พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์รถไฟเกียวโต พิพิธภัณฑ์รถไฟที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น!

พิพิธภัณฑ์รถไฟที่จังหวัดเกียวโตนั้น ถือเป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นและยังเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย! พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดทำการในปี 2016 ด้านในประกอบด้วยนิทรรศการแสดงประเภทรถไฟตั้งแต่สมัยโบราณ รุ่นไอน้ำจนถึงรถไฟสุดทันสมัยอย่างชินคันเซ็นเลยทีเดียว ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักความพิเศษของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ที่ดึงดูดทั้งคนจำนวนมาก ไปติดตามกันเลยค่ะ!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

เมื่อถึงสถานีเกียวโตแล้วก็เดินตรงไปตามป้ายบอกทางได้เลยค่ะ ระหว่างทางคุณจะผ่านสวนอุเมะโคจิ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเกียวโตและสุดท้ายก็จะถึงพิพิธภัณฑ์รถไฟแห่งนี้นั่นเอง เรียกได้ว่าไกลสักหน่อย ถ้าไม่อยากเดินก็สามารถใช้บริการรถบัสได้ แต่ถ้าเดินแล้วก็อย่าลืมชื่นชมวิวรอบๆ เพราะสวยอย่าบอกใครเลยล่ะค่ะ!

ระหว่างที่เดินไป ก็จะเห็นม้านั่งจำนวนมากที่หันหน้าเข้าหารางรถไฟ พนันได้เลยว่าชาวเกียวโตทั้งหลายคงชอบมาปิกนิกที่นี่แน่ๆ บนเสาไฟต่างๆ ก็มีธงน่ารักๆ ประดับตกแต่ง แต่ในบางส่วนของสวน ก็แทบไม่มีอะไรเลย เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งตกใจนะคะ คุณมาถูกทางแล้วค่ะ

 

จุดแรกที่เราผ่าน ก็คือสถานีนิโจ (Nijo Station) อาคารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1904 และเคยถูกใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทรถไฟเกียวโตอีกด้วย ภายหลังบริษัทรถไฟญี่ปุ่นและบริษัท JR ตะวันตกก็เข้ามารับช่วงต่อพร้อมกับปรับปรุงให้กลายเป็นอีกหนึ่งในสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของเมืองในปี 1996 ในบริเวณนี้มีผู้คนมากเลยแหละค่ะ แถมยังมีร้านขายของที่ระลึกมากมายอีกด้วย

 

ทีนี้ก็มาถึงพิพิธภัณฑ์ของเรากันแล้ว พิพิธภัณฑ์รถไฟเกียวโตแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณของสวนอุเมะโคจิ และเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ไอเดียพื้นฐานของที่นี่ก็คือการเป็นจุดบันทึกความทรงจำและพัฒนาการของรถไฟในประเทศญี่ปุ่นที่ก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับชุมชน และยังมีเป้าหมายในการคืนความสุขให้แก่ชุมชนโดยรอบอีกด้วย นอกจากพิพิธภัณฑ์จะเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างประสบการณ์เกี่ยวกับรถไฟไปด้วยพร้อมๆ กัน

ตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สามารถซื้อได้ที่ตู้ขายตั๋ว ไม่ต้องกลัวว่าจะซื้อยากนะคะ เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ของทางพิพิธภัณฑ์ยืนประจำอยู่ที่ข้างๆ ตู้ค่ะ ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็สอบถามได้เลย สำหรับตัวผู้เขียนเป็นนักเรียน แต่กว่าจะหาบัตรนักเรียนตัวเองเจอก็ยากเอาเรื่องเลย แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ขอตรวจบัตรนักเรียน เราก็เลยรู้สึกว่าทางเค้าไว้วางใจเรามากๆ เลยล่ะค่ะ

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มี 3 ชั้น มีนิทรรศการแนะนำโครงสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในระบบรางรถไฟ รถไฟประเภทต่างๆ ตลอดจนวิธีการบังคับรถไฟและนิทรรศการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเรา นอกจากนี้ จากบทความต่างๆ เรายังพบว่าทางพิพิธภัณฑ์มีกิจกรรมอีกมากมายให้คุณพ่อคุณแม่ที่พาลูกๆ มาที่นี่ได้ทำร่วมกันอีกด้วย ในบริเวณส่วนนี้มีเด็กอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ แต่ด้วยทางเราไม่ได้มากับเด็ก เลยไม่ได้ใช้เวลาตรงนี้มากนัก

เมื่อเข้าไปในพิพิธภัณฑ์แล้ว คุณจะพบกับโซน promenade ที่มีรถไฟจำนวน 53 สายจัดแสดงอยู่! เห็นแล้วก็ไม่ต้องแปลกใจเลยว่านี่คือพิพิธภัณฑ์รถไฟที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น! รถไฟหลายคันในนี้ คุณจะสามารถเข้าไปด้านในได้เลย แต่ในโซนนี้ก็มีเด็กมากมายเช่นกัน เราจึงแค่ถ่ายภาพและชื่นชมจากด้านนอกเท่านั้นนะคะ

เมื่อมาถึงตัวอาคารหลักแล้ว คุณจะพบกับรถไฟมากมาย ที่ทำให้ผู้เขียนนึกหวนถึงการ์ตูนสมัยเด็ก เรื่อง Hikarian ที่ตู้รถไฟสามารถแยกออกจากกันได้ แถมรถไฟแต่ละคันก็มีบุคลิกภาพและนิสัยที่สดใสแตกต่างกันไปอีกด้วย รถไฟทุกๆ คันจะช่วยกันต่อสู้กับศัตรูตัวร้าย เรารู้สึกได้เลยว่าตัวการ์ตูนทั้งหลายในวัยเยาว์คล้ายกับรถไฟที่นี่เลยแหละ!

ส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนชอบกำแพงตรงนี้มากๆ เลยค่ะ กำแพงบริเวณนี้ถูกตกแต่งด้วยชื่อของรถไฟในช่วงเวลาที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้น การตั้งชื่อรถไฟแต่ละขบวนนั้นก็เปรียบเหมือนการให้ชีวิตแก่รถไฟ และยังเป็นการเพิ่มความหมายให้แก่การเดินทาง ทำให้ผู้โดยสารตั้งหน้าตั้งตารอคอยการเดินทางอันแสนพิเศษนี้มากยิ่งขึ้น

แต่ประเด็นสำคัญของกำแพงแห่งนี้ก็คือ คำว่า "Naha" หรือชื่อเมืองหลวงของโอกินาว่า ทำไมรถไฟของโอกินาว่าถึงไม่ถูกสร้างใหม่นะ เห็นแล้วก็อยากจะลองขึ้นรถไฟในโอกินาว่า สัมผัสประสบการณ์ของรถไฟเก่าแก่นี้เหมือนกับชาวโอกินาว่าเลยทีเดียว

ผู้เขียนชอบบริเวณนี้มากๆ เลยค่ะ เพราะมันเกี่ยวกับการอธิบายรายละเอียดของการสร้างทางรถไฟ การขุดอุโมงค์ รวมไปถึงการอ่านสัญลักษณ์และสัญญาณต่างๆ ตามทางรถไฟอีกด้วย ผู้เขียนสนใจใคร่รู้เรื่องเกี่ยวกับทางรถไฟมากๆ เลยชอบที่นี่เป็นพิเศษ

ในจุดนี้ คุณสามารถต่อแถวรอเพื่อที่จะลองประกาศบนรถไฟได้! โดยทุกคนในบริเวณนี้จะได้ยินทั้งหมด เป็นประสบการณ์ใหม่เลยทีเดียวใช่มั้ยล่ะคะ!

นอกจากการที่เราเห็นรถไฟจากทั้งภายนอกและภายในแล้ว ที่นี่ยังมีนิทรรศการที่คุณจะได้เห็นทั้งหลังคาและใต้ตัวรถไฟเลยทีเดียว ปกติทั้ง 2 มุมนี้จะเห็นได้จากในหนังแอคชั่นเท่านั้น นิทรรศการนี้เลยน่าตื่นเต้นสุดๆ 

บนป้ายต่างๆ จะมีคำอธิบายอย่างละเอียด และถ้าเราเป็นคนรักรถไฟตัวจริงล่ะก็ คงอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อจะให้เข้าใจทุกอย่างมากกว่านี้มากๆ 

ในชั้น 2 นิทรรศการต่างๆ จะเน้นไปที่ปัจจุบันเป็นหลัก อย่างตรงนี้ก็เป็นพัฒนาการของบัตร IC พร้อมข้อตกลงหลักๆ ของบัตรโดยสารแต่ละชนิด

ผู้เขียนไม่ได้ใช้เวลากับบริเวณที่สามารถทดลองเล่นนั่นนี่ได้มากนัก แต่นี่เป็นเครื่องเดียวที่ผู้เขียนได้ทดลองเล่นดู นั่นก็คือเครื่องที่สามารถทดลองพลิกกระดานการออกรถไฟได้! ผู้เขียนสงสัยมาตลอดว่าตารางเวลาในสถานีรถไฟอื่นๆ ทั่วโลกจะมีวิธีการจัดการเช่นนี้หรือไม่ บนโต๊ะข้างๆ มีตัวเลขมากมายที่บ่งบอกเลขประจำขบวนรถ เวลาออกและจุดหมายปลายทาง หลังจากที่ใส่ตัวเลขเฉพาะและกดปุ่มเริ่มแล้ว ตารางเวลาก็จะพลิกค่ะ!

ภายในตู้จำหน่ายตั๋ว

นี่เป็นความทรงจำที่ดีมากๆ เลยค่ะ เพียงซื้อตั๋วรถไฟที่ตู้จำหน่าย (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) แล้วสอดเข้าไปที่ประตูสถานี ชื่อรถไฟและวันจะถูกพิมพ์ลงบนตั๋วค่ะ ประตูสถานีรถไฟเป็นแบบโปร่งใส ทำให้ทุกคนสามารถเห็นการทำงานภายในเครื่อง แต่ทุกอย่างมักจะเร็วมากจนมองไม่ทันเลยล่ะค่ะ เพราะว่าความเร็วก็คือทุกอย่างที่จะทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากเคลื่อนไปได้อย่างรวดเร็ว!

ยิ่งเดินออกห่างจากส่วนที่สามารถทดลองเล่นได้ จำนวนนักท่องเที่ยวก็จะน้อยลงเรื่อยๆ ในบริเวณนี้จะเกี่ยวกับพัฒนาการของรถไฟญี่ปุ่น เพียงส่องดูโมเดลและนิทรรศการทั้งหลายก็มีความสุขแล้วค่ะ อย่างรถไฟ Kyushu limited express ก็มีอยู่ในเฟรมนี้ด้วยค่ะ ผู้เขียนเคยขึ้นแค่ Aso Boy และ Yufuin no Mori เท่านั้น แต่รับประกันได้เลยว่าหลังจากนี้ผู้เขียนจะตามเก็บให้มากขึ้นด้วยการกลับมาที่นี้อีกครั้งในฐานะนักท่องเที่ยวแล้วซื้อตั๋ว JR Pass อย่างแน่นอนค่ะ!

นอกจากรถไฟ JR ที่เป็นของรัฐบาลแล้ว รถไฟท้องถิ่นและรถไฟเอกชนก็ยังมีจัดแสดงด้วยนะคะ พูดง่ายๆ ก็คือรถไฟทุกประเภทที่คิดออกก็อยู่ที่นี่แหละค่ะ

โซนที่คุณสามารถทดลองเล่นได้ที่ค่อนข้างใหญ่เลยค่ะ แต่ผู้เขียนมีโอกาสได้ทดลองเล่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถึงจะเป็นโซนที่ทดลองได้ แต่ผู้เขียนก็แทบไม่เข้าใจเลยล่ะค่ะ การบริหารรถไฟที่รวดเร็วมากๆ จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีและความชาญฉลาดมากเลยทีเดียว เป็นผู้โดยสารนี่ง่าย แต่ความซับซ้อนที่อยู่ในการบริหารนั้น เรียกว่างุนงงสุดๆ ไปเลย!

นี่คือ Roundhouse Platform ที่โด่งดังขนาดที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมหนึ่งของญี่ปุ่นเลย นอกจากสถานีที่จัดจากส่วนกลางแล้ว จุดที่หมุนได้ตรงกลางที่เป็นรูปพัดลมก็ยังเป็นโครงสร้างที่ดึงดูดสายตาอีกด้วย

ดอกเบญจมาศตรงด้านหน้า และนกฟีนิกซ์ด้านข้างถูกเสริมเข้ามาเพื่อความหรูหราในรถไฟ C581 บริเวณหน้ารถไฟนี้มีเจ้าหน้าที่ยืนรออยู่เพื่อถ่ายรูปให้คุณด้วยนะคะ

ที่ชั้นบนสุดของตึกนี้ คุณจะสามารถเห็นรถไฟที่กำลังเข้าและออกจากสถานีเกียวโตได้จากทุกมุมเลยค่ะ แถมยังดูได้ด้วยว่าสายไหนปิดหรือเปิดอยู่ จึงใช้เวลาตรงจุดนี้นานกว่าที่คิด และถ้าหากเจ้าหน้าที่ไม่เริ่มเชิญนักท่องเที่ยวออก ก็คงจะใช้เวลาอีกสักครึ่งชั่วโมงที่นี่เลยแหละ

สุดท้าย ผู้เขียนได้ไปยังสถานีนิโจเก่าที่เป็นทางออกจากพิพิธภัณฑ์ค่ะ เราใช้เวลาที่นี่นานกว่าที่คาดไว้ แต่ก็ยังไม่สามารถดูทุกอย่างได้จนทั่วอยู่ดี ที่นี่เป็นจุดหมายที่ดีและคุ้มค่ามากๆ สำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมนะคะ!

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์คันไซ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

あさたべ(Asatabe)
あさたべ(Asatabe)
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร