12 จุดชมวิวขวัญใจช่างภาพ ชมทิวทัศน์งดงามในภูมิภาค ”ชิโคคุ”

“ชิโคคุ” เป็นภูมิภาคที่ประกอบด้วยไป 4 จังหวัดได้แก่โทคุชิมะ (Tokushima) เอฮิเมะ (Ehime) คากาวะ (Kagawa) และโคจิ (Kochi) โดยตั้งอยู่บนทิศตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น มีสภาพทางภูมิศาสตร์เป็นเกาะมีทะเลกั้นให้แยกจากเกาะหลัก ”ชิโคคุ”ยังเต็มไปด้วยทิวทัศน์ขวัญใจช่างภาพอีกมากมายที่รอให้เหล่านักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมเยียน โดยครั้งนี้จะขอแนะนำเพียง 12 จุดถ่ายภาพที่ได้ตั้งใจคัดสรรมาเป็นอย่างดี

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

1. สะพานแขวน Iya no Kazurahashi [จังหวัดโทคุชิมะ อำเภอ Miyoshi]

"สะพานแขวน Iya no Kazurahashi (祖谷のかずら橋)" เป็นสะพานแขวนที่ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาของหมู่บ้าน Nishi Iya Yamamura อำเภอ Miyoshi ซึ่งถูกถักทอโดย "ต้นกีวีจิ๋ว (Kiwiberry)" ที่เป็นพืชท้องถิ่นขึ้นอยู่ตามท้องทุ่งและหุบเขาในเขตนี้

ตัวสะพานมีความยาว 45 เมตร สูงจากผิวน้ำ 14 เมตร ทุกก้าวเดินที่ย่ำลงไปส่งแรงให้สะพานโคลงเคลงชวนหวาดเสียวขั้นสุด แม้ตัวสะพานจะถูกสร้างมาให้มีความแข็งแรงแต่หากจะเดินข้ามสะพานนี้แล้วล่ะก็คงต้องใช้ความกล้าพอสมควรเลยทีเดียว

สะพานถูกสร้างขึ้นโดยวัสดุจากธรรมชาติเท่านั้นทำให้กลมกลืนไปกับสภาพภูมิทัศน์อันสวยงามโดยรอบได้เป็นอย่างดี เราสามารถถ่ายภาพมนต์เสน่ห์ของตัวสะพานนี้ได้ทั้งจากบนสะพานและจากจุดที่ห่างออกไปจากสะพานเล็กน้อย

สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นโรคกลัวความสูงให้ลองเหลือบมองลงมาจากสะพานดู จากช่องว่างของแผ่นไม้บนสะพาน คุณจะมองเห็นสายน้ำใสสะอาดไหลไปตามทางแม่น้ำอยู่ด้านล่าง

 

[ข้อมูลสะพานแขวน Iya no Kazurahashi]

เวลาเปิดทำการ: พระอาทิตย์ขึ้น - พระอาทิตย์ตกดิน

วันหยุด: ไม่มีวันหยุด

ค่าบริการ: ผู้ใหญ่ 550 เยน เด็ก (ต่ำกว่ามัธยมต้น) 350 เยน

การเดินทาง: ลงรถไฟที่ "สถานี Ooboke" สาย JR Dosan ต่อรถบัส Shikoku เส้นที่วิ่งไปทาง Kazurahashi/Kubo ลงที่ป้าย "Kazurahashi" เดินต่ออีก 5 นาที
ลงรถไฟที่ "สถานี Ooboke" สาย JR Dosan ต่อรถแท็กซี่ราว 15 นาที

ที่ตั้ง: 162-2 Nishi Iya Yamamura, Miyoshi-shi, Tokushima (Google Map)

เว็บไซต์: discovertokushima.net/en/ (ภาษาอังกฤษ)

เว็บไซต์: www.awanavi.jp/feature/ (ภาษาญี่ปุ่น)

2. ช่องแคบ Naruto Kaikyo [จังหวัดโทคุชิมะ อำเภอ Naruto]

ช่องแคบ Naruto Kaikyo (鳴門海峡) เป็นช่องแคบที่อยู่ระหว่างจังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo) ซึ่งตั้งอยู่บนฮอนชู (เกาะหลัก) และจังหวัดโทคุชิมะ บริเวณนี้มีชื่อเสียงโด่งดังจากท้องทะเลที่มีน้ำวนอยู่ บริเวณช่องแคบเมื่อเกิดน้ำขึ้นน้ำลงวิ่งสวนกันทำให้สภาพทางภูมิศาสตร์ผืนแผ่นดินใต้น้ำมีลักษณะพิเศษ โดยมีพื้นที่ลึกจากผิวน้ำมากจนทำให้เกิดน้ำวนขนาดมหึมาขึ้น

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจะสามารถเห็นน้ำวนมีขนาดได้ถึง 20 เมตร ซึ่งถือเป็นน้ำวนขนาดใหญ่หนึ่งในสามแห่งของโลก มีขนาดใหญ่พอๆ กับน้ำวนที่ช่องแคบอิตาลีและช่องแคบแคนาดา หากขึ้นเรือไปจะสามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่ของน้ำวนนี้ใกล้ๆ ได้ 

จุดถ่ายรูปบริเวณน้ำวนมีอยู่หลายแห่งก็จริง แต่ที่จุดชมวิวที่ชื่อ "Usu no Michi (เส้นทางน้ำวน)" จะมีบริเวณที่เป็นพื้นกระจกซึ่งสามารถยืนอยู่เหนือน้ำวนเพื่อถ่ายภาพได้ พลังของคลื่นที่เคลื่อนไหวและเสียงอันทรงพลังสร้างแรงกดดันได้อย่างมหาศาลจนขาแทบอ่อนแรง

 

[เกี่ยวกับ Naruto Kaikyo]

เวลาที่ทำการ: เดือนมีนาคม - กันยายน เวลา 9:00 - 18:00 น.
ช่วงวันหยุด GW / วันหยุดฤดูร้อน 8:00 - 19:00 น.
เดือนตุลาคม - กุมภาพันธ์ 9:00 - 17:00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 30 นาทีก่อนปิดทำการ)

วันหยุด: วันจันทร์ที่สองของเดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายนและธันวาคม

ค่าบริการ: ผู้ใหญ่ 510 เยน เด็กมัธยม 410 เยน เด็กประถม 250 เยน

รองรับบัตรเครดิต: Visa, MasterCard, American Express, Diners Club, JCB

การเดินทาง: ลงรถไฟ "สถานี Naruto" สาย JR Naruto ต่อรถบัส Tokushima Bus เส้นที่วิ่งไปทาง Naruto Koen ลงรถที่ป้ายสถานี "Naruto Koen" เดินต่ออีก 5 นาที

สถานที่ตั้ง: Naruto Koen-nai, 65 Tosadomariurafukuike, Naruto-cho, Naruto-shi, Tokushima (Google Map)

เว็บไซต์: discovertokushima.net/en/topics/whirlpools-in-naruto/ (ภาษาอังกฤษ)

เว็บไซต์: www.uzunomichi.jp (ภาษาญี่ปุ่น)

3. ย่านที่อยู่อาศัย Udatsu no Machinami [จังหวัดโทคุชิมะ อำเภอ Mima]

"Udatsu" หมายถึง แผ่นกั้นระหว่างบ้านเพื่อป้องกันเหตุเพลิงไหม้ลุกลามไปยังบ้างข้างเคียง ในการสร้าง Udatsu นั้นจำเป็นจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ในช่วงรัชสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603 - 1868) Udatsu จึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งอีกด้วย

สำหรับบ้านญี่ปุ่นยุคปัจจุบันนั้นแทบจะหาดูไม่ได้อีกแล้ว แต่ในส่วนของย่านที่อยู่อาศัย Udatsu no Machinami (うだつの町並み) นั้นยังคงทิวทัศน์ดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งยังอดีตเอาไว้

แต่เดิม Udatsu มีการออกแบบง่ายๆ เพียงแค่ให้ใช้งานได้จริง แต่ในช่วงยุคกลางรัชสมัยเอโดะ (กลางศตวรรษที่ 17 ถึงช่วงกลางศตวรรษที่ 18) เป็นต้นมาได้มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นเหมือนส่วนประดับบ้าน ที่ Udatsu no Machinami เต็มไปด้วยการออกแบบหลากหลายชนิดตั้งแต่แบบทื่อๆ หนักๆ ไปจนถึงการออกแบบที่มีความละเอียดอ่อน การเปรียบเทียบดีไซน์ที่แตกต่างกันไปในบ้านแต่ละหลังก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

บรรยากาศที่เหมือนพาให้คุณได้เดินทางข้ามกาลเวลาแบบนี้ ต่อให้ไม่มีความสนใจในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นก็ยังหลงเสน่ห์เอาได้ง่ายๆ ยิ่งช่วงอาทิตย์อัสดงไฟดวงเล็กๆ เริ่มเปิดส่องสว่างแล้วยิ่งให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในโลกจินตนาการชวนฝันเลยทีเดียว

 

[เกี่ยวกับ Udatsu no Machinami]

การเดินทาง: ลงรถไฟ "สถานี Anabuki" สาย JR Tokushima ต่อรถบัส Mima metro bus สายที่วิ่งไปทาง Michi no Eki Udatsu ลงที่ป้าย "Michi no Eki Udatsu" เดินต่ออีกราว 1 นาที
ลงรถไฟ "สถานี Anabuki" สาย JR Tokushima ต่อแท็กซี่อีกราว 10 นาที

ที่ตั้ง: Ooaza Wakimachi, Wakimachi, Mima-shi, Tokushima (Google Map)

เว็บไซต์: discovertokushima.net/en/culture/museums_history/udatsu-townscape/ (ภาษาอังกฤษ)

เว็บไซต์: www.awanavi.jp/feature/udatsu.html (ภาษาญี่ปุ่น)

4. โรงอาบน้ำพุร้อน Dogo Onsen Honkan [จังหวัดเอฮิเมะ อำเภอ Matsuyama]

Maarten Heerlien/Flickr

"โรงอาบน้ำพุร้อน Dogo Onsen Honkan" (道後温泉) เป็นออนเซนที่ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1894 และได้รับดาวสามดวงซึ่งถือเป็นขั้นสูงสุดของ Michelin Greenguide Japan ในปีค.ศ. 2009 หลังจากสร้างเสร็จจนถึงปัจจุบันไม่เคยมีการก่อสร้างเพื่อปรับปรุงหรือซ่อมบำรุงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยังคงสภาพโอ่อ่าเสมือนตอนที่สร้างเพิ่งเสร็จจนถึงปัจจุบัน

คนรักอนิเมะบางคนบ้างอาจจะเคยเห็นลักษณะของตัวอาคารจากอนิเมะญี่ปุ่นแล้วก็ได้ จริงๆ แล้วที่โรงอาบน้ำพุร้อน Dogo Onsen Honkan นั้นเป็นหนึ่งในแบบจำลองสถานที่ของ "Spirited away (千と千尋の神隠し)" ผลงานของผู้กำกับ Hayao Miyazaki อีกด้วย

Hideyuki KAMON/Flickr

สถานที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและยังถูกใช้เป็นที่อาบน้ำร้อนมาจนถึงปัจจุบัน ลองเข้าไปสัมผัสความเพลิดเพลินของตัวอาคารที่มีสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาจากภายในกันดู ค่าเข้าอาบน้ำได้รวมค่าเช่าชุดยูกาตะ ค่าขนมเซมเบ้และน้ำชาสำหรับทานเล่นเอาไว้แล้ว

 

[เกี่ยวกับโรงอาบน้ำพุร้อน Dogo Onsen Honkan]

เวลาเปิดทำการ: เวลาใช้ที่อาบน้ำ "ห้องชั้น 2"  6:00 - 22:00 น.
"ชั้นล่าง" 6:00 - 23:00 น.

ค่าบริการ: ค่าอาบน้ำ "ห้องชั้น 2" บุคคลอายุ 12 ปีขึ้นไป 840 เยน เด็กอายุ 2-12 ปี 420 เยน
"ชั้นล่าง" บุคคลอายุ 12 ปีขึ้นไป 410 เยน อายุ 2-12 ปี 160 เยน

การเดินทาง: ลงรถไฟที่ "สถานี Dogo Onsen" สาย Iyo Tetsudo Jonan แล้วเดินต่ออีกราว 4 นาที

ที่อยู่: 5-6 Dogo Yunomachi, Matsuyama-shi, Ehime (Google Map)

เว็บไซต์: dogo.jp (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

5. ปราสาท Matsuyama [จังหวัดเอฮิเมะ อำเภอ Matsuyama]

"ปราสาท Matsuyama (松山城)" เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนยอดเขา Katsuyama ในกลางอำเภอ Matsuyama ตัวโถงปราสาทหลักที่มี Tenshu ถือเป็น 1 ใน 12 Tenshu ของญี่ปุ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ 

(Tenshu หมายถึง อาคารที่เป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าผู้ครองปราสาทที่มีสิ่งปลูกสร้างอยู่ภายในบริเวณปราสาทเดียวกัน หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นอาคารที่มีความโดดเด่นสวยงามที่สุดจากอาคารทั้งหมด)

ปราสาท Matsuyama นั้นหากรวมอาคารปลูกสร้างทั้งหมดและ Tenshu เข้าด้วยกันจะมีอาคารรวม 21 หลังโดยถือเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ถูกระบุเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมประจำชาติของญี่ปุ่นทั้งสิ้น ตัวพื้นที่มีความกว้างใหญ่สามารถเดินชมจุดต่างๆ ได้อย่างมากมาย ลองไปเดินเล่นหาวิวที่สวยงามถ่ายรูปเล่นกันดูนะ

ตัวปราสาท Matsuyama ตั้งอยู่บนเขาที่สูงพอสมควร ทิวทัศน์จาก Tenshu ก็ถือว่าพลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด โดยจะเห็นทั้งตัวเมืองของอำเภอ Matsuyama และยิ่งอากาศดีอาจจะมองเห็นทะเลและภูเขาที่อยู่ไกลออกไปได้ อยากให้ทุกคนได้ลองไปยืนชมทิวทัศน์ตระการตาเสมือนว่าเป็นเจ้าผู้ครองปราสาทดูสักครั้ง

 

[เกี่ยวกับปราสาท Matsuyama]

เวลาเปิดทำการ: Tenshu เดือนกุมภาพันธ์ - กรกฎาคม, เดือนกันยายน - พฤศจิกายน 9:00 - 17:00 น.
เดือนสิงหาคม 9:00 - 17:30 น.
เดือนธันวาคม - มกราคม 9:00 - 16:30 น.

วันหยุด: Tenshu วันพุธที่ 3 ของเดือนธันวาคม (ปิดทำความสะอาดใหญ่)

ค่าบริการ: ค่าบัตรเข้าชม Tenshu ปราสาท Matsuyama ผู้ใหญ่ 510 เยน เด็กประถม 150 เยน

การเดินทาง: ลงรถไฟ "สถานี Daigaido" สาย Iyo Tetsudo Jonan เดินต่อราว 5 นาที

ที่ตั้ง: 1 Marunouchi, Matsuyama-shi, Ehime (Google Map)

เว็บไซต์: www.matsuyamajo.jp (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

6. สะพานข้ามช่องแคบ Kurushima Kaikyo Ohashi [จังหวัดเอฮิเมะ อำเภอ Imabari]

redlegsfan21/Flickr

"เส้นทางเดินเรือ Setouchishiminamikaido" ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างอำเภอ Imabari จังหวัดเอฮิเมะเข้ากับอำเภอ Onomichi จังหวัดฮิโรชิมาบนเกาะฮอนชู เป็นทิวทัศน์อันประกอบไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่สว่างไสวล่องผุดอยู่บนผืนทะเล Setouchi ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ

"สะพานข้ามช่องแคบ Kurushima (来島海峡大橋)" ก็เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะเหล่านั้นโดยเชื่อมต่อระหว่างอำเภอ  Imabari และเกาะ Oshima เอาไว้ด้วยกัน

สะพานเส้นนี้ตั้งอยู่บนเส้นทางเดินเรือ Shimanamikaido โดยถือเป็นสะพานแขวนที่ใหญ่ติดอันดับโลกโดยเชื่อมกันทั้งหมดสามท่อน นอกจากรถยนต์แล้วยังมีเส้นทางที่สามารถขับจักรยานหรือเดินข้ามได้อีกด้วย เส้นทางเดินและจักรยานกว้างเพียงพอให้สัญจรไปพร้อมกันได้ จึงสามารถหยุดยืนถ่ายรูปทิวทัศน์อันสวยงามได้ตามต้องการโดยไม่ต้องเร่งรีบเพราะไม่กีดขวางเส้นทางคนอื่น

ตัวสะพานมีการเปิดไฟไลท์อัพโดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่แน่นอน แต่ละเดือนจะมีจำนวนครั้งไม่เท่ากัน โดยดูเหมือนว่าช่วงเดือนกรกฎาคม สิงหาคม ตุลาคมมักจะเปิดไฟไลท์อัพในช่วงวันเสาร์อาทิตย์เสียเป็นส่วนมาก การเปิดไฟไลท์อัพนั้นสามารถเช็คกำหนดการได้จากเว็บไซต์หรือโปสเตอร์ได้ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็เช็คตารางกันเอาไว้ล่วงหน้าแล้วออกไปเก็บรูปถ่ายตอนที่สะพานเปิดไฟส่องสกาวสวยงามได้

 

[เกี่ยวกับสะพาน Kurushima Kaikyo Ohashi]

ค่าบริการ: ค่าผ่านทาง คนเดินเท้าไม่มีค่าใช้จ่าย จักรยาน 200 เยน

การเดินทาง: ลงรถไฟที่ "สถานี Imabari" สาย JR Yosan แล้วต่อรถบัส Setouchi Naikai Kotsu bus สายที่วิ่งไป Miyaurakou ลงที่ป้าย "Umashima" เดินต่ออีกราว 5 นาที

ที่ตั้ง: 2-5-2 Koura-cho, Imabari-shi, Ehime (Google Map)

เว็บไซต์: www.oideya.gr.jp/ (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

7. ภูเขา Shiudeyama [จังหวัดคากาวะ อำเภอ Mitoyo]

"ภูเขา Shiudeyama (紫雲出山)" อยู่สุดฝั่งตะวันตกของจังหวัดคากาวะ เป็นภูเขาลูกเล็กๆ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ 352 เมตร จากหอชมวิวที่ยอดเขาสามารถชื่นชมทัศนียภาพของเกาะต่างๆ ในทะเล Setouchikai ได้อย่างสุดลูกหูลูกตา การเหม่อมองวิวธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละช่วงของวันก็อาจทำให้เราลืมเวลาเอาได้ง่ายๆ เลยทีเดียว

ภูเขา Shiudeyama ยังโด่งดังในฐานะสถานที่ชมดอกซากุระอีกด้วย การสอดประสานระหว่างต้นซากุระราว 1,000 ต้นที่สีสันตัดกับผืนทะเลอันสวยงามของ Setouchikai นั้นเป็นทิวทัศน์ที่เรียกได้ว่าไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด

นอกจากฤดูซากุระแล้ว ในฤดูอื่นๆ เช่น ในช่วงต้นฤดูร้อนก็มีดอกไฮเดรนเยีย ในช่วงฤดูหนาวก็มีดอกคาเมเลียที่ถักทอห่อหุ้มพื้นผิวของภูเขาตัดกับทะเล Setouchikai สวยงามฉูดฉาดให้ชื่นชมได้ไม่แพ้กัน

การชมทิวทัศน์ของภูเขาอาจต้องคาดหวังให้ท้องฟ้าแจ่มใสมองเห็นได้ไกลๆ ก็จริง แต่ที่ภูเขา Shiudeyama นั้นยังสามารถชื่นชมทิวทัศน์ของผืนหมอกที่ก่อตัวบนผืนทะเล เปรียบเสมือนเรากำลังมองเห็นปุยเมฆที่มุมมองจากด้านบนสามารถถ่ายรูปในจินตนาการได้

 

[เกี่ยวกับภูเขา Shiudeyama]

การเดินทาง: ลงรถไฟที่ "สถานี Takuma" สาย JR Yosan ต่อรถบัสสาย Mitoyo Community bus สายที่วิ่งไป Nabuto ลงที่ป้าย "Ohama" เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Sonai ขบวนที่วิ่งทางตะวันตกไปลง "สถานี Shiudeyama Tozanko" แล้วเดินต่ออีกราว 60 นาที
ลงรถไฟที่ "สถานี Takuma" สาย JR Yosan ต่อรถแท็กซี่ราว 30 นาที

ที่ตั้ง: 451-1 Ohamaotsu Takuma-cho, Mitoyo-shi, Kagawa(Google Map)

เว็บไซต์: www.mitoyo-kanko.com/?p=830 (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

8. เกาะ Naoshima [จังหวัดคากาวะ อำเภอ Kagawa]

merec0/Flickr

"เกาะ Naoshima (直島)" ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัดคากาวะ มีงานศิลปะตั้งกระจัดกระจายอยู่ไปทั่วทั้งเกาะ เปรียบเสมือนเกาะทั้งเกาะเป็นพิพิธภัณฑ์งานศิลป์เลยก็ว่าได้ โดยมีผลงานของศิลปินและสถาปนิกที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น Yayoi Kusama หรือ Tadao Ando ประดับอยู่อีกด้วย

ภายในเกาะไม่ได้มีเพียงผลงานชิ้นใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยผลงานศิลป์กระจุกกระจิกตามกำแพงบ้านหรือถังขยะทั่วๆ ไปอีกด้วย ลองไปค้นหาผลงานศิลป์หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นงานน่ารักๆ จนต้องแอบอมยิ้มหรืองานที่อาจจะประทับใจไม่รู้ลืมกันบนเกาะนี้กันดูนะ

สำหรับเกาะ Naoshima นั้นได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างสูงก็จริง แต่ก็ถือเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรกว่า 3,000 คนตามการสำรวจสำมะโนประชากรในปีค.ศ. 2015 อีกด้วย ประชากรที่นี่อาศัยมาตั้งแต่ครั้งอดีตจึงสามารถที่จะเห็นเขตเมืองที่ยังคงความโบราณเอาไว้ได้อีกด้วย

 

[เกี่ยวกับเกาะ Naoshima]

การเดินทาง: ลงรถไฟที่ "สถานี Uno" สาย JR Uno แล้วขึ้นเรือกลไฟเฟอร์รี่ Shikoku จาก "ท่าเรือ Unoko" (ท่าเรือปลายทาง Miyaurako) หรือขึ้นเรือโดยสารเล็ก (ท่าเรือปลายทาง Miyaurako/ท่าเรือปลายทาง Motomurako) ต่อไปอีกราว 20 นาที
ลงรถไฟที่ "สถานี Takamatsu" สาย JR Yosan แล้วขึ้นเรือกลไฟเฟอร์รี่ Shikoku จาก "ท่าเรือ Takamatsuko" (ท่าเรือปลายทาง Naoshima Miyaurako)

ที่ตั้ง: Naoshima-cho, Kagawa-gun, Kagawa (Google Map)

เว็บไซต์: www.naoshima.net/en/ (ภาษาอังกฤษ)

เว็บไซต์: www.naoshima.net (ภาษาญี่ปุ่น)

9. ถ้ำ Onigashima Dokutsu [จังหวัดคากาวะ อำเภอ Takamatsu]

ที่ทางเหนือของอำเภอ Takamatsu จังหวัดคากาวะมีเกาะเล็กๆ ที่ชื่อว่า "เกาะ Megijima" อยู่ ตรงใจกลางของเกาะนี้มีถ้ำที่ชื่อว่า "ถ้ำ Onigashima Dokutsu (鬼ヶ島大洞窟)" ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นที่อยู่อาศัยของยักษ์เมื่อครั้งอดีตกาล (ยักษ์-Oni ตามความเชื่อในนิทานปรัมปราและตำนานท้องถิ่นของญี่ปุ่น เป็นอสุรกายที่มีเขางอกออกมาจากหัว ปากแสยะออกด้านข้างและเขี้ยวที่แหลมคมยื่นออกมา)

ตัวถ้ำนั้นสันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นราว 100 ปีก่อนคริสต์กาล แต่สาเหตุและกรรมวิธีที่ใช้ในการสร้างถ้ำแห่งนี้นั้นยังคงเป็นปริศนาลึกลับมาจนถึงปัจจุบัน

ภายในบรรยากาศมืดสลัวของถ้ำเต็มไปด้วยรูปปั้นและแผ่นกระเบื้องรูปยักษ์มากมาย จนบางครั้งอาจทำให้ตกใจสะดุ้งโหยงจากการที่ยักษ์โผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ถ้าเพ่งมองดีๆ แล้วจะพบว่าสีหน้าของเหล่ายักษ์นั้นแฝงไปด้วยอารมณ์ขันปลอบใจให้หายผวาได้เช่นกัน

ตัวถ้ำ Onigashima Dokutsu ถูกค้นพบเมื่อราวๆ 100 ปีที่แล้ว โดยถูกเรียกชื่อเปลี่ยนจาก Megijima มาเป็น "Onigashima" เพราะมีถ้ำที่เหล่ายักษ์อาศัยอยู่ เราสามารถพบเจอกับรูปจำลองของเหล่ายักษ์ได้ทั่วทั้งเกาะไม่ใช่แค่เพียงในถ้ำเท่านั้น

อีกทั้งการเดินทางรอบเกาะมีระยะทางเพียง 12 กิโลเมตรเท่านั้น ทำให้สามารถเดินเท้าเที่ยวชมค้นหาเหล่ายักษ์ได้โดยไม่ต้องใช้ยานพาหนะเลย

 

[เกี่ยวกับถ้ำ Onigashima Dokutsu]

เวลาทำการ: 8:30 - 17:00 น.

วันปิดทำการ: เปิดทำการทุกวัน

ค่าบริการ: เด็กมัธยมปลายขึ้นไป 500 เยน เด็กประถมและมัธยมต้น 250 เยน

การเดินทาง: ลงรถไฟที่ "สถานี Takamatsu" สาย JR Yosan ต่อเรือเฟอร์รี่ Meoshima Kaiun ไปลงที่ "ท่าเรือ Megijima" แล้วเดินเท้าต่ออีก 30 นาที

ที่ตั้ง: 2633 Megi-cho, Takamatsu-shi, Kagawa (Google Map)

เว็บไซต์: www.onigasima.jp/index.html (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

10. แหลม Ashizuri Misaki [จังหวัดโคจิ อำเภอ Tosa Shimizu]

"แหลม Ashizuri Misaki (足摺岬)" เลื่องชื่อในฐานะแหลมที่อยู่ทางใต้สุดของชิโคคุ โดยปัจจุบันได้รับดาวจาก Michelin Green guide Japan ถึง 2 ดวงด้วยกัน ทิวทัศน์ที่เส้นขอบฟ้ามาบรรจบท้องทะเลโดยไม่มีสิ่งใดขวางกั้นน้ันเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะใช้เลนส์มุมกว้างไปเก็บภาพดูสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกก็สวยงามไม่แพ้กันเลย

จุดท่องเที่ยวบนแหลม Ashizuri Misaki ยังประกอบไปด้วยประภาคาร วัด ศาลเจ้าและทางถ้ำอีกมากมาย แต่ละสถานที่มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกันโดยบางทีอาจเป็นพื้นหินทำให้เดินยาก ก็ต้องระมัดระวังในการเดินให้ดีเพื่อความเพลิดเพลินในการเที่ยวชมบริเวณนี้

จากสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดต้องต่อรถบัสไปอีกถึง 2 ชั่วโมงทำให้ไม่อาจพูดได้ว่าเดินทางสะดวกนัก แต่มันจะทำให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติอันกว้างใหญ่อย่างแน่นอน โดยเฉพาะน้ำทะเลใสสะอาดระดับที่เรียกว่าต้องไปสัมผัสด้วยตาตัวเองให้ได้ มีสีสันสวยงามเหมาะสมกับการเป็นรีสอร์ทริมหาดทะเลใต้อย่างยิ่ง

 

[เกี่ยวกับแหลม Ashizuri Misaki]

การเดินทาง: ลงรถไฟที่ "สถานี Nakamura" สาย Tosakuroshio Tetsudo แล้วต่อรถบัส Kochi Sainan สายที่วิ่งไป Ashizuri Misaki ลงป้าย "Ashizuri Misaki" แล้วเดินต่ออีก 5 นาที

ที่ตั้ง: Ashizuri Misaki, Tosashimizu-shi, Kochi (Google Map)

เว็บไซต์: www.shimizu-kankou.com (ภาษาญี่ปุ่น, มีตัวช่วยแปลภาษาอัตโนมัติ)

11. ตลาด Hirome [จังหวัดโคจิ อำเภอ Kochi]

หากต้องการไปส่องดูการใช้ชีวิตของชาวจังหวัดโคจิล่ะก็อยาสักครั้กให้ไปลองเยี่ยมชม "ตลาด Hirome (ひろめ市場)" ดูสักครั้ง

ที่นี่มีบรรยากาศครึกครื้นคราคร่ำไปด้วยร้านอาหารเครื่องดื่มไปจนถึงร้านของฝากมากมายที่กระจุกตัวกันอยู่ และไม่ได้มีเพียงนักท่องเที่ยวเท่านั้น แม้แต่คนท้องถิ่นที่นี่เองก็ยังมาใช้บริการพบปะสังสรรค์กันที่ตลาดแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

หน้าเมนูต่างๆ ตัวอักษรจีน หรือไฟประดับที่ประดับอยู่มากมายให้บรรยากาศสไตล์เอเชียอาคเนย์ดั้งเดิม ของกินของขายที่วางเรียงอยู่ตามหน้าร้านต่างๆ ก็เป็นโมเดลชั้นดีสำหรับเก็บภาพถ่ายสวยๆ รายการอาหารต่างๆ ในเมนูไม่แพงนักสามารถเลือกกินเลือกซื้อได้โดยไม่ต้องกังวลถึงงบประมาณในกระเป๋าตังค์ได้อีกด้วย

หนึ่งในของขึ้นชื่อของโคจิก็คืออาหารที่มีชื่อว่า "Katsuo Tataki" ซึ่งเป็นการนำปลาโอ (Katsuo) ไปอังไฟเฉพาะผิวภายนอก ที่ร้านที่ชื่อ "Myojinmaru" ซึ่งอยู่ในตลาด Hirome นั้นนำปลาโอไปอังไฟโชว์กันให้เห็นแบบต่อหน้าต่อตา ไฟที่ลามขึ้นมารุนแรงกว่าที่คาดเสมือนว่ากำลังดูโชว์มายากลอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว อย่ามัวแต่ดูโชว์ทำอาหารจนลืมถ่ายรูปกันล่ะ

 

[เกี่ยวกับตลาด Hirome]

เวลาทำการ: วันธรรมดา วันเสาร์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ 8:00 - 23:00 น.
วันอาทิตย์ 7:00 - 23:00 น.

วันปิดทำการ: ไม่มีกำหนดวันปิดทำการ

การเดินทาง: ลงรถไฟ "สถานี Ohashidori" สาย Dosaden Kotsuino แล้วเดินต่ออีก 3 นาที

ที่ตั้ง: 2-3-1 Obiya-cho, Kochi-shi, Kochi (Google Map)

เว็บไซต์: hirome.co.jp (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

12. "สวน Monet no Niwa" Marmottan ในหมู่บ้าน Kitagawamura [จังหวัดโคจิ อำเภอ Aki]

PIXTA

"สวน Monet no Niwa (モネの庭 マルモッタン)" อยู่ในหมู่บ้าน Kitagawamura (北川村) ได้รับแรงบันดาลใจจากสวน Giverny ในฝรั่งเศสเป็นต้นแบบในการสร้างขึ้นมา โดยเป็นสวนที่สามารถชมดอกไม้ในแต่ละฤดูกาลภายใต้บรรยากาศโรแมนติกเสมือนอยู่ในโลกของภาพวาดที่โมเนต์ได้วาดขึ้นมา

PIXTA

หากพูดถึงโมเนต์แล้วก็ต้องนึกถึงดอกบัว ที่นี่ประกอบไปด้วยดอกบัว 18 ชนิด ทั้งที่เป็นดอกบัวที่อยู่ในเขตอบอุ่นและดอกบัวที่อยู่ในเขตร้อน โดยดอกบัวที่อยู่ในเขตอบอุ่นนั้นจะบานเต็มที่ในช่วงปลายเดือนเมษายนไปจนถึงต้นเดือนตุลาคม ส่วนดอกบัวเขตร้อนนั้นจะบานเต็มที่ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนไปจนถึงต้นเดือนตุลาคม ถึงแม้ดอกบัวจะไม่บานก็สามารถมองเห็นภาพของใบบัวที่ลอยอยู่บนผิวน้ำได้

ภายในสวนประกอบไปด้วยพื้นที่สามส่วนได้แก่ "สวนประภาส (光の庭) "สวนวารี (水の庭) "สวนบุปผา (花の庭)" โดยแต่ละแห่งมีพืชพันธุ์และดอกไม้ที่มีลักษณะเฉพาะตัวตามแบบของตนเอง ภายในสวนยังมีร้านรวงที่ให้บริการอาหารและกาแฟให้เราได้นั่งพักหามุมถ่ายรูปสวยๆ ระหว่างทางอีกด้วย

 

[เกี่ยวกับสวน Monet no Niwa Marmottan]

เวลาทำการ: เดือนกันยายน - มิถุนายน 10:00 - 17:00 น.
เดือนกรกฏาคม - สิงหาคม 9:00 - 16:00 น. (เข้าสวนรอบสุดท้าย 30 นาทีก่อนเวลาปิดทำการ)

วันปิดทำการ: วันอังคาร / วันที่ 26 ธันวาคม - 1 มกราคม / วันที่ 10 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์

ค่าบริการ: เด็กมัธยมปลายขึ้นไป 700 เยน เด็กประถมและมัธยมต้น 300 เยน อายุต่ำกว่าประถมไม่เสียค่าเข้า

การเดินทาง: ลงรถไฟ "สถานี Nahari" สาย Tosakuroshio Tetsudo ต่อรถบัส Kitagawamura Sonei Bus สายที่เดินทางไป Kitagawamura ลงที่ป้าย "Mone no Niwa" แล้วเดินต่ออีกราว 1 นาที

ที่อยู่: 1100 Kitagawamuranotomoko, Aki-gun, Kochi (Google Map)

เว็บไซต์: www.kjmonet.jp/english/ (ภาษาอังกฤษ)

เว็บไซต์: www.kjmonet.jp (ภาษาญี่ปุ่น)

 

ห้ามพลาดกับการท่องเที่ยวใน "ชิโคคุ" ดินแดนอันเต็มได้ด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวล่วงหน้า จะได้เที่ยวได้อย่างราบรื่น แล้วพกกล้องออกไปเก็บภาพทัศนียภาพของชิโคคุ สร้างความทรงจำกับทริปดีๆ กันนะ!

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์ชิโกกุ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

tsunagu
tsunagu Japan
นี่คือแอ็คเคาท์ทางการของ tsunagu japan
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร