พาเที่ยวเรียนรู้ประวัติศาสตร์ตามรอย "สามเส้นทางโบราณแห่งญี่ปุ่น"

เส้นทางที่เหล่าบรรพบุรุษของชาวอาทิตย์อุทัยได้แผ้วถางตั้งแต่ในอดีตนั้นยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน โดยเส้นทางทั้งสามที่เราจะมาแนะนำนั้นได้แก่ "เส้นทางโบราณคุมาโนะโคะโด" "เส้นทางโอคุโนะโฮโซมิจิ" และ "เส้นทางนากะเซนโด" ลองยื่นขาเหยียบย่างไปบนเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์ทั้งสามแห่งนี้กันดูไหม!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

เส้นทางโบราณคุมาโนะโคะโด (Kumano Kodo)

เส้นทางโบราณคุมาโนะโคะโด (Kumano Kodo 熊野古道) พาดผ่านจังหวัดมิเอะ (Mie) จังหวัดนาระ จังหวัดวาคายาม่า (Wakayama) และจังหวัดโอซาก้า ในอดีตนั้นไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิในอดีต พระพันปีหลวง หรือเชื้อพระวงศ์และขุนนางชั้นสูงไปจนถึงชาวบ้านธรรมดาต่างก็เคยใช้เส้นทางนี้ในการเดินทาง

ในปี 2004 เป็นต้นมาเส้นทางแห่งนี้ได้ถูกประกาศลงทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO) เป็นส่วนหนึ่งของ แหล่งศักดิ์สิทธิ์และเส้นทางจาริกแสวงบุญในทิวเขาคิอิ (Sacred Sites and Pilgrimage Routes in the Kii Mountain Range 紀伊山地の霊場と参詣道)

ที่ศาลเจ้า Kumano Hongu Taisha (熊野本宮大社) นั้นมีทางเข้าที่เรียกว่า Hasshinmon Oji (発心門王子) ซึ่งมีเส้นทางหลายเส้นที่แม้จะเป็นนักเดินป่ามือใหม่ก็ไม่จำเป็นจะต้องกลัวเนื่องจากมีคนนำทางคอยดูแลตลอดเส้นทาง

สำหรับเส้นทางเดินป่าระหว่าง Hasshinmon Oji ถึงศาลเจ้า Kumano Hongu Taisha นั้นทำทางเดินด้วยแผ่นหิน Ishitatami บนเส้นทางเก่าแบบที่สามารถมองเห็นที่ปลูกพืชทำนาระหว่างช่องเขา ไร่ปลูกชา และทางโบราณสำหรับเข้าชุมชนซึ่งเป็นทิวทัศน์อันสวยงามให้คุณได้อิ่มเอิบใจระหว่างเดินป่าอีกด้วย

สำหรับศาลเจ้า Kumano Hongu Taisha นั้นเป็นศาลเจ้าที่สักการะเทพเจ้ามาตั้งแต่ 2000 ปีที่แล้ว โดยเส้นทางคุมาโนะโคะโดนั้นเป็นเส้นทางที่รุ่งเรืองถึงขีดสุดมาตั้งแต่รัชสมัยเฮย์อัน (Heian period 794 - 1185) โดยทั้งพระเจ้าหลวง Goshirakawa และพระเจ้าหลวง Gotoba ต่างก็เคยมาสักการะที่นี่ทั้งสิ้น

อยากให้ทุกคนนั้นได้ลองไปสัมผัส "ศูนย์มรดกโลกคุมาโนะฮงกู (Kumano Hongu Heritage Center 世界遺産熊野本宮館)" และ น้ำพุร้อนออนเซ็นมรดกโลกเพียงแห่งเดียวที่สามารถเข้าอาบได้อย่าง "Kawayu Onsen (川湯温泉)" กันดูนะ

เส้นทางโอคุโนะโฮโซมิจิ (Oku no Hosomichi)

Matsuo Basho (松尾芭蕉 1644 - 1694) นักประพันธ์ชื่อดังได้ล่องเรือในคลอง Sendai Horikawa ที่ไหลอยู่ข้างอาคาร Saichaan ที่เขาอาศัยอยู่ (ปัจจุบันอยู่ในกรุงโตเกียวเขต Koto) โดยเริ่มเดินทางตั้งแต่ปี 1689

Saichaan นั้นเป็นอาคารภายในคฤหาสถ์ของลูกศิษย์ของเขา ที่ชื่อว่า Saifu Sugiyama (杉山杉風) ที่ Matsuo Basho ได้พักอาศัยอยู่ก่อนที่จะออกเดินทางไกลอีกด้วย ปัจจุบันที่แห่งนี้ได้กลายเป็นโบราณสถานที่มีรูปปั้นจำลองของ Matsuo Basho ตั้งเอาไว้

วัด Risshakuji (หรืออีกชื่อคือ Yamadera) นั้นเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเทนไดมาตั้งแต่ปี 860 ซึ่ง Basho เคยร่ายกวีเกี่ยวกับที่แห่งนี้ไว้ว่า "Shizukasaya Iwanishimiiru Seminokoe (เงียบสงัดเป็นหนักหนา แว่วๆ มาเสียงจั๊กจั่นแทรก ชำแรกผองแผ่นศิลา - เรียบเรียงภาษาไทยโดยผู้แปล)" ซึ่งเป็นเส้นทางที่อันเต็มไปด้วยอาคารปลูกสร้างน้อยใหญ่ราว 30 แห่งกลมกลืนไปกับธรรมชาติอันสวยงามทั้ง 4 ฤดูของญี่ปุ่น

เมื่อปีนขึ้นไปบนเนินเขา Takadachi แห่งจังหวัดอิวาเตะ (Iwate) Basho ได้ร่ายกลอนต่ออีกบทว่า "Natsugusaya Heidomoga Yumenoato (โอผืนหญ้าแห่งคิมหันต์ เหล่าทหารหาญประจัน ทิ้งความฝันเหลือเพียงซาก - เรียบเรียงภาษาไทยโดยผู้แปล)" 

หลังจากนั้น Basho ได้แวะที่วิหาร Konjikido (金色堂) แห่งวัด Chuson-ji (中尊寺) ซึ่งสร้างโดย Oshu fujiwara ในปี 1124 และร่ายกลอนอีกบทว่า "Samidare no Furinokoshiteya Kodo(โอวิหารสกาวใส เจ้าใยไม่เปียกปอน หลบซ่อนฝนเดือนห้า - เรียบเรียงภาษาไทยโดยผู้แปล)"

สำหรับแลนด์มาร์คแห่งสุดท้ายของโอคุโนะโฮโซมิจิ (Oku no Hosomichi 奥の細道) ก็คือรอยต่อของเส้นทางแห่งนี้เอง โดยเป็นพื้นที่ของจังหวัดกิฟุ อำเภอ Ogaki ซึ่ง Basho ที่ได้ใช้เวลาเดินทางถึง 5 เดือนเดินทางมาถึงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 1689 อยากให้ทุกคนได้ลองไปสัมผัสสถานที่โบราณแห่งนี้เพื่อตามรอย Basho กันดูนะ

เส้นทางนากะเซนโด (Nakasendo)

เส้นทางนากะเซนโด (Nakasendo 中山道) นั้นเป็นเส้นทางที่ถูกสร้างขึ้นจนใช้งานได้ในปี 1601 โดยในสมัยก่อนถูกเรียกว่าเส้นทาง Tosando เป็นทางเชื่อมต่อเมืองหลวงเก่าและดินแดนทางตะวันออก ต่อมาในภายหลังเนื่องจากมีการตัดเส้นทางนี้ผ่านจุดศูนย์กลางของเกาะฮนชู (เกาะหลักของญี่ปุ่น) จึงถูกขนานนามใหม่ว่านากะเซนโด (นากะ มีความหมายว่าภายใน ศูนย์กลาง)

เส้นทางผ่านเขานั้นมีจุดสูงชันผ่านสันเขามากมายทำให้การเดินทางนั้นมีความลำบากมาก ทำให้คนที่ออกเดินทางจากพื้นที่นิฮงบาชิ (Nihonbashi) นั้นกว่าจะได้เจอที่พักแรมแห่งแรกก็คือ Itabashi-juku (板橋宿) ที่ห่างออกไปสองชั่วโมงเดินเท้า

และระหว่างเส้นทางยังมีมรดกประจำชาติสาขาเขตพื้นที่อาคารสิ่งปลูกสร้างตามวัฒนธรรมเก่าแก่แห่งแรกของญี่ปุ่นอย่าง Tsumago-juku (妻籠宿) อีกด้วย ถ้านับจาก Itabashi แล้วละก็จะเป็นที่พักแรมแห่งที่ 42 ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดนากาโน่

โดยที่นี่นั้นเป็นที่ที่ขุดพบปราสาทกลางเขาที่ชื่อ "โบราณสถานปราสาท Tsumago (妻籠城跡)" ทำให้ได้รับความสนใจในฐานะแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญอีกด้วย แถบเขตเมืองที่พักแรมนั้นถูกทำนุบำรุงโดยผู้คนท้องถิ่นเป็นอย่างดีทำให้เมื่อเรามีโอกาสได้ไปจะรู้สึกเหมือนย้อนเวลาสู่อดีตเลยทีเดียวล่ะ

ต่อมาคือส่วนของ Magome-juku ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดกุนมะ (Gunma) ซึ่งหากนับจาก Itabashi-juku แล้วล่ะก็ที่นี่ถือเป็นจุดพักแรมอันดับที่ 43 บนเส้นทาง โดยตัวอาคารพักรับรองนั้นใช้ก้อนหินมาก่อขึ้นเป็นคฤหาสถ์ที่มีทางลาดชัน ซึ่งสถานที่นี้มีแผ่นศิลาซึ่งจารึกหลักฐานการมาเยือนของบุคคลสำคัญผู้ยิ่งใหญ่ต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น Toson Shimasaki, Shiki Masaoka หรือแม้กระทั่ง Matsuo Basho โดยที่พักแรมแห่งนี้นั้นมีกำแพงหินลักษณะเหมือนสถาปัตยกรรม Jokaku (城郭建築) จึงทำให้ได้รับชื่อว่าเป็น Masugata (枡形)*

*Masugata เป็นลักษณะของสถานที่พักแรมและอาคารต่างๆ ที่ถูกปลูกสร้างขึ้นมาให้แข็งแรงและเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบเพื่อให้ทำหน้าที่ทางอ้อมในการเป็นกำแพงชั้นนอกให้กับปราสาทของขุนนางครองแคว้นนั้นๆ ตามกลยุทธ์ทางการทหาร

ส่วนโบราณสถานที่เป็นสถานที่ดื่มชาในจังหวัดกิฟุนั้นเคยเป็นสถานที่พักแรมเฉพาะของครอบครัวเหล่าโชกุนมาก่อน ซึ่งมีประวัติกล่าวไว้ว่าทั้ง Ieyasu Tokugawaและ Hidetada นั้นเคยได้มาพักค้างแรมที่นี่มาก่อน ตัวอาคารนั้นถูกทำลายลงก็จริงแต่ในปัจจุบันเองก็ยังคงสภาพของร่องสนามเพลาะ ร่องน้ำกันข้าศึกเอาไว้อย่างดี จึงได้กลายเป็นโบราณสถานล้ำค่าที่ถูกประกาศให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดในรัชสมัยโชวะที่ 51

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

การเดินทางสัมผัสประวัติศาสตร์

เป็นยังไงกันบ้างสำหรับเส้นทางโบราณที่มีประวัติอันยาวนานที่เหล่าผู้คนในอดีตมากมายได้เคยย่างเท้าก้าวผ่านเหล่านี้ นอกจากจะเป็นแหล่งประวัติศาสตร์แล้วยังเต็มไปด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรมเก่าแก่มากมายรอให้คุณได้สัมผัสอีกด้วยนะ ไปตามรอยบรรพบุรุษของชาวอาทิตย์อุทัยตามเส้นทางเหล่านี้กันดูไหม!
 

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทาง เฟซบุ๊ก  ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

 


บทความนี้ได้รับอนุญาตให้ทำการแปลและเผยแพร่จาก SPIRA (ในอดีตคือ Relux Magazine)
คุณสามารถจองโรงแรมผ่าน Relux (บริหารจัดการโดย SPIRA) ได้ ที่นี่!!

Header Image: Perati Komson / Shutterstock

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

HANYU
HANYU HSU
ดิฉันเป็นชาวไต้หวันที่อาศัยอยู่ในโตเกียวค่ะ ดิฉันอยากจะนำเสนอญี่ปุ่นในมุมมองของชาวไต้หวันให้ทั่วโลกได้ทราบค่ะ
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร