวมกิโมโนตัวเดียวกันได้

"Obi-za" ทรงสี่เหลี่ยม และ "Obi-boru" ทรงกระบอก

ผลิตภัณฑ์ของ F.O.A ประกอบไปด้วย "Obi-za (Obi座)" ทรงสี่เหลี่ยมทั่วๆ ไป และ "Obi-boru (Obiボル)" ที่มีลักษณะเป็นทรงกระบอก ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็มีดีไซน์ที่สัมผัสได้ถึงความงามดั้งเดิมแบบญี่ปุ่น ในขณะเดียวก็เข้ากับบรรยากาศแนวโมเดิร์นได้ดี ทำให้มีเสน่ห์มากในฐานะของตกแต่งภายใน Obi-boru สามารถใช้รองข้อศอกเวลาอยู่บนโซฟา หรือจะใช้หนุนหลังเวลาอยู่บนเตียงก็ได้ มีวิธีใช้งานที่คล้ายกับ bolster cushion ของต่างประเทศ

หมอนของ F.O.A เข้ากันได้ดีเป็นพิเศษกับบรรยากาศของห้องพักตามเรียวกังหรือโรงแรมแนวญี่ปุ่น ส่วนวิธีใช้งานอื่นๆ ก็มีตัวอย่างเช่น ใช้สร้างบรรยากาศเวลาถ่ายภาพในชุดญี่ปุ่นตามศาลเจ้าเพื่อใช้เป็น photo wedding (การถ่ายภาพเป็นที่ระลึกโดยไม่ต้องแต่งงานจริงๆ) ลวดลายแต่ละลายในโอบิมีความหมายของมันอยู่ จึงสามารถใช้เป็นของอวยพรในโอกาสต่างๆ ได้ด้วย

แนวคิดอัพไซเคิลที่ F.O.A ให้ความสำคัญ

คุณอาเบะได้กล่าวว่า "ปัจจุบันเราสามารถซื้อของเก่าได้ง่ายๆ ผ่านทางแอปโทรศัพท์มือถือ แต่ฉันคิดว่าของเก่าไม่จำเป็นต้องราคาถูกเสมอไป มันควรจะมีคุณค่าเสียมากกว่า เราจะดีใจมากหากสินค้าของเราสามารถแสดงให้เห็นว่าเก่าไม่เท่ากับถูกเสมอไป"

การนำของเก่าหรือของที่จะถูกทิ้งมาใส่มูลค่าใหม่ๆ อย่างดีไซน์หรือไอเดีย และแปลงโฉมให้มันกลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น เป็นสิ่งที่ปัจจุบันเราเรียกว่า "อัพไซเคิล" ผลิตภัณฑ์ของคุณอาเบะและเพื่อนๆ ก็สร้างขึ้นภายใต้แนวคิดเดียวกันนี้

ความยาก มนตร์เสน่ห์ และความท้าทายในการผลิต

สำหรับคุณฟุรุตะผู้เป็นช่างเย็บผ้าแล้ว จุดที่ยากที่สุดคือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบและเป็นชื่นชอบไปอย่างยาวนาน เขากล่าวว่า "โอบิที่ถูกใช้อย่างทะนุถนอมจะแฝงไปด้วยความรู้สึกของเจ้าของเดิม และเมื่อโอบิเหล่านั้นถูกคุณอาเบะเลือกขึ้น มันก็จะมีความรู้สึกของคุณอาเบะเพิ่มลงไปด้วย"

ด้วยเหตุนี้เอง คุณฟุรุตะจึงอยากจะพูดกับโอบิได้ในระหว่างที่เขาลงมือสร้างผลิตภัณฑ์ เมื่อเปลี่ยนโอบิที่หลับไหลอยู่ในตู้มาอย่างยาวนานให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ โอบินั้นก็จะเล่าเรื่องราวชีวิตทั้งหมดของตัวเองให้เราฟัง คุณฟุรุตะจึงชอบกล่าวกับโอบิพวกนี้ว่า "ต่อจากนี้ก็ขอรบกวนด้วยนะ" แน่นอนว่าการผลิตไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เขาก็ก้าวข้ามมาได้โดยการมองว่าขั้นตอนแต่ละขั้นเป็นเหมือนบททดสอบทักษะของตัวเอง

การรู้สึกว่า "โอบิกำลังดีใจอยู่" หรือ "ได้ช่วยมอบชีวิตใหม่ก่อนที่มันจะถูกทิ้ง" นั้นเป็นทั้งเสน่ห์และความท้าทายของงานนี้ กล่าวได้ว่าคุณฟุรุตะไม่เพียงแค่สร้างสิ่งของ แต่ยังคืนชีวิตให้กับความรู้สึกที่อยู่ภายในด้วย

การสร้างที่ไม่แมส แต่บอกเล่าเรื่องราวและความรู้สึกของผลิตภัณฑ์

F.O.A มีผู้รับผิดชอบฝ่ายขายเป็นคุณโอโมเตะ ชิโฮะ (表志穂) ผู้ที่เคยทำงานในวงการการผลิตแบบแมสมาก่อน งานก่อนๆ ของเธอทำให้เธอเกิดความสงสัยในทำนองว่า "คนสร้างจะรู้สึกอย่างไรถ้าผลงานของตัวเองขายถูกขนาดนี้" และ "ทั้งๆ ที่มีคนมากมายที่มีส่วนร่วมในการผลิต แล้วเอามาขายในราคานี้จะดีเหรอ"

ด้วยเหตุนี้เอง คุณโอโมเตะจึงตัดสินใจที่จะเริ่มกิจการ F.O.A ร่วมกันกับคุณอาเบะ กิจการนี้ทำให้เธอรู้สึกถึงความท้าทายในการส่งมอบสินค้าในราคาที่เหมาะสมกับมูลค่าของตัวสินค้าและความรู้สึกของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับมัน สินค้าแต่ละชิ้นจะถูกเรียกว่า "ผลงาน" และวางจำหน่ายในชื่อที่อัดแน่นไปด้วยความหมาย

ผลงานของ F.O.A มีราคาอยู่ที่ประมาณ 50,000-100,000 เยน ส่วนใหญ่จะทำมาจากโอบิที่เดิมทีก็มีราคาหลักแสนอยู่แล้ว โดยเฉพาะโอบิที่ใช้ในงานมงคลนั้น อาจมีราคาสูงถึง 1 ล้านเยนเลยก็ได้ แม้ว่าโอบิที่ใช้จะเป็นสินค้ามือสอง แต่ก็อาจทำขึ้นด้วยวัสดุที่มีมูลค่าในฐานะของเก่าแก่ จึงเรียกได้ว่าเป็นราคาที่เหมาะสมกับราคาทุน ยังไม่รวมถึงการผลิตที่ต้องใช้เวลาและเรี่ยวแรงมาก ตั้งแต่การที่คุณอาเบะคัดเลือกโอบิและจินตนาการถึงวัสดุปลอกหมอนที่เข้ากันได้ดี ไปจนถึงขั้นตอนการเย็บของคุณฟุรุตะที่ใช้เวลาเกือบทั้งวัน เป็นการส่งมอบผลงานที่ทำให้ผู้ซื้อสัมผัสได้ถึงมูลค่าของโอบิและเรื่องราวของผู้สร้าง

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

สำหรับผู้ที่สนใจผลงานของ F.O.A

ถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ต่างประเทศ คุณก็สามารถสั่งซื้อผลงานของ F.O.A ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของพวกเขา (อาจงดบริการในบางพื้นที่เนื่องจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19)
เรื่องน่ารู้คือชื่อแบรนด์ "F.O.A" นั้นมาจากอักษรนำหน้าของคุณฟุรุตะ (FURUTA) คุณโอโมเตะ (OMOTE) และคุณอาเบะ (ABE) แบรนด์ของพวกเขามีสตูดิโออยู่ที่เมืองทาคายามะ จังหวัดกิฟุ ซึ่งคอยผลิตผลงานออกมาในทุกๆ วัน

ปัจจุบัน หนึ่งในสามารถที่ที่คุณสามารถลองสัมผัสหมอนของ F.O.A ได้ก็คือที่ "IORI STAY" บ้านพักแบบเช่าเหมาหลังที่รีโนเวทมาจากบ้านเรือนสมัยก่อน ซึ่งตั้งอยู่ในละแวกฮิดะของจังหวัดกิฟุ บ่อยครั้งที่ที่นี่ได้รับการเช่าจากชาวต่างชาติที่ชอบความเป็นญี่ปุ่น หากมีการปลดล็อคเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว ก็ไม่ควรพลาดที่จะลองแวะมาเพื่อสัมผัสผลงานของ F.O.A ดูสักครั้ง ในอนาคตทางแบรนด์ได้วางแผนที่จะให้เรียวกังหลายๆ แห่งยืมผลงานก่อน หากมันได้รับความนิยมแล้วก็ค่อยซื้อก็ได้ จึงเป็นไปได้สูงว่าคุณจะมีโอกาสได้เห็นพวกมันมากขึ้นในอนาคต

นอกจากเว็บไซต์ของ F.O.A แล้ว หากคุณอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็ยังสามารถสั่งซื้อผ่าน "tells market" ได้อีกด้วย tells market เป็นร้านค้าออนไลน์ที่จำหน่ายสินค้าที่เป็นมิตรต่อโลก โดยมีคอนเซ็ปต์เป็นการให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผู้สร้าง สืบสานวัฒนธรรมดั้งเดิม และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม คุณสามารถมีส่วนร่วมในการรักษาป่าไม้ได้ผ่านการซื้อสินค้าจากเว็บไซต์นี้

นอกจากนี้ F.O.A ยังมีกำหนดการที่จะเข้าร่วมงาน "MoFF 2022" ซึ่งจะจัดขึ้นที่ "TRUNK HOTEL" ในชิบูย่า วันที่ 9 กันยายน 2022 ในอีเวนต์นี้คุณจะได้พบกับงานฝีมือดั้งเดิมมากมาย รวมถึงผลงานของ F.O.A ด้วย สำหรับผู้ที่อยู่ในชิบูย่าในช่วงเวลาดังกล่าว เราขอแนะนำให้ลองแวะมาดูสักครั้ง

Klook.com

ส่งท้าย

ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน เครื่องแต่งกายดั้งเดิมก็เป็นวัฒนธรรมที่สำคัญมากๆ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้เราอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเศร้า โอกาสในการได้เห็นเครื่องแต่งกายดั้งเดิมนั้นลดน้อยลงไปทุกที ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ผลงานของ F.O.A จึงเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมาก มันช่วยให้เราสัมผัสถึงเสน่ห์ของกิโมโนซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้อย่างใกล้ชิด คุณอาเบะที่สละเวลามาให้เราสัมภาษณ์ในครั้งนี้ เป็นผู้ที่มีความรักต่อกิโมโนที่ยิ่งใหญ่มาก เราหวังว่าบทสัมภาษณ์นี้จะสามารถถ่ายทอดความรู้สึกของผู้สร้างสรรค์ และทำให้คนจำนวนมากขึ้นมีโอกาสได้สัมผัสกับผลงานของ F.O.A

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

enomoto
enomoto
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร