แนะนำอาหารเด็ดฮอกไกโด เจาะลึก "ปู และเมนูจากปู" [อัพเดต 2021]

"ปู" เป็นอาหารขึ้นชื่อของฮอกไกโดที่มีอยู่มากมายหลายชนิดแถมแต่ละชนิดยังมีรสชาติความอร่อยที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย! ในวันนี้ เราจะมาแนะนำประเภทของปูที่ควรลิ้มลอง พร้อมบอกวิธีการรับประทานอย่างถูกต้องให้ทุกคนได้ทราบกัน

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

ประเภทของปู

1. ปูทาราบะ (Taraba Gani)

ปูทาราบะ (Red King Crab) เป็นปูขนาดใหญ่ที่มีลักษณะภายนอกโดดเด่นสะดุดตา ลักษณะพิเศษของมัน คือ มีหนามอยู่รอบตัว และเนื้อแน่นที่เต็มไปด้วยความอร่อย อีกทั้งยังมีรสสัมผัสที่นุ่มเด้งเคี้ยวเพลิน หากเป็นปูตัวใหญ่ๆ จะมีน้ำหนักตั้งแต่ 4 กิโลกรัมขึ้นไป เมื่อกางขาทั้งสองข้างออกแล้วอาจจะมีความยาวมากกว่า 1 เมตรเลยทีเดียว

ปูทาราบะ 1 ตัวสามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นต้ม ย่าง หรือทอด แต่ไม่ว่าแบบไหนก็อร่อยทั้งนั้น นอกจากนี้ การกินปูทาราบะแบบซาชิมิแล่สดๆ ก็เป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารที่หรูหราด้วย เพียงนำตัวปูลงไปจุ่มในน้ำเดือดไม่กี่วินาที แล้วนำไปน็อคในน้ำเย็นจัดอีกประมาณ 3 - 5 นาที ตัวปูก็จะแผ่ขาออกอย่างสวยงามราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานเลยทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น ปูทาราบะสดๆ ยังมีมันปูที่อร่อยสุดๆ ด้วย วิธีรับประทานก็คือ นำโชยุ มิริน และเหล้าสาเกญี่ปุ่นใส่ลงไปในกระดองปูที่มีมันปูอยู่ด้านใน จากนั้นก็คนให้เข้ากันแล้วนำไปย่าง

2. ปูสุวาอิ (Zuwai Gani)

ปูสุวาอิ (Snow Crab) ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น "ราชาแห่งปู" และมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "ฮอนสุวาอิกานิ" (Hon Zuwai Gani) ซึ่งต่างจาก "เบนิสุวาอิกานิ" (Beni Zuwai Gani) ที่วางขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป ชาวฮอกไกโดนั้นจะเริ่มออกเรือจับปูชนิดนี้กันในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม

"ปูฮอนสุวาอิกานิ" จะมีราคาแพงกว่า "เบนิสุวาอิกานิ" ประมาณ 10 เท่า โดยมีป้ายรับรองเป็นชื่อแบรนด์ต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น Maegani, Kanogani, Matsubagani (Taizagani, Tsuiyamagani) Hon Zuwai Gani ปูที่สดใหม่จะมีกระดองสีน้ำตาล ในขณะที่ "เบนิสุวาอิกานิ" จะมีกระดองสีแดงเป็นปกติถึงแม้จะยังไม่ได้ต้มก็ตาม

เนื้อปูสุวาอิจะมีรสหวานปนเค็มซึ่งเมื่อทานไปแล้วก็จะได้รสที่เป็นธรรมชาติของเนื้อปูอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ส่วนขายังมีลักษณะเรียวยาวและไม่มีหนาม จึงเหมาะจะนำไปทำเป็นชาบูชาบูอย่างยิ่ง อีกทั้งชาวญี่ปุ่นยังมีวิธีปรุงอาหารที่เรียกว่า "บอยล์" ซึ่งเป็นการนำปูเป็นๆ ไปแช่แข็งให้เป็น "ปูสดแช่แข็ง" ซึ่งสามารถนำมาละลายน้ำแข็งทานได้ทันทีที่ต้องการ แต่หากคุณได้เนื้อปูสุวาอิสดมาแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้เอาไปทำเป็น "ซาชิมิ" ครับ เพียงแกะเปลือกตรงส่วนขาออกแล้วแช่ลงในน้ำที่มีน้ำแข็งประมาณ 5 นาทีก็จะเห็นขานั้นกางออกเหมือนกลีบดอกไม้ จากนั้นก็นำไปทางคู่กับโชยุและวาซาบิ

เนื้อปูสุวาอิโดยทั่วไปจะมีรสเข้มข้นอยู่แล้ว ดังนั้น เพียงนำไปต้มเฉยๆ ก็อร่อยได้แล้ว แต่ที่เราขอแนะนำเลยก็คือ นำไปย่างถ่าน หรือนำกระดองที่มีมันปูอยู่ด้านในไปนึ่งจนสุกแล้วทาน รับรองว่าเด็ดแน่นอน

3. ปูเคคานิ (Ke Gani)

ปูเคคานิ หรือ ปูขน (Horsehair Crab) เป็นปูที่สามารถจับได้ทั้งในฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว แต่ก็มีช่วงที่อร่อยที่สุดคือช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมของ "ฮาโกะดาเตะ" และเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมของ "เมืองโอชามัมเบะ" จะมีปูลับแลที่ชื่อว่า โอกอนเคคานิ (Ogon Ke Gani) หรือ ปูขนสีทอง อยู่ด้วย

ในส่วนของ "เมืองคุชิโระ" นั้นจับกันในช่วงเดือนมีนาคมและฤดูใบไม้ร่วง ส่วนปูเคคานิของ "วักกะไน" จะโด่งดังเพราะได้รับอนุญาตให้จับได้เร็วที่สุด โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมไปจนถึงช่วงที่หนาวที่สุดของปีอย่างเดือนกุมภาพันธ์ ในขณะที่ "เขตฮิดากะ" จะมีช่วงจับปูที่ยาวนานตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงมีนาคมของปีถัดไป

ส่วนปูใน "เมืองมงเบ็ตสึ" นั้นมีชื่อเสียงมาโด่งดังจากการเป็น "ปูที่บ่งบอกการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ" เนื่องจากฤดูล่าปูของที่นี่เริ่มตั้งแต่ช่วงที่น้ำแข็งเริ่มละลายและเป็นช่วงที่ปูอร่อยที่สุด โดยจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน (รวมระยะเวลา 2 เดือน) ซึ่งถือว่าสั้นเอามากๆ

ในส่วนของปูเคคานิใน "ทะเลโอคอตสค์" (Sea of Okhotsk) จะมีเนื้ออร่อยที่สุดในช่วงเดือนมีนาคมไปจนถึงกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงต้นฤดูร้อน ปูที่นี่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น "ปูเคคานิที่อร่อยที่สุดในฮอกไกโด" เลยทีเดียว นอกจากนี้ ทะเลโอคอตสค์โดยเฉพาะ ตำบลเอซาชิของ "เมืองคิตามิ-เอซาชิ" (Kitami Esashi) ก็ยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะเมืองที่มีการจับปูเคคานิมากที่สุดในญี่ปุ่นด้วย

ลักษณะพิเศษของปูชนิดนี้ คือ มีขนขึ้นอยู่ทั่วตัว เมื่อเทียบกับปูชนิดอื่นแล้วจะมีอัตราส่วนของจุดที่ทานได้เยอะกว่า อีกทั้งยังมีความอร่อยเฉพาะตัวจึงนิยมนำไปทำเป็นซุปหุงข้าวเพื่อให้รสชาติเหล่านี้ซึมลึกเข้าไปในเม็ดข้าวด้วย แน่นอนว่านำไปย่างก็อร่อยเช่นกัน โดยเฉพาะมันปูของเคคานินั้นถือเป็นของล้ำค่า รสชาติเข้มข้นและอร่อยอย่าบอกใครเชียว

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

4. ปูฮานาซากิ (Hanasaki Gani)

ปูฮานาซากิถูกเรียกว่าเป็น "ปูลวงตา" (Daizagani) เนื่องจากมีจำนวนน้อยมากๆ และจับได้ในแถบคาบสมุทรเนมุโระไปจนถึงรัสเซียเท่านั้น เป็นปูที่แทบจะไม่เป็นที่รู้จักเลยจนกระทั่งช่วงปี 1970 โดยปัจจุบันเริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นมาทีละนิดเนื่องจากมีรสอร่อยและเนื้อสัมผัสที่ดี

ส่วนชื่อ "ฮานาซากิ" นั้นมาจากชื่อเมืองในแถบเนมุโระของฮอกไกโด อย่างไรก็ตาม มีอีกทฤษฎีหนึ่งที่คาดว่ามาจากการที่ขาปูจะแผ่ขยายออกเมื่อถูกนำไปต้ม และสีเปลือกก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนดอกไม้กำลังบานออกด้วย (Hanasaki แปลว่า ดอกไม้บาน) ฤดูจับปูชนิดนี้จะอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่สั้นมากๆ ส่วนฤดูที่ปูชนิดนี้จะอร่อยที่สุด คือ สิงหาคม - กันยายน

ลักษณะภายนอกของปูฮานาซากิ คือ มีกระดองสีแดงโดดเด่นที่มีหนามแหลมคม รสชาติคล้ายกับปูทาราบะ แต่จะมีความเข้มข้นกว่า มันปูมีสีออกเขียวเพราะปูชนิดนี้กินแต่สาหร่ายทะเลและหญ้าทะเลเป็นหลัก ซึ่งต่างจากปูเคคานิที่มีมันสีเหลือง

นอกจากนี้ มันปูยังมีลักษณะเป็นของเหลวไม่เหมือนกับปูเคคานิที่จะแข็งเป็นวุ้นติดกระดอง วิธีรับประทานมักจะนำไปทำเป็นซุปมิโซะหรือเมนูหม้อไฟเสียส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นปูที่มีน้ำเยอะนั่นเอง

วิธีรับประทานปู

Klook.com

1. ซาชิมิ

เนื้อปูสดๆ (ส่วนปูเป็นๆ ที่ขายตามท้องตลาดจะเรียกว่า "อิคิกานิ") นั้นเหมาะจะเอามาทำเป็นซาชิมิเป็นอย่างยิ่ง เนื้อสัมผัสนุ่มเด้งและหวานเหมือนเนื้อกุ้ง แต่ก็มีความเข้มข้นล้ำลึกที่เป็นเอกลักษณ์ของเนื้อปูด้วย

อย่างไรก็ตาม การเก็บรักษาเนื้อปูให้มีความสดใหม่นั้นทำได้ค่อนข้างยาก เวลารับประทานจึงต้องระมัดระวังเรื่องอาหารเป็นพิษหรือพยาธิให้ดีๆ ด้วย ถึงแม้เนื้อจะสดแต่หากผ่านการแช่แข็งแล้วก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน

ในส่วนของวิธีการรับประทานจะมีทั้งการนำเนื้อปูที่แกะออกจากเปลือกไปรับประทานกับโชยุผสมวาซาบิ และทานคู่กับน้ำส้มสายชูสำหรับจิ้มปู (ผสมน้ำส้มสายชูเข้ากับโชยุ แล้วเติมเกลือ น้ำตาล ขิงตามใจชอบ) รับรองว่าอร่อยไม่แพ้กัน

2. ปูต้ม / ปูหม้อไฟสุกี้ยากี้

กล่าวกันว่าปูต้มเป็น "เมนูที่ดึงรสชาติความอร่อยของปูออกมาได้ดีที่สุด" เพราะเส้นใยของเนื้อปู และสารต่างๆ ที่เป็นต้นกำเนิดของรสชาติอูมามิในเนื้อปูจะอัดแน่นกันอยู่ในหม้อ ส่วนปูหม้อไฟสุกี้ยากี้นั้นควรใช้ซุปเข้มข้นของสาหร่ายทะเล หรือไม่ก็โชยุแล้วนำเนื้อปูกับผักต้มรวมกัน แต่ก็ควรต้องระวังอยู่เพราะหากต้มนานเกินไปก็จะทำให้เนื้อปูเสียความหวานและเนื้อแข็งร่วนไม่อร่อย เมื่อทานเสร็จ คุณก็สามารถนำซุปที่มีรสชาติของปูและผักผสมอยู่อย่างเข้มข้นนั้นไปทำเป็นข้าวต้มหรือซุปอุด้งต่อได้ด้วยนะ

ในส่วนของสายพันธุ์ปูที่เหมาะจะเอามาทำหม้อไฟสุกี้ยากี้นั้น คือ ปูทาราบะ ยิ่งมีขาใหญ่ยาวเท่าไรยิ่งดี ถึงแม้จะเป็นปูที่ผ่านการบอยล์มาแล้วก็ไม่ต้องระวังอะไรมากนัก เพราะเนื้อปูจะไม่สูญเสียรสชาติจากการละลายน้ำแข็ง คุณสามารถแกะเปลือกและนำขามาประกอบอาหารได้เลย ทั้งสะดวกและทานง่ายมากทีเดียว

3. ปูย่าง

ปูย่างจะมีกลิ่นหอมละมุน เนื้อนุ่มเด้งยิ่งเคี้ยวยิ่งได้รสอูมามิเต็มปากเต็มคำ การย่างที่รับประทานง่ายที่สุด คือ "ฮันมุคิ" (Hanmuki แกะเปลือกโดยหั่นครึ่ง) แล้วนำไปย่างบนตะแกรงหรือแผ่นเหล็กกระทะร้อนจนกระทั่งเปลือกเปลี่ยนเป็นสีแดงและมีจุดไหม้เกิดขึ้นเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะใช้แผ่นเหล็กกระทะร้อน ย่างให้สุกอย่างทั่วถึงและมีกลิ่นหอมจึงค่อยรับประทาน

แต่เราขอให้คุณระวังไม่ให้ย่างนานจนเกินไปด้วยเพราะจะทำให้เนื้อเสียความชุ่มชื้นไป วิธีการดู คือ เมื่อเนื้อปูพองขึ้นก็ถือว่าทานได้แล้ว ความชุ่มฉ่ำในเนื้อปูที่กลั่นออกมาเป็นน้ำนั้นอร่อยล้ำเกินบรรยาย เพราะฉะนั้น ห้ามทำหกเด็ดขาด! หยิบใส่ปากตอนร้อนๆ ชุ่มๆ แบบนี้แหละที่เป็นเทคนิคการทานปูย่างอย่างถูกต้อง หรือหากต้องการรสชาติที่สดชื่นขึ้นมาหน่อยก็อาจจะลองเหยาะเลมอนหรือน้ำส้มสึดาจิลงไปเล็กน้อย หรือจะจิ้มโชยุก็อร่อยไม่แพ้กัน

สำหรับปูที่เหมาะจะนำมาย่างนั้น ได้แก่ ปูทาราบะและปูฮานาซากิ

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

4. ข้าวต้มปู

หลังจากต้มหม้อไฟเนื้อปูเสร็จแล้ว รสอูมามิที่ได้จากการเคี่ยวทั้งเนื้อปู สาหร่ายทะเล และผักที่เคยต้มในหม้อก็จะออกมาอยู่ในน้ำซุป เราขอแนะนำให้คุณใส่เนื้อปูกับข้าวลงไป ปรุงรสด้วยโชยุเพียงเล็กน้อย และตีไข่ตามลงไปด้วย เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ข้าวต้มปูรสชาติเข้มข้นพร้อมรับประทานแล้ว

ตรงนี้หากคุณใส่เปลือกส่วนขาของปูที่ทานเสร็จแล้วลงไปด้วยก็จะทำให้ได้ซุปที่มีกลิ่นปูเข้มข้นขึ้นไปอีก การทำข้าวต้มปูนี้มีเคล็ดลับอยู่ที่การซาวข้าวจนน้ำใสก่อนหุง เพราะจะทำให้เมล็ดข้าวซึมซับรสชาติของน้ำซุปเข้าไปได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

5. คร็อกเก้ครีมปู

คร็อกเก้ที่นำเนื้อปูมาผสมกับซอสเบชาเมลเข้มข้น (ไวท์ซอส) ยิ่งมีเนื้อปูผสมอยู่ข้างในยิ่งทำให้มีรสชาติอร่อยล้ำลึก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คร็อกเก้ครีมปูที่นำปูสดๆ รสสัมผัสนุ่มเด้งของฮอกไกโดไปใส่ไว้ในครีมซอสสูตรเข้มข้นที่ทำจากนมและข้าวสาลีฮอกไกโด เมื่อนำไปทอดจนกรอบนอกนุ่มในแล้วจะออกมาเป็นเมนูชั้นเลิศเลยทีเดียว

6. เหล้ากระดองปู

หลังจากรับประทานมันปูจนหมดเหลือแต่กระดองแล้ว เราขอแนะนำให้เทเหล้าญี่ปุ่นลงไปโดยไม่ต้องล้าง แล้วนำไปย่างบนตะแกรง เมื่อเหล้าอุ่นได้ที่ก็ค่อยยกดื่ม นอกจากจะได้รสชาติความอร่อยของเหล้าญี่ปุ่นแล้ว ยังมีรสอร่อยของปูอีกด้วย!

อย่างไรก็ตาม หากคุณย่างกระดองปูแรงเกินไปอาจทำให้แตกได้ เราจึงขอแนะนำให้วางแผ่นฟอยล์อลูมิเนียมรองไว้ให้เรียบร้อย นอกจากนี้ คุณก็สามารถใส่มันปูหรือเนื้อสัตว์ลงไปทำอาหารได้เช่นกัน หรือจะใส่ "ซุปใส" ลงไปเพื่อดึงรสชาติอร่อยออกมาก็ไม่มีผิดหวังแน่นอน

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์ฮอกไกโด
เช่ารถได้ในราคาที่คุณต้องการ รถเช่า หากคุณต้องการเช่ารถในญี่ปุ่น ต้องที่นี่เลย! ดูข้อมูลเพิ่มเติม

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Seira
Seira
ปัจจุบันดิฉันเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยในเขตโตเกียวค่ะ ดิฉันต้องการจะนำเสนอจุดท่องเที่ยว ของแฟชั่นยอดฮิต ฯลฯ ที่เป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ มหาวิทยาลัยผ่านทางบทความที่นี่ วิดีโอใน tsunagu japan นั้นดิฉันโพสท์เองค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร