ทริป 2 วัน 1 คืน ขับรถเที่ยวนิวเซนและอาซาฮีในฤดูใบไม้ผลิ ตื่นตาไปกับดอกไม้หลากสีแห่งโทยามะ!

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง "เส้นทางทาเทยามะ คุโรเบะ" (立山黒部) แล้ว จังหวัดโทยามะยังมีทัศนียภาพที่สวยงามอีกมากมาย โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้จะเบ่งบานสดใสและเต็มไปด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติก ครั้งนี้เราจะพาคุณไปยังเขตนิอิคาวะทางตะวันออกของโทยามะ โดยเช่ารถไปชมวิวใน "เมืองนิวเซน" และ "เมืองอาซาฮี" เริ่มจาก "Nyuzen Flower Road" ที่มียอดเขาตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง และสำรวจ "กลุ่มซาวะสึงิธรรมชาติ" ที่เต็มไปด้วยน้ำมันหอมระเหยจากพืช ส่วนในเมืองอาซาฮี เราจะไปจุดชมดอกไม้ยอดนิยม "Spring Quartet" แวะบ้านโบราณ และสัมผัสกับวัฒนธรรมการดื่มชาแบบดั้งเดิม มาเพลิดเพลินกับฤดูใบไม้ผลิแบบตามใจฉันกันให้เต็มที่ไปเลย!

* บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สมาคมการท่องเที่ยวอ่าวโทยามะ หุบเขาคุโรเบะ และเขตเอ็ตชูนิอิคาวะ

เขตนิอิคาวะ จังหวัดโทยามะ - เมืองอุโอซึ, คุโรเบะ, นิวเซน, อาซาฮี

"เขตนิอิคาวะ" (にいかわ) เป็นเขตท่องเที่ยวที่มีพื้นที่กว้างขวาง ประกอบไปด้วย 2 เมืองใหญ่ 2 เมืองเล็กในภาคตะวันออกของจังหวัดโทยามะ ได้แก่ นิวเซน อาซาฮี อุโอซึ และคุโรเบะ มีสภาพภูมิศาสตร์ที่เพียบพร้อมไปด้วยภูเขา ทะเลและแม่น้ำ จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันหลากหลาย ตั้งแต่ภูเขาสูง 3,000 เมตร แม่น้ำคุโรเบะอันใสสะอาด ไปจนถึงอ่าวโทยามะที่อุดมไปด้วยอาหารทะเล

การเดินทาง

โทยามะตั้งอยู่ในภูมิภาคโฮคุริคุที่มีทั้งสนามบินนานาชาติและสถานีรถไฟชินคันเซ็น คุณสามารถนั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวไปได้โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที หรือจะเดินทางจากเมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่นก็สะดวกสบายเช่นกัน

เดินทางโดยเครื่องบิน

คุณสามารถนั่งเครื่องบินจาก "สนามบินฮาเนดะ" (羽田空港) ในโตเกียวไปยัง "สนามบินโทยามะคิโตะคิโตะ" (富山きときと空港) โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อไปถึงก็จะมีเคาน์เตอร์บริการของบริษัทเช่ารถยนต์อยู่ในบริเวณห้องโถงชั้น 1 ของสนามบินด้วย

 

*หมายเหตุ: ข้อมูลเที่ยวบินอาจเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 กรุณาตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ของสายการบิน

เดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็น

- นั่งรถไฟชินคันเซ็นสายโฮคุริคุจาก "สถานี Tokyo" ไปยัง "สถานี Kurobe-Unazukionsen" (黒部宇奈月温泉駅) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที ราคาประมาณ 12,000 เยนต่อคน

- นั่งรถไฟด่วนพิเศษ Thunderbird ของ JR West จาก "สถานี Shin-osaka" ไปยัง "สถานี Kanazawa" (金沢駅) แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟชินคันเซ็นสายโฮคุริคุเพื่อไปยัง "สถานี Kurobe-Unazukionsen" โดยจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที ราคาประมาณ 10,000 เยนต่อคน

* มีบริษัทเช่ารถหลายแห่งใกล้สถานี Kurobe-Unazukionsen ระยะเดินเท้า 3 นาที สามารถทำเรื่องเช่ารถได้ทันทีหลังลงจากชินคันเซ็น

แพลนเที่ยว 2 วันในนิวเซนและอาซาฮี

วันที่ 1 - นิวเซน (入善)

ซุ้มสีชมพูบนธารน้ำใส "ซากุระริมเขื่อนแม่น้ำคุโรเบะ"

แม่น้ำคุโรเบะมีชื่อเสียงในเรื่องปริมาณและความใสของน้ำ นอกจากนี้ ยังมีลุ่มน้ำรูปพัดอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับเลือกให้เป็น "100 สุดยอดแหล่งน้ำ" ของญี่ปุ่นด้วย ชาวบ้านในบริเวณนั้นได้ร่วมแรงร่วมใจกันปลูกต้นซากุระสายพันธุ์โซเมโยชิโนะจำนวน 70 ต้นไว้ที่ริมน้ำ ก่อนจะเพิ่มเป็น 170 ต้นในเวลา 50 ปีหลังจากนั้น ในที่สุด มันก็กลายเป็นทางเดินซากุระที่มีระยะทางกว่า 1.2 กิโลเมตร เกิดเป็นทิวทัศน์ซุ้มโค้งสีชมพูสะท้อนอยู่บนผิวน้ำโดยมีเทือกเขาทาเทยามะอันงดงามเป็นฉากหลัง

ท้องฟ้าสีคราม ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ เสียงลำธารที่ไหลแผ่ว และม่านซากุระสีชมพูจางๆ ทั้งหมดนี้ประกอบกันเป็นทิวทัศน์ที่ราวกับอยู่ในบทกวีและภาพวาด ดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้มาเยี่ยมชมกันทุกปี

พรมทิวลิปหลากสีที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา "Nyuzen Flower Road"

ดอกทิวลิปนี้ถือเป็นของดังประจำนิวเซนเลยก็ว่าได้ เมืองนี้จะมีการจัดอีเวนต์ดอกทิวลิปที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งเรียกว่า "Nyuzen Flower Road" (にゅうぜん フラワーロード) ที่เริ่มขึ้นใน ค.ศ. 1991 และเพิ่งครบรอบ 25 ปีไปใน ค.ศ. 2021 ที่ผ่านมา

ท่ามกลางทุ่งดอกไม้กว้าง 8 เฮกตาร์ คุณจะได้ชมทิวลิปกว่า 100 สายพันธุ์ ประมาณ 3 ล้านดอกที่เบ่งบานกันอย่างงดงาม แต่งแต้มสีแดง เหลือง ส้ม และชมพูลงบนทุ่งหญ้า โดยมีท้องฟ้าอันปลอดโปร่งและเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือที่มีหิมะหลงเหลืออยู่ประปรายเป็นพื้นหลัง 

"Nyuzen Flower Road" จะเปลี่ยนสถานที่จัดงานไปทุกปี โดยช่วงที่พีคที่สุดจะอยู่ในช่วงต้นถึงปลายเดือนเมษายน คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่แตกต่างกันตามสถานที่จัด วัน และเวลาเข้าชม หากลองก้าวเข้าไปในทุ่งแล้วกดชัตเตอร์ถ่ายรูป ก็จะรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในภาพวาดเลยทีเดียว!

นอกจากการจัดแสดงดอกไม้แล้ว คุณยังสามารถหาซื้อทิวลิปสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่เพาะในนิวเซน แวะร้านอาหารและเครื่องดื่ม และลองจัดช่อดอกไม้ด้วยตัวเองได้ด้วย ไปเดินถ่ายรูปและชมวิวสวยๆ กันสักหน่อย รับรองว่าจะเป็นความทรงจำที่ดีอย่างแน่นอน

ดินแดนแห่งไฟตอนไซด์ที่หันหน้าสู่ทะเล "Sugi Sawa no Sawa Sugi - Sawa Sugi Shizenkan"

ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของนิวเซนคือป่าที่น่าพิศวงแห่งนี้ ในเขตลุ่มน้ำคุโรเบะบริเวณชายฝั่งที่มีน้ำบาดาลผุดขึ้นมาจะมีป่าต้นซีดาร์ธรรมชาติที่เรียกว่า "ซาวะสึงิ" (沢スギ) ปกคลุมอยู่ จนได้ชื่อว่าเขตสึงิซาวะ (杉沢) นั่นเอง

เมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว พื้นที่นี้เคยกว้างถึง 45 เฮกตาร์ แต่เพราะมีการตัดต้นซีดาร์ส่วนใหญ่ออกไปแล้ว ปัจจุบันจึงเหลืออยู่เพียง 2.7 เฮกตาร์เท่านั้น ทำให้ที่นี่ได้รับการกำหนดให้เป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติของญี่ปุ่นไปด้วย

นอกพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติในบริเวณสึงิซาวะจะมีทางเดินไม้ให้คุณไปเดินเล่นเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศป่าลึกลับพร้อมชมกลุ่มต้นซาวะสึงิ (天然の沢スギ群) ลำธาร หนองน้ำ และต้นไม้ที่ปกคลุมด้วยตะไคร่ จุดเด่นของต้นซาวะสึงิเหล่านี้ก็คือ เมื่อหิมะทับถมบนกิ่งก้านของต้นอ่อนจนแตะพื้นแล้ว มันก็จะเริ่มงอกรากของมันออกมาข้างๆ ด้วย

ความอบอุ่นของฤดูหนาวที่หล่อเลี้ยงระบบนิเวศของพืชและสัตว์นานาชนิดนี้อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่าที่นี่คือภูเขา แต่ความจริงแล้วคุณกำลังอยู่ที่ชายฝั่งอ่าวโทยามะต่างหาก

คนที่สนใจสามารถอ่านคำอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในอาคารพิพิธภัณฑ์ อีกทั้งยังมีจุดชมวิวด้านในให้คุณชมทัศนียภาพโดยรอบได้อย่างเต็มที่ด้วย เสร็จแล้วก็อย่าลืมแวะด้านหลังอาคารเพื่อเพลิดเพลินกับน้ำพุจากแม่น้ำคุโรเบะกันด้วยล่ะ

สวนน้ำชื่อดัง "Nyuzen Deep Ocean Water Park"

นิวเซนอยู่ติดกับทะเลญี่ปุ่นในทางเหนือและมีแม่น้ำคุโรเบะไหลผ่าน จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองแห่งน้ำชื่อดัง" 名水の町) อุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำจึงเฟื่องฟูขึ้น เช่น การเพาะพันธุ์ทิวลิป แตงโมนิวเซนจัมโบ้ (入善ジャンボ西瓜) และโคชิฮิคาริ (コシヒカリ ข้าวญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง)

และเมื่อไม่นานมานี้ก็มีการสร้าง "Deep Ocean Water Park" (海洋深層水) ขึ้นมาด้วย ที่นี่เป็นสวนน้ำที่สูบน้ำทะเลเฉพาะถิ่นของญี่ปุ่นขึ้นมาจากชายฝั่งนิวเซนที่ยาว 3 กิโลเมตร ลึก 384 เมตร มีจุดเด่นอยู่ที่อุณหภูมิที่เสถียร (ประมาณ 1 - 2 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี) ทั้งสะอาดและอุดมไปด้วยแร่ธาตุสารอาหารมากมาย

สวนน้ำแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแหล่งจ่ายน้ำเท่านั้น แต่ในอาคารยังมีคำอธิบายเรื่องการสูบน้ำอย่างละเอียด และมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากน้ำทะเลลึก อย่างเครื่องสำอาง, สกินแคร์, อาหาร, เครื่องปรุง, ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ฯลฯ ไว้ด้วย นอกจากนี้ ที่หน้าอาคารก็ยังมีโซนให้เราสามารถลองชิมน้ำทะเลได้ถึง 3 ประเภท ได้แก่ น้ำทะเลเข้มข้น 5%, น้ำทะเลลึก 3% และน้ำที่ปราศจากแร่ธาตุ

ลิ้มรสความหวานจากอาหารใต้ทะเลลึกตามฤดูกาล "Nyuzen Kakinohoshi"

หากใครสงสัยว่าเมื่อนำน้ำจากทะเลลึกมาใช้กับอาหารทะเลแล้วจะเป็นอย่างไร เราขอแนะนำให้ไปที่ร้าน "Nyuzen Kakinohoshi" (入善牡蠣ノ星) ที่อยู่ใกล้กับสวนน้ำและมีอาหารทะเลสดๆ จากใต้ทะเลลึกมาให้คุณชิม เมื่อก้าวเข้าไปในร้าน ก็จะได้เห็นตู้ปลาขนาดใหญ่ที่มีน้ำจากทะเลลึกไหลผ่าน และมีอาหารทะเลชนิดต่างๆ อยู่มากมาย เช่น หอยนางรม หอยเป๋าฮื้อ หอยตลับฮามากุริ เมื่อมีลูกค้าสั่งอาหาร พ่อครัวก็จะเดินมาหยิบจากตรงนี้ การันตีความสดได้เลย

หอยนางรมดิบจะมีเนื้อหนา เนียนนุ่ม และชุ่มฉ่ำไปด้วยรสอูมามิ พากลิ่นแห่งท้องทะเลแผ่ซ่านไปทั่วปาก ในส่วนของหอยนางรมย่างก็จะมีพนักงานช่วยดูให้ย่างในความสุกที่กำลังดีเพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินกับรสชาติที่ดีที่สุดของหอยนางรมตามฤดูกาล

ยิ่งไปกว่านั้น ทางร้านยังมีการนำหอยนางรมมาใช้ในการหุงข้าวและทำซุปมิโซะด้วย เรียกได้ว่าเป็นมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยหอยนางรมเลยทีเดียว สามารถเลือกทานได้ทั้งแบบดิบ นึ่ง อบ ทอดเลย

การผสมผสานของอาคารเก่าและศิลปะยุคใหม่ "Nizayamageijutsunomori Hatsudensho Museum"

พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้เป็นอาคารอิฐสีแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางเมืองชนบท รีโนเวทมาจากอดีตโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่เคยเปิดทำการในช่วง ค.ศ. 1926 - 1992 แต่เดิมมีแผนว่าจะถูกทำลายทิ้ง แต่สุดท้ายก็ได้รับการชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ในฐานะพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ยังคงมีอุปกรณ์อย่างท่อน้ำหรือกังหันต่างๆ ให้เห็น อีกทั้งยังเป็นสื่อกลางในการนำเสนอศิลปะยุคใหม่สืบไป

ภายในอาคารนั้นกว้างขวางมาก เพดานสูงราว 10 เมตรและมีกรอบเหล็กเปลือยที่หลงเหลืออยู่ทำให้คงกลิ่นอายของยุคเก่าเอาไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม บรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์นี้ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินได้เป็นอย่างดี ที่นี่จึงถูกใช้เป็นที่จัดแสดงผลงานศิลปะต่างๆ มากมาย โดยจะเน้นไปที่ชิ้นงานขนาดใหญ่ที่วาดขึ้นในฮอลล์หรือชิ้นงานที่กินพื้นที่ไปทั้งบริเวณ ยิ่งคุณมาบ่อยเท่าไรก็จะยิ่งได้พบกับงานศิลปะใหม่ๆ มากขึ้นเท่านั้น

หากคุณเดินขึ้นบันไดกลางแจ้งด้านนอกที่อยู่ข้างหลังพิพิธภัณฑ์ขึ้นไปก็จะพบคาเฟ่ ซึ่งคุณสามารถนั่งจิบเครื่องดื่มชิลล์ๆ พลางชมวิวอาคารที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติได้

ที่พักแนะนำ

นิวเซน - อ่างอาบน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ในสวนญี่ปุ่น "Baden Akebi"

ที่พักท่ามกลางหุบเขาที่รายล้อมด้วยสีเขียวชอุ่มและสายน้ำบริสุทธิ์จากแม่น้ำคุโรเบะ มีจุดเด่นเป็นบ่อออนเซ็นกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่มีโคมไฟหินช่วยสร้างบรรยากาศแบบญี่ปุ่นๆ โดยมีวิวภูเขาเป็นพื้นหลัง คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับการแช่น้ำอย่างสบายๆ พลางชมทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลได้

น้ำที่ใช้มาจากต้นน้ำพุร้อนของแม่น้ำคุโรเบะในภูเขาลึกโดยตรง เป็นน้ำใสไม่มีสีที่ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและผิวเนียนนุ่มหลังจากอาบ จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นโลชั่นจากธรรมชาติด้วย

นอกจากออนเซ็นแล้ว ที่นี่ก็ใส่ใจเรื่องอาหารเป็นอย่างดีด้วย อาหารค่ำจะเสิร์ฟเป็นไคเซกิ (ชุดอาหารแบบญี่ปุ่น) รสเลิศที่ใช้วัตถุดิบและอาหารทะเลตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นปลาบุริย่างยูซุมิโซะ ไข่ตุ๋นปู ไปจนถึงหอยนางรมและโฮตาเตะดอง นอกจากนี้ ยังมีเมนูเสริมให้ลองชิมสาเกท้องถิ่น 3 ชนิดเทียบกันได้ด้วย กระทั่งมื้อเช้าก็มีอาหารทะเลอร่อยๆ ให้ทาน เรียกได้ว่าอิ่มหนำสำราญกันตั้งแต่ลืมตาตื่นเลยทีเดียว!

อาซาฮี - ออนเซ็นถ้ำธรรมชาติ "Hotel Ogawa"

เมื่อลอดผ่านอุโมงค์อาซาฮีโอกาวะ (朝日小川トンネル) ไป ก็จะได้พบกับ Hotel Ogawa หากคุณอยากสัมผัสประสบการณ์แบบญี่ปุ่นอันล้ำลึกแล้วล่ะก็ ต้องลองพักที่นี่ดูสักครั้ง!

เรียวกังนี้อยู่ติดกับหุบเขาและเปิดให้บริการออนเซ็นมานานกว่า 400 ปีแล้ว มีชื่อเสียงในฐานะออนเซ็นที่ช่วยให้มีลูกง่ายและรักษาบาดแผล

เมื่อเดินจากเรียวกังไปประมาณ 8 นาทีก็จะได้พบกับออนเซ็นถ้ำชื่อดังของเมือง ออนเซ็นนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติผ่านการสะสมตัวของแร่ธาตุที่ไหลมากับน้ำเป็นเวลานาน หากได้ลงแช่ไปพร้อมๆ กับฟังเสียงน้ำไหลก็จะรู้สึกเหมือนได้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติเลยทีเดียว

จากล็อบบี้ของโรงแรมจะมีหน้าต่างขนาดใหญ่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ให้คุณสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลได้ หากขึ้นจากน้ำแล้วมาพักดื่มอะไรอุ่นๆ ที่นี่ก็จะรู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจอย่างแน่นอน

 

วันที่ 2 - อาซาฮี (朝日) 

การผสมผสานของภูเขา ซากุระ ทิวลิป และนาโนะฮานะ "Asahi Funakawa Spring Quartet"

เมืองอาซาฮีตั้งอยู่บริเวณชายแดนระหว่างจังหวัดโทยามะกับจังหวัดนีงาตะ เป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ได้รับพรจากธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นชายฝั่งฮิซุย (ヒスイ海岸) ที่อยู่ในระดับเดียวกับน้ำทะเล ไปจนถึงภูเขาอาซาฮี (朝日岳) และภูเขาชิโรอุมะ (白馬岳) สูง 3,000 เมตรที่บริเวณเทือกเขาแอลป์ทางเหนือ

ทางตะวันตกของเมืองมีแม่น้ำฟุนาคาวะ (舟川) ที่ยาวราว 600 เมตรไหลผ่าน ในฤดูใบไม้ผลิต้นซากุระสายพันธุ์โซเมโยชิโนะกว่า 280 ต้นที่ชาวบ้านในละแวกปลูกไว้ริมแม่น้ำก็จะผลิดอก กลายเป็นอุโมงส์สีชมพูสวยงาม ได้รับความนิยมจากคนในพื้นที่ คนญี่ปุ่น และชาวต่างชาติ

ในฤดูเดียวกันนี้จะเป็นช่วงเวลาเบ่งบานของทิวลิปสีสันสดใสกว่า 6 แสนดอกและทะเลนาโนะฮานะสีทองเป็นประกาย ผสมผสานไปกับ "สีชมพู" จากดอกซากุระ "สีแดง" จากทิวลิป และ "สีเหลือง" จากนาโนะฮานะ ช่วยแต่งแต้มพื้นหลังที่เป็นหิมะ "สีขาว" บนยอดของภูเขาอาซาฮีและชิโระอุมะ ที่นี่จึงได้ชื่อว่าเป็น "Spring Quartet" (春の四重奏)  นั่นเอง

ทิวทัศน์นี้จะมีให้เห็นในช่วงต้นถึงกลางเดือนเมษายนของทุกปี และในระหว่างนั้นก็จะมีรถบัสให้บริการจากสถานีโทมาริ (泊駅) ของรถไฟ Ainokaze Toyama และที่อื่นๆ เป็นการชั่วคราวด้วย

เมฆขาว ฟ้าคราม และดอกไม้สีสันสดใสประกอบกันเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม และในช่วงพระอาทิตย์ตกคุณก็จะได้เห็นแสงแดดสีอุ่นๆ ลอดผ่านกิ่งก้านของต้นซากุระ ส่วนในช่วงกลางคืนก็จะมีไฟประดับสุดโรแมนติก ให้ความรู้สึกแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา ทั้งสนุกสนานและยอดเยี่ยมจนลืมไม่ลง

สัมผัสวัฒนธรรมดื่มชาบาตาบาตะในบ้านโบราณ "อุทยานประวัติศาสตร์ บ้านเก่าคาวาคามิ"

ชาบาตาบาตะ (バタバタ茶) เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่องในเขตบิรุทานิ (蛭谷) ของอาซาฮี ในสมัยก่อน หลังจากทำงานเสร็จในตอนเช้าตรู่ ผู้คนในหมู่บ้านจะเตรียมผักต้มและผักดองที่ทำเองมาและพูดคุยกันพลางดื่มชาไปด้วย

นอกจากในชีวิตประจำวันแล้วก็ยังพบชาบาตาบาตะได้ตามงานต่างๆ เช่น งานแต่งงานของคนในท้องที่ หรือปาร์ตี้ขนาดย่อมในละแวกเดียวกันด้วย งานน้ำชาเหล่านี้ช่วยผูกสัมพันธ์ของคนในชุมชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเป็นโอกาสเข้าสังคมที่จะขาดไปไม่ได้เลย

ชาบาตาบาตะทำด้วยการเอาชาดำที่นำเข้ามาจากจีนไปผ่านความร้อนเพื่อนำสีน้ำเงินออก เอาไปนวด และผึ่งแดดให้แห้ง จากนั้นจึงนำมาสุมกองอีกครั้งและหมักไว้ 40 วัน เป็นชาที่มีสีและรสชาติเข้มข้น โดยชื่อ "บาตาบาตะ" นี้ก็มาจากเสียงแปรงไม้ชงชากระทบกับถ้วยชาเวลาคนนั่นเอง

บ้านเก่าคาวาคามิที่อยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์นั้นถูกสร้างขึ้นในเมืองช่วงกลางยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603 - 1868) กล่าวกันว่าเป็นร้านในบ้านที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัด หลังจากบูรณะแล้วจึงย้ายมายังที่ตั้งในปัจจุบัน และตอนนี้ก็เป็นสถานที่สำหรับลองชาบาตาบาตะด้วย

ตามหาหยกกับมือโปรที่ "ชายฝั่งฮิซุย"

"ชายฝั่งมิยาซากิ-ซาไก" (宮崎・境海岸) เป็นชายฝั่งกรวดยาว 4 กิโลเมตรที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า "ชายฝั่งฮิซุย" หรือ "ชายฝั่งหยก" เนื่องจากคลื่นจะคอยพัดพาหินหยกขึ้นมาบนฝั่ง ในญี่ปุ่นเราจะสามารถหาหินอัญมณีได้เฉพาะบริเวณชายฝั่งของอาซาฮีและเมืองอิโตอิกาวะ (糸魚川) ของนีงาตะเท่านั้น เมื่อโด่งดังขึ้นมาก็เลยมีคนแวะมาอย่างไม่ขาดสาย

กล่าวกันว่าอาซาฮีเป็นแหล่งผลิตหยกในช่วงยุคโจมงถึงยุคโคฟุง ในปัจจุบัน คุณสามารถไปยังชายหาดแล้วลองหาหินหยกจริงๆ ดูได้โดยจะมีไกด์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ

"ฮิซุยเทอร์เรซ" (ヒスイテラス) ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาไม่นานนี้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของชายฝั่งฮิซุย จากระเบียงบนดาดฟ้าของอาคารจะสามารถมองลงมาเห็นทะเลญี่ปุ่นสีครามได้ ภายในอาคารก็สว่างสดใส โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มต้นจากการฟังคำอธิบายเกี่ยวกับรูปร่างและชนิดของหินอัญมณีต่างๆ จากไกด์ก่อน แล้วค่อยออกไปยังหาดเพื่อลองสำรวจจริงกันจริงๆ

หากมีโอกาส เราขอบอกเลยว่าวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ชายฝั่งนี้ก็เป็นอะไรที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน

ทาราจิรุ อาหารของชาวประมงในท้องถิ่น "Drive-in Kinkai"

อาหารชื่อดังของอาซาฮีคือ "ทาราจิรุ" (タラ汁) เป็นซุปร้อนๆ ที่อุดมไปด้วยสารอาหาร ในสมัยก่อนเหล่าภรรยาจะทำไว้ที่บ้านระหว่างรอสามีกลับมาจากการหาปลา ในแถบนี้มีปลาอลาสก้าพอลล็อค (スケソウダラ) อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ จึงมีร้านที่ขายซุปปลานี้ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด จนบริเวณทางหลวงหมายเลข 8 แถวๆ สถานี Etchu-Miyazaki ของรถไฟ Ainokaze Toyama ถูกเรียกว่าเป็น "ถนนสายทาราจิรุ" (タラ汁街道) เลยทีเดียว และจนปัจจุบันนี้ก็ยังมีขายตามร้านอาหารและที่พักตลอดทั้งปี

ที่ Drive-in Kinkai นอกจากซุปหวานๆ จากปลาสดๆ แล้ว ก็ยังมีอาหารทะเลส่งตรงจากร้านขายปลาและอาหารตามฤดูกาลต่างๆ ด้วย ชั้น 2 จะเป็นบริเวณสำหรับพักผ่อน ส่วนห้องอาหารจะอยู่ที่ชั้น 1 ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนท้องถิ่นและผู้ขับขี่ทางไกล

ของฝาก - "เซมเบ้กุ้งขาว 100%" อัดแน่นด้วยรสชาติของทะเลโทยามะเต็มทุกแผ่น

กุ้งขาวจะมีลำตัวโปร่งใสเป็นสีขาว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ และสามารถจับได้ที่อ่าวโทยามะเท่านั้นจึงเปรียบเสมือนอัญมณีของอ่าวโทยามะเลยทีเดียว เมื่อนำมาผสมผสานกับน้ำทะเลลึกที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและอบด้วยไฟอ่อนๆ ทีละแผ่น ก็จะได้ออกมาเป็นเซมเบ้กุ้งขาว 100% อย่างที่เห็น

นอกจากจะมีรสชาติแบบกุ้งขาวแท้ๆ แล้ว ยังกรุบกรอบเคี้ยวสนุกด้วย รับรองว่าทานแล้วหยุดไม่ได้แน่นอน เหมาะจะซื้อเป็นของฝากให้เพื่อนๆ ที่สุด

แผนที่จุดท่องเที่ยวในนิวเซนและอาซาฮี

การเดินทางอันสดใสในฤดูใบไม้ผลิที่นิวเซนและอาซาฮี

ในทริป 2 วัน 1 คืนนี้ เราได้พาขับรถเที่ยวรอบนิวเซนและอาซาฮีกันอย่างหนำใจ ทั้งจุดชมดอกไม้ชื่อดังที่ดูราวกับภาพวาด ออนเซ็นธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรมการดื่มชาของคนในท้องถิ่น หอยนางรมย่างตัวอวบอ้วน ไม่ว่าจะสิ่งไหนก็ฟินสุดๆ หากมีโอกาสก็ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองดูนะ!

นอกจากนิวเซนและอาซาฮีแล้ว เมืองคุโรเบะและอุโอซึในแถบนิอิคาวะก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน ใครสนใจก็ตามไปอ่านต่อที่บทความ ทริป 2 วัน 1 คืนในคุโรเบะและอุโอซึ ขับรถเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีในโทยามะ! กันได้เลย

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์ชูบุ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Fuchi
Fuchi Pan
เกิดที่ไต้หวัน ปัจจุบันอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น ใฝ่ฝันที่จะใช้ชีวิตโดยห้อมล้อมไปด้วยภาชนะแฮนด์เมดและสิ่งที่ชื่นชอบ
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร