แนะนำอาหารเด็ดฮอกไกโด เจาะลึกเมนู "ราเมง" พร้อมแนะนำร้านเด็ด [อัพเดต2020]

ฮอกไกโด ขึ้นชื่นว่าเป็นขุมทรัพย์แห่งอาหาร ตั้งแต่กุ้งหอยปูปลาไปจนถึงผักสดใหม่ รวมถึง "ราเมง" ซึ่งก็เป็นหนึ่งในอาหารที่เป็นตัวแทนของฮอกไกโดได้เลยทีเดียว ด้วยความที่ฮอกไกโดมีพื้นที่กว้างใหญ่ จึงมีราเมงสไตล์ที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ ในคราวนี้ เราขอแนะนำราเมงทั้ง 11 ชนิดในหลากหลายรสชาติที่เพลิดเพลินได้ในแต่ละพื้นที่ของฮอกไกโด ลองค้นหาราเมงที่คุณโปรดปรานดูนะ!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

1. ซัปโปโรราเมง (札幌ラーメン) [เมืองซัปโปโร]

จากบรรดาราเมงในฮอกไกโดทั้งหมดก็มีซัปโปโรราเมงนี่แหละที่เป็นที่รู้จักกว้างขวางเป็นพิเศษ ซึ่งถือเป็นตัวแทนของ 3 ราเมงชั้นยอดของฮอกไกโดเลยทีเดียว ลักษณะพิเศษของซัปโปโรราเมงคือ เป็นเส้นหยักค่อนข้างแข็งมีสีเหลือง เส้นสุกได้ที่ และมีรสมิโซะที่เข้มข้น

มิโซะคือเครื่องปรุงรสที่มาจากการนำถั่วเหลืองไปนึ่งแล้วบด จากนั้นก็ใส่ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาร หรือมอลต์ที่ทำจากถั่วเหลือง และเติมเกลือคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน จากนั้นก็หมักให้ได้ที่ ซึ่งถือเป็นเครื่องปรุงดั้งเดิมของญี่ปุ่นอย่างหนึ่ง

หลายคนอาจเข้าใจกันว่าซัปโปโรราเมง = มิโซะราเมง แต่รสมิโซะนี้ก็เพิ่งได้กลายมาเป็นที่นิยมกันช่วงหลังสงคราม เดิมทีจะเป็นรสเกลือและโชยุเสียมากกว่า ทำให้แทบทุกร้านจะมี 3 รสให้ได้ลิ้มลอง ทั้งรสโชยุ เกลือ และมิโซะ อีกทั้ง การสะกดคำว่าโชยุจะมีหลายร้านที่ไม่ได้สะกดว่า "醤油 (โชยุ)" แต่จะสะกดเป็น "正油 (โชยุ)" วัตถุดิบที่ใช้ก็มักจะใส่ผักผัดลงไป แล้วถึงแม้หลายคนจะเข้าใจว่าซัปโปโรราเมงจะต้องใส่ข้าวโพดและเนยลงไปด้วย แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ใส่ เพียงแต่ว่าเป็นท็อปปิ้งยอดนิยมก็เท่านั้น

2. อาซาฮิคาว่าราเมง (旭川ラーメン) [เมืองอาซาฮิคาว่า]

อาซาฮิคาว่าราเมงเป็นหนึ่งใน 3 ราเมงชั้นยอดของฮอกไกโด โดยมากจะเป็นซุปจากอาหารทะเลโดยใช้ปลาอาจิ และซุปดับเบิ้ลรสมิโซะที่ผสมผสานซุปจากสัตว์อย่างกระดูกหมูและกระดูกไก่เข้าด้วยกัน ส่วนเส้นจะเป็นเส้นหยักที่บางกลางๆ ซึ่งเส้นนั้นมักจะเป็นเส้นแบบมีน้ำน้อยเมื่อเทียบกับเส้นแบบอวบน้ำที่มักใช้ทำซัปโปโรราเมง จึงมีลักษณะพิเศษตรงที่ตัวเส้นจะดูดน้ำซุปได้ดี

ลักษณะพิเศษที่เด่นที่สุดคือการใช้มันหมูในการทำ ด้วยการใช้มันหมูร้อนๆ นี่เองที่เป็นการพลิกแพลงเพื่อป้องกันน้ำซุปเย็นชืด ส่วนรสชาติของอาซาฮิคาว่าราเมงก็มักจะมีอยู่ 3 รสได้แก่มิโซะ เกลือ และโชยุ

3. ฮาโกดาเตะราเมง (函館ラーメン) [เมืองฮาโกดาเตะ]

ฮาโกดาเตะราเมงเองก็เป็นหนึ่งใน 3 ราเมงชั้นยอดแห่งฮอกไกโด ทั้งยังเป็นที่รู้จักแพร่หลายในฐานะชิโอะราเมง (ราเมงซุปเกลือ) โดยมากจะมีเส้นบางตรง ซุปกระดูกหมูที่ค่อนข้างใส มีไขมันต่ำมากและมีรสชาติอ่อนๆ แม้ว่าฮาโกดาเตะจะเป็นพื้นที่การผลิตสาหร่ายคอมบุ แต่กลับมีดาชิ (น้ำซุปปลาแห้งและสาหร่ายคอมบุ) ที่ไม่ได้ทำจากเครื่องอาหารทะเลอยู่มาก

อีกทั้ง ส่วนผสมก็ยังเรียบง่ายและมีราคาค่อนข้างถูก แม้แต่ละร้านจะมีราคาต่างกันแต่ก็มีราคาอยู่ที่เพียง 500 เยนเท่านั้น จากการที่โฆษณาของนานกิงโซบะ (南京そば) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของฮาโกดาเตะราเมงเคยถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ฮาโกดาเตะ ที่ออกจำหน่ายเมื่อปี 1884 จึงทำให้ฮาโกดาเตะราเมงถูกเรียกว่าเป็น "ราเมงที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น" อีกด้วย

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

4. คุชิโระราเมง (釧路ラーメン) [เมืองคุชิโระ]

เป็นราเมงที่กำลังเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่กี่ปีมานี้ คุชิโระราเมงได้กลายเป็นราเมงโดดเด่นเป็นอันดับที่ 4 ของฮอกไกโด โดยมีเส้นบางหยัก และน้ำซุปรสอ่อนๆ จากคัตสึโอะดาชิ ซึ่งคัตสึโอะดาชิก็คือซุปที่นำปลาโอมาแล่เป็นแผ่นบางๆ ใส่ลงไปต้มในน้ำร้อน แล้วนำปลาแห้งคัตสึโอะบุชิออกมา ซึ่งการใช้ดาชิจะช่วยให้เกิดรสอูมามิที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับอาหารญี่ปุ่น ส่วนรสชาติโดยพื้นฐานจะเป็นรสโชยุ แต่รสเกลือที่มีรสกลมกล่อมก็ได้รับความนิยมเช่นกัน

ส่วนท็อปปิ้งก็มีต้นหอม หมูชาชู และหน่อไม้ญี่ปุ่นที่เรียบง่ายเป็นจุดเด่น สาเหตุที่ราเมงคุชิโระที่มีเอกลักษณ์นี้ไม่นิยมแพร่หลายไปในระดับประเทศก็เพราะว่าไม่ได้ใส่สารเติมแต่งและสารกันบูดลงไปเลยแม้แต่น้อย ตัวเส้นที่ชุ่มชื้นและยืดหยุ่นนั้น อาจได้รับความเสียหายและเหือดแห้งได้เร็ว ทำให้ยากต่อการนำออกไปยังภูมิภาคอื่นเพื่อให้เป็นของฝาก จึงเป็นอาหารที่มารับประทานได้ที่คุชิโระเท่านั้น และยังถือเป็นวัฒนธรรมประจำเมืองอีกด้วย

Klook.com

5. ราเมงแกงกะหรี่มูโรรัง [เมืองอิวามิซาวะ, เมืองโทมาโกะไม, เมืองมูโรรัง]

ราเมงแกงกะหรี่มูโรรัง (室蘭カレーラーメン) ทำขึ้นโดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองมูโรรัง ในขณะเดียวกันก็มุ่งหมายที่จะทำให้เป็นรสชาติที่ 4 ของฮอกไกโด ซุปแกงกะหรี่ที่มีความหนืดกับเส้นราเมงนั้นมีความเข้ากันเป็นอย่างดี คุณจะได้ดื่มด่ำไปกับรสชาติที่ผสมผสานระหว่างราเมงและแกงกะหรี่ที่ไม่ได้แค่จับมาคู่กันเฉยๆ มีเส้นหยักหนาที่ยืดหยุ่นและท็อปปิ้งด้วยหมูชาชู สาหร่ายวากาเมะ และถั่วงอกเป็นจุดเด่น

6. ราเมงซุปเกลือเอ็นหอยตากแห้งโอค็อตสค์ [พื้นที่ชายฝั่งทะเลโอค็อตสค์]

ราเมงซุปเกลือเอ็นหอยตากแห้งโอค็อตสค์ (オホーツク干貝柱塩ラーメン) เป็นอาหารพื้นเมืองใหม่ของฮอกไกโด ที่เกิดจากการพัฒนาร่วมกันกับทางนิตยสารท่องเที่ยวชั้นนำในญี่ปุ่น โดยมี 4 หมู่บ้าน ตำบลและเมืองที่ชายฝั่งทะเลโอค็อตสค์เข้าร่วมด้วย ซึ่งมีให้บริการอยู่ 17 ร้านในพื้นที่โอค็อตสค์ตั้งแต่วักกาไนไปจนถึงอาบาชิริ และจากคอนเซปต์ที่ว่า "อยากให้ทุกคนได้รู้จักความอร่อยของเอ็นหอยเชลล์ตากแห้งจากโอค็อตสค์" ทำให้มีการกำหนดกฎ 7 ข้อขึ้นมาได้แก่

1) ชื่อทางการต้องเป็น "ราเมงซุปเกลือเอ็นหอยตากแห้งโอค็อตสค์"

2) ท็อปปิ้งด้วยเอ็นหอยเชลล์ตากแห้งจากโอค็อตสค์ทั้งชิ้นที่นำกลับมานึ่ง

3) ตัวเส้นราเมงต้องใช้ข้าวสาลีจากโอค็อตสค์ในการทำ

4) น้ำซุปต้องเป็นรสเกลือธรรมชาติจากทะเลโอค็อตสค์หรือรสเกลือใส่สารสกัดจากหอยเชลล์ธรรมชาติ

5) ส่วนผสมนอกจากเอ็นหอยเชลล์ตากแห้ง ได้แก่ ไข่ต้มแบบยางมะตูมครึ่งฟอง ต้นหอม สาหร่ายวากาเมะ งาคั่ว ฯลฯ

6) เสิร์ฟ "OKHOTSK JAN (オホーツク醤)" สูตรพิเศษมาในจานแยกเป็นเครื่องปรุง

7) ราคาต้องต่ำกว่า 1,000 เยน โดยรวมภาษีแล้ว

ราเมงซุปเกลือที่มีรสชาติของเอ็นหอยเชลล์ตากแห้งนั้นมีรสอ่อนๆ น่าลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง

7. นากาชิเบ็ตสึมิลกี้ราเมง [ตำบลนากาชิเบ็ตสึ]

เพื่อแก้ปัญหาการบริโภคนมที่ตกต่ำลงในไม่กี่ปีที่ผ่านมา จึงเกิดการคิดค้นเมนูอาหารที่ใช้นมวัวจากนากาชิเบ็ตสึในปริมาณมาก แล้วทำให้เกิดเป็นเทรนด์การบริโภคขึ้นมา จนเกิดเป็น "นากาชิเบ็ตสึมิลกี้ราเมง" (中標津ミルキーラーメン) นั่นเอง

กฎของนากาชิเบ็ตสึมิลกี้ราเมง ได้แก่

1) ชื่อเรียกต้องเป็น "นากาชิเบ็ตสึมิลกี้ราเมง" ทั้งหมด

2) น้ำซุปต้องใช้นมวัวจากนากาชิเบ็ตสึ 100 มิลลิลิตรขึ้นไปในการทำ

3) รสชาติมาจากรสชาติดั้งเดิมของแต่ละร้านได้ตามอิสระ

ซึ่งรสชาตินั้นก็คล้ายคลึงกับฮากาตะทงคตสึราเมง มีรสมิโซะเผ็ดเล็กน้อยหรือรสมิโซะงา ซึ่งเข้ากันกับความนุ่มนวลของนมวัวจนเกิดเป็นความเข้มข้นที่ลึกล้ำขึ้น ซุปที่มีความคล้ายครีมจะผสมเข้ากับเส้นราเมงสีเหลืองที่มีความยืดหยุ่นซึ่งอร่อยมากๆ

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

8. ราเมงซุปเกลือกุ้งฮาโบโระ [ตำบลฮาโบโระ]

ราเมงซุปเกลือกุ้งฮาโบโระ (羽幌えびしおラーメン) เป็นราเมงซุปเกลือที่ใช้กุ้งหวาน ตรงตามคอนเซปต์ที่ว่า "ตำบลฮาโบโระ ตำบลที่จับกุ้งหวานได้เป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น" ได้รสอูมามิจากกุ้งและซุปใสกระดูกไก่ที่อร่อยและกลมกล่อม ท็อปปิ้งด้วยกุ้งหวานทอดแบบไม่ชุบแป้ง เกี๊ยวซ่าปลาหมึกกุ้งฮาโบโระ และต้นหอมขาว และได้รับการกำหนดว่าต้องเสิร์ฟพร้อมเครื่องปรุง 3 ชนิด ได้แก่ สาหร่ายอิวาโนริ ผงกุ้ง และน้ำมันกุ้งใส่มาในจานแยก

อีกทั้ง เส้นราเมงยังทำจากข้าวสาลีที่ผลิตในฮอกไกโดและน้ำมันกับผงกุ้งหวานที่จับได้ในตำบลฮาโบโระ ซุปมีรสชาติอ่อนๆ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับเส้นหยักหนาปานกลางที่ยืดหยุ่นและนุ่มลื่น ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเติมเครื่องปรุง 3 ชนิด ได้แก่ สาหร่ายอิวาโนริ ผงกุ้ง และน้ำมันกุ้งลงไป ก็จะยิ่งเพิ่มรสอูมามิและความเข้มข้นทำให้รับประทานได้อร่อยมากยิ่งขึ้น

9. อาซาฮิคาว่าโชยุฮอร์เมง [เมืองอาซาฮิคาว่า]

อาซาฮิคาว่าโชยุฮอร์เมง (旭川しょうゆホルメン) เป็นราเมงที่ผสมผสานโชยุราเมงและเครื่องใน (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ฮอรุมง) ย่างซึ่งเป็น 2 อาหารประจำอาซาฮิคาว่าเข้าด้วยกัน โดยกำหนดไว้ว่าจะต้องประกอบไปด้วยน้ำซุปโชยุในชามสีแดง และมีท็อปปิ้งเป็นเครื่องในรสสัมผัสใหม่อันแสนอ่อนนุ่มที่ตุ๋นด้วยโชยุอาซาฮิคาว่าสุดหอมหวนและคอลลาเจนที่ผลิตในประเทศ

สารสกัดที่ออกมาจากเครื่องในตุ๋นจะละลายลงไปในซุป ทำให้ซุปรสโชยุมีรสชาติที่กลมกล่อมและมีความเข้มข้นราวกับมิโซะราเมง อีกทั้ง เครื่องในยังไม่มีกลิ่นเหม็น นุ่มนิ่ม เคี้ยวและรับประทานได้ง่าย อยากให้ลองมาสนุกไปกับรสชาติที่ต่างจากอาซาฮิคาว่าราเมงทั่วไปกันดูนะ

10. กาตาตังราเมง (ガタタンラーメン) [เมืองอาชิเบ็ตสึ]

กาตาตังราเมง ประกอบไปด้วยส่วนผสมกว่า 10 ชนิด ตัวอย่างเช่น เนื้อหมู ปลาหมึก ผักกาดขาว แครอท หน่อไม้ เห็ดหอม ผักตามภูเขา และดังโงะที่นวดด้วยแป้งสาลี ใส่ลงไปในน้ำซุปจากกระดูกไก่หรือกระดูกหมู เติมความเข้มข้นด้วยไข่ที่ตีจนละลายซึ่งเข้ากันได้กับราเมงเป็นจุดเด่น ส่วนกาตาตังก็คือซุปจีนเข้มข้นที่มักทำกันตามบ้านเรือนในเมืองอาชิเบ็ตสึ โดยกล่าวกันว่ามีที่มาชื่อจาก "หานตั้วทาง" ซึ่งเป็นอาหารจีน

นอกจากจะเป็นเมนูที่เสิร์ฟตามร้านอาหารในเมืองอาชิเบ็ตสึแล้ว ก็ยังถูกนำไปทำเป็นสินค้าอาหารรีทอร์ท (อาหารที่ถูกบรรจุในบรรจุภัณฑ์ปิดสนิท และผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนภายใต้แรงดันที่กำหนด) และขายตามงานอีเวนต์ทั่วฮอกไกโด แม้จะเป็นซุปรสอ่อนแต่ก็มีส่วนผสมมากมายและมีความเข้มข้นที่เข้ากับราเมงเส้นหนาได้ดี ถึงขนาดที่ว่าลูกค้าส่วนมากจะซดน้ำซุปจนหมดเลย

11. โทคาจิกิวจันเมง (とかち牛じゃん麺) [ภูมิภาคโทคาจิ]

โทคาจิกิวจันเมง เป็นจาจาเมง (ราเมงแบบแห้งชนิดหนึ่ง มักใส่มิโซะ) แบบไม่มีน้ำซุปที่ประกอบด้วยเส้นที่มาจากข้าวสาลีผลิตในโทคาจินวดด้วยผงมันฝรั่ง คลุกเคล้ากับน้ำราดรสเผ็ดร้อนที่ทำจากเนื้อวัวบดจากโทคาจิที่ปลอดภัยไร้กังวล เป็นเมนูที่พัฒนาขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภูมิภาคด้วยอาหารการกิน ผ่านอาหารที่ทำจากวัตถุดิบในท้องถิ่นของภูมิภาคโทคาจิ

สำหรับวัตถุดิบที่นำมาใช้เป็นท็อปปิ้งรวมถึงการดัดแปลงต่างๆ จะปล่อยให้ร้านที่เข้าร่วมปรับได้ตามอิสระ ในปัจจุบันเมนูนี้มีให้บริการอยู่ใน 15 ร้าน ซึ่งไม่ได้มีเพียงร้านราเมง แต่ยังมีร้านแกงกะหรี่ ร้านเครื่องใน รวมถึงร้านอาหารชมวิวบนชั้นบนสุดของที่ทำการเทศบาลเมืองโอบิฮิโระก็ยังเข้าร่วมด้วย จึงค่อนข้างพิเศษตรงที่คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับรสชาติที่แตกต่างกันของแต่ละร้านได้

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์ฮอกไกโด
เช่ารถได้ในราคาที่คุณต้องการ รถเช่า หากคุณต้องการเช่ารถในญี่ปุ่น ต้องที่นี่เลย! ดูข้อมูลเพิ่มเติม

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Seira
Seira
ปัจจุบันดิฉันเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยในเขตโตเกียวค่ะ ดิฉันต้องการจะนำเสนอจุดท่องเที่ยว ของแฟชั่นยอดฮิต ฯลฯ ที่เป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ มหาวิทยาลัยผ่านทางบทความที่นี่ วิดีโอใน tsunagu japan นั้นดิฉันโพสท์เองค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร