แนะนำ 10 โรงแรมหรูบรรยากาศดี ใกล้แหล่งท่องเที่ยวดังใน "ภูมิภาคชูบุ" !

มาเที่ยวทั้งที ทำไมไม่ลองพักในโรงแรมหรูที่มีบรรยากาศแบบญี่ปุ่นดูล่ะ? ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปพบกับที่พักแนะนำใน 5 จังหวัดของภูมิภาคชูโกคุ ได้แก่ ชิมาเนะ, ทตโตริ, ฮิโรชิม่า, ยามากุจิ และโอคายาม่า มีทั้งที่พักที่สามารถชมวิวสวยๆ ของมรดกโลกได้จากในห้องพัก ที่พักพร้อมออนเซ็นส่วนตัว และที่พักที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์อีกมากมายที่เราคัดสรรมาอย่างดี!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

จังหวัดชิมาเนะ (島根県)

จังหวัดชิมาเนะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคชูบุ วางตัวอยู่ในแนวตะวันออก - ตะวันตก มีชายฝั่งกินระยะทางยาว 1,027 กิโลเมตร ที่นี่เป็นพื้นที่กว้างที่รายล้อมไปด้วยภูเขาขนาดใหญ่หลายลูก และทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยสดงดงาม นอกจากนี้ ชิมาเนะยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลที่สดใหม่ ข้าวแสนอร่อย และขนมหวานญี่ปุ่นสูตรดั้งเดิม รับรองว่าจะเป็นทริปเที่ยวที่มีของอร่อยให้ได้ทานกันตลอดเส้นทาง

จังหวัดชิมาเนะเป็นที่ตั้งของจุดท่องเที่ยวเด็ดดังมากมาย เช่น "ศาลเจ้าอิซุโมะ" (出雲大社) ที่มีชื่อเสียงในฐานะสถานที่จัดงานแต่งงานยอดนิยมอันดับ 1 ของญี่ปุ่น, ซากปรักหักพังของ "เหมืองเงินอิวามิกินซัง" (石見銀山) ซึ่งเป็นที่แรกในเอเชียที่ได้รับการขึ้นทะเขียนเป็นมรดกโลกไปใน ค.ศ. 2007 และทิวทัศน์เมืองโบราณที่อยู่โดยรอบ

1. Ancient Inn Keiun

Ancient Inn Keiun ตั้งห่างจากแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างศาลเจ้าอิซุโมะในระยะเดินเพียง 15 นาที เป็นโรงแรมสุดทันสมัยที่มีการผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นเข้ากับความเป็นยุโรปได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกสงบและหนักแน่น เป็นบรรยากาศสุดหรูที่ผู้คนแทบจะไม่เคยได้สัมผัสในชีวิตประจำวันอันเร่งรีบ

ตัวเลือกแนะนำสำหรับที่นี่ คือ ห้องพักแบบพรีเมียมที่มาพร้อมอ่างอาบน้ำส่วนตัวท่ามกลางธรรมชาติ มีจุดเด่นอยู่ที่คุณจะสามารถแช่ออนเซ็นได้ทุกเวลาที่ต้องการ! มาคลายความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวันด้วยการแช่น้ำพุร้อนดีๆ ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านไปมากันเถอะ

ที่นี่มีอาหารค่ำแบบเป็นคอร์ส ทุกเมนูล้วนปรุงจากวัตถุดิบชั้นดีอย่าง "เนื้อวัวชิมาเนะ" (島根和牛), อาหารทะเลที่ส่งตรงมาจากทะเลญี่ปุ่นที่อยู่ติดกับตัวจังหวัด ฯลฯ และเนื่องจากจังหวัดชิมาเนะเป็นถิ่นกำเนิดของสาเกญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง ดังนั้น เราจึงขอแนะนำให้ลองสั่ง "สาเกอิซุโมะ" (出雲のお酒) มาทานคู่กับมื้ออาหารสุดหรูนี้ดู

2. Kasuien Minami

Kasuien Minami เป็นที่พักที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับ "ทามะทสึคุริออนเซ็น" (玉造温泉) ซึ่งเป็นที่รักของผู้คนมานานกว่า 1,300 ปีได้ ออนเซ็นแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า "คามิโนะยุ" (神の湯) ที่แปลว่า ออนเซ็นของเทพเจ้า ที่ทั้งดีต่อสุขภาพและผิวพรรณ ที่นี่มีทั้งห้องพักแบบญี่ปุ่น แบบตะวันตก และแบบผสมผสาน ทุกแบบล้วนมีดีไซน์ที่แตกต่างกันไป และบางห้องก็จะมีออนเซ็นส่วนตัว ให้คุณได้ครอบครองน้ำพุร้อนของเทพเจ้าไปคนเดียวเลย

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของที่พักแห่งนี้ คือ มื้ออาหารสุดพิเศษที่หาทานได้ที่นี่เท่านั้น ทุกเมนูล้วนทำจากวัตถุดิบประจำฤดูกาลที่หาได้ในท้องถิ่น อย่างสเต็กจากเนื้อวัวชิมาเนะที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี อาหารพื้นบ้าน ฯลฯ

ที่พักแห่งนี้มีสวนหย่อมที่ได้รับอันดับ 5 ในการจัดอันดับสวนญี่ปุ่นของนิตยสาร The Journal of Japanese Gardening ของอเมริกาไปใน ค.ศ. 2017 อีกทั้งยังเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม เราจึงขอแนะนำให้คุณถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกกันไว้สักใบ นอกจากนี้ ช่วงกลางคืนก็ยังมีการประดับไฟไลท์อัพที่จะทำให้คุณได้ชมวิวแสนสวยที่ต่างจากตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิงด้วย

จังหวัดทตโตริ (鳥取県)

จังหวัดทตโตริ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของภูมิภาคชูโกคุ เป็นสถานที่ที่สามารถชมการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาลที่สวยงามราวกับได้รับประทานมาจากสรวงสวรรค์ได้ ทตโตริมีจุดเด่นอยู่ที่ผลผลิตทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นข้าว หรือผักผลไม้ จังหวัดนี้จึงมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักไปทั้งประเทศ

เมื่อพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของทตโตริแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าต้องเป็น "เนินทรายทตโตริ" (鳥取砂丘) ที่ก่อตัวขึ้นเป็นเวลานานหลายปีจนดูราวกับงานศิลปะ เนินทรายแห่งนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาและฤดูกาล เป็นทัศนียภาพที่สวยติดอันดับโลกเลยทีเดียว

ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ "ภูเขาไดเซน" (大山) ที่มียอดเขาสูงที่สุดในภูมิภาคชูบุ และได้รับการยกย่องเป็นอันดับ 3 ของการจัดอันดับ "ยอดเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น" โดยสถานี NHK

ที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติสีเขียวชอุ่มในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และทิวทัศน์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาว เป็นทิวทัศน์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

3. Sakaiminato Yunagi no Yu Onyado Nono

ที่พักเล็กๆ แห่งนี้อยู่ห่างจาก "สนามบินโยนาโกะ คิทาโร่" (米子空港) ประมาณ 30 นาที เมื่อเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ จึงเป็นที่พักที่สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังจึงเหมาะสำหรับใช้เป็นจุดตั้งต้นในการเดินทาง ห้องพักและพื้นที่ภายในทำด้วยไม้ที่ไม่ได้ผ่านการทาสีหรือเคลือบเงา ให้ความรู้สึกสบายๆ จึงเหมาะสำหรับการพักผ่อนและหนีจากความวุ่นวายในตัวเมือง

เสน่ห์อย่างหนึ่งของที่พักแห่งนี้ คือ บ่อน้ำร้อนกลางแจ้งที่มีการใช้น้ำพุร้อนจากออนเซ็นธรรมชาติ เปิดให้บริการตั้งแต่ 15:00 - 10:00 น. ของเช้าวันถัดไป คุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับการแช่น้ำได้แม้จะเป็นตอนเที่ยงคืน และมั่นใจได้ว่าจะไม่รบกวนเวลาท่องเที่ยวของคุณอย่างแน่นอน นอกจากนี้ คุณก็จะได้ชมวิวของ "เมืองซาไกมินาโตะ" (境港) และ "ทะเลญี่ปุ่น" (日本海) ที่แผ่กว้างอยู่เบื้องหลังระหว่างที่แช่น้ำด้วย

ห้องอาบน้ำนี้เปิดให้บริการแบบไปเช้า - เย็นกลับสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ค้างคืนด้วยเช่นกัน 

4. Misasakan

ที่พักแห่งนี้มีน้ำพุร้อนจาก "มิซาสะออนเซ็น" (三朝温泉) ที่มีประวัติยาวนานกว่า 850 ปีและเป็นที่ภูมิใจของ Misasakan ที่นี่มีห้องพักอยู่หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นห้องมาตรฐานญี่ปุ่น, ห้องใหญ่ที่รองรับได้ถึง 7 คน หรือห้องพักพร้อมออนเซ็นส่วนตัว คุณสามารถเลือกแบบที่ชอบหรือเลือกให้เข้ากับทริปของคุณได้เลย

สำหรับเสน่ห์ของที่พักแห่งนี้ ก็คงหนีไม่พ้น "มิซาสะออนเซ็น" อันเลื่องชื่อ มีทั้งบ่อที่อยู่กลางสวนอันเงียบสงบ, บ่อที่ต้องจองล่วงหน้า, ออนเซ็นเท้า ฯลฯ สายน้ำอันนุ่มนวลที่โอบอุ้มและปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยนนี้ทำให้ออนเซ็นแห่งนี้เป็นจุดที่น่าเพลิดเพลินมากทีเดียว

สำหรับสาวๆ ที่มาพัก ที่นี่ก็ยังมีบ่อน้ำพุร้อนโรยกลีบกุหลาบที่เปิดให้บริการในช่วง 15:00 - 22:00 น. ของทุกวันด้วย รับรองว่ากลิ่นหอมของกุหลาบที่อยู่รอบตัวจะทำให้คุณดื่มด่ำไปกับช่วงเวลานี้ได้อย่างมีความสุขแน่นอน

เมื่อคุณก้าวเข้ามา สิ่งแรกที่คุณจะเห็นก็คือสวนญี่ปุ่นที่ดูสง่างาม นอกจากจะสะท้อนความงดงามของฤดูกาลทั้งสี่ให้ได้ชมกันแล้ว ก็ยังมีการตกแต่งด้วยไฟเพื่อเพิ่มสีสันเข้าไปด้วย หากคุณอยู่ค้างคืนที่นี่ล่ะก็ อย่าลืมไปชมให้ได้นะ

นอกจากนี้ คุณยังสามารถไปนั่งจิบชาชมสวนในบริเวณร้านกาแฟของที่พักได้ด้วย

จังหวัดฮิโรชิม่า (広島県)

ฮิโรชิม่า เป็นจังหวัดที่หันหน้าออกสู่ทะเลเซโตะใน มีปริมาณน้ำฝนต่ำ และอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นแม้แต่ในฤดูหนาวราวกับเป็นของประทานจากสวรรค์เลยทีเดียว นอกจากนี้ ฮิโรชิม่าก็ยังมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งจับหอยนางรมและผลิตเลม่อนอันดับ 1 ของประเทศด้วย

จุดท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดนี้ คือ "ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ" (厳島神社) มรดกโลกที่ตั้งอยู่บนเกาะมิยาจิม่า ภาพของเสาโทริอิที่ลอยอยู่กลางทะเลนั้น เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามจนติดอันดับ 1 ใน 3 จุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

5. Miyajima Grand Hotel Arimoto

ที่พักแห่งนี้อยู่ใกล้กับ "ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ" ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเกาะมิยาจิม่า มีห้องพักยอดนิยมที่หันไปยังตัวศาลเจ้า เป็นห้องสวีทพร้อมอ่างอาบน้ำกลางแจ้งที่ออกแบบโดยการผสมผสานห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นและตะวันตก นอกจากนี้ คุณก็สามารถชมทิวทัศน์มุมกว้างอันน่าทึ่งของศาลเจ้าได้จากอ่างอาบน้ำด้วย 

เรียกได้ว่าเสน่ห์ของ Miyajima Grand Hotel Arimoto นั้นอยู่ในการที่คุณสามารถชมความงดงามของเกาะมิยาจิม่าได้จากตัวโรงแรมเลยนั่นเอง

นอกจากศาลเจ้าแล้ว โรงแรมนี้ยังมีห้องพักที่มองเห็น "ภูเขามิเซ็น" (弥山) อันศักดิ์สิทธิ์ของเกาะมิยาจิม่าด้วย ห้องนี้ก็มีการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างสไตล์ญี่ปุ่นและตะวันตกเช่นกัน ลองมาเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของภูเขามิเซ็นอันยิ่งใหญ่ตระการตาที่ปกคลุมไปด้วยป่าบริสุทธิ์ที่ไม่เคยถูกรุกรานกันดูสิ

ห้องพักเหล่านี้ออกแบบโดยช่างฝีมือชาวเกียวโต เป็นสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า "สุกิยะ - ซุคุริ" (数寄屋造り) ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การใช้ทิวทัศน์และองค์ประกอบของธรรมชาติรอบๆ ให้เป็นประโยชน์ และวางแปลนห้องให้ดูกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ดังนั้น อย่าลืมสังเกตการวางแปลนห้องดูด้วยล่ะ

Klook.com

6. Migiwatei Ochi Kochi

ห้องพักทั้งหมดของโรงแรมสุดหรูแห่งนี้มาพร้อมกับวิวทะเลและอ่างออนเซ็นกลางแจ้งที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าไม้ ให้คุณได้ดื่มด่ำกับความสุนทรีย์ของการแช่ออนเซ็นท่ามกลางสายลมที่พัดพามาจากทะเล

การออกแบบของห้องพักเหล่านี้มาในดีไซน์แบบญี่ปุ่นที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น อีกทั้งยังมีความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดอย่างการเลือกใช้ชุดเครื่องนอน Simmons และการจัดเตรียมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี

นอกจากนี้ ทางโรงแรมก็ให้ความสำคัญกับอาหารด้วยเช่นกัน โดยจะเสิร์ฟเมนูที่ทำจากวัตถุดิบที่อร่อยที่สุดเท่าที่จะหาได้ในช่วงนั้น ซึ่งบอกเลยว่าอาหารจานหลักที่ทำจากเนื้อปลาสดใหม่ที่ส่งตรงมาจากทะเลเซโตะในที่แผ่กว้างอยู่ตรงหน้านั้นเป็นอาหารจานเด็ดที่จะหาไม่ได้ที่ไหนอีก! ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถบอกให้เชฟปรุงอาหารด้วยวิธีที่คุณต้องการได้ด้วย นับเป็นความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของโรงแรมแห่งนี้เลยทีเดียว

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

จังหวัดยามากุจิ (山口県)

จังหวัดยามากุจิ เป็นพื้นที่ประมงขนาดใหญ่ที่หันหน้าออกสู่ทั้งทะเลญี่ปุ่นและทะเลเซโตะใน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ท่าเรือชิโมโนเซกิ" (下関港) ที่เป็นแหล่งจับปลาปักเป้าที่มีปริมาณการผลิตเป็น 80% ของประเทศเลยทีเดียว

จุดท่องเที่ยวชื่อดังของที่นี่ คือ "ศาลเจ้าโมโตโนสุมิ อินาริ" (元乃隅神社) ที่มีเสาโทริอิ 123 ต้นเรียงรายกันเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร เป็นทิวทัศน์สุดตระการตาที่จะทำให้คุณต้องตะลึง มีเรื่องเล่าว่าหากคุณโยนเงินเข้ากล่องรับเงินบริจาคที่ตั้งอยู่เหนือเสาโทริอิขนาดใหญ่ได้ ก็จะทำให้ความปรารถนาเป็นจริงด้วย

"เมืองฮากิ" (萩市) ที่อยู่ในจังหวัดนี้เป็นเมืองที่มี "ปราสาทฮากิ" เป็นศูนย์กลาง (萩城) สร้างขึ้นภายใต้คำสั่งของ โมริ เทรูโมโตะ (毛利輝元) ซึ่งเป็นแม่ทัพในสมัยนั้น และเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ความงดงามของทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยกำแพงสีขาวตั้งเรียงรายกันอยู่นั้น ทำให้เมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในฐานะสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติเมจิ

7. Otani Sanso

ที่พักแห่งนี้มีอายุราว 600 ปีซึ่งถือว่าเก่าแก่ที่สุดในจังหวัด ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ "นากาโตะ ยูโมโตะออนเซ็น" (長門湯本温泉) ห้องพักแต่ละห้องจะมีทิวทัศน์ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นไหล่เขาสีเขียวขจี หรือแม่น้ำข้างๆ ที่จะทำให้คุณได้ผ่อนคลายไปกับสายลมอันอ่อนโยน

เมื่อพูดถึงเสน่ห์ของ Otani Sanso ล่ะก็ แน่นอนว่าจะต้องเป็นการแช่น้ำพุร้อนนากาโตะ ยูโมโตะออนเซ็นอันเลื่องชื่อ ที่นี่มีน้ำร้อนอยู่ทั้งหมด 11 ชนิดอยู่ในห้องอาบน้ำทั้งชั้น 1 และชั้น 2 โดยส่วนของผู้หญิงและผู้ชายจะมีการเปิดให้บริการในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ลองมาแช่น้ำพุร้อนชนิดต่างๆ กันอย่างจุใจให้ได้นะ

เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้ทะเลญี่ปุ่นและตั้งอยู่ในบริเวณเชิงเขาชิโกคุ จึงมีเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งเป็นอาหารทะเลและอาหารป่าแสนอร่อย เมนูในโรงแรมแห่งนี้จึงมีทั้งคอร์สที่ปรุงด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล คอร์สเทปปันยากิ และไก่ย่าง คุณสามารถเลือกแพลนที่ชอบได้ตามต้องการ

8. Iwakuni Kokusai Kanko Hotel

Iwakuni Kokusai Kanko Hotel เป็นโรงแรมขนาดเล็กที่สามารถมองเห็น "สะพานคินไตเคียว" (錦帯橋) ที่เป็น 1 ใน 3 สะพานที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น คินไตเคียวเป็นสะพานไม้ที่ดูสง่างามมีเอกลักษณ์ และบริเวณรอบๆ ก็เป็นจุดที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และดอกไม้ไฟในฤดูร้อนยามค่ำคืน ที่นี่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้ในทุกฤดูกาล และหากคุณมาพักค้างคืนที่นี่แล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้เลือกห้องที่สามารถชมสะพานคินไตเคียวได้ไปเลย

นอกจากนี้ คุณยังสามารถชมวิวสะพานคินไตเคียวจากออนเซ็นได้อีกด้วย ที่นี่มักจะปกคลุมไปด้วยสายหมอกในตอนเช้า และแสงไฟที่ส่องสว่างในยามค่ำคืน ซึ่งต่างก็เป็นทิวทัศน์ที่ควรค่าแก่การชมทั้งคู่ นอกจากนี้ก็ยังมี "ปราสาทอิวาคุนิ" (岩国城) ที่สร้างโดยผู้ครองแคว้นอิวาคุนิรุ่นที่ 1 ที่สามารถมองเห็นจากระยะไกลได้ด้วย

สำหรับอาหารค่ำ คุณจะได้ลิ้มลองเมนูท้องถิ่นของอิวาคุนิกันอย่างจุใจ โดยเฉพาะ "ซูชิอิวาคุนิ" (岩国寿司) ที่เป็นโอชิซูชิ (押し寿司 ซูชิอัดทรงสี่เหลี่ยม) หน้าตาสวยงามราวกับงานศิลปะ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารพิเศษสูตรเฉพาะที่ทำจากปลาหวานที่จับด้วยวิธีตกปลาแบบ "อุไค" (鵜飼い) ซึ่งเป็นกิจกรรมฤดูร้อนที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปแถวสะพานคินไตเคียว

Klook.com

จังหวัดโอคายาม่า (岡山県)

จังหวัดโอคายาม่า เป็นศูนย์กลางคมนาคมที่เชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคชูโกคุและชิโกคุมาตั้งแต่สมัยโบราณ นอกจากจะเป็นต้นกำเนิดวัฒนธรรมแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรมและพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจด้วย

โอคายาม่ามีอีกชื่อหนึ่งว่า "ดินแดนแห่งแสงอาทิตย์" (晴れの国) เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนน้อยที่สุดในญี่ปุ่น พื้นที่ทางตอนใต้มีทิวทัศน์อันกว้างไกลของทะเลเซโตะในและหมู่เกาะต่างๆ ส่วนทางเหนือก็จะเต็มไปด้วยภูเขาสีเขียวชอุ่มมากมาย อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงด้วย

หากพูดถึงที่เที่ยวยอดนิยมแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าต้องเป็น 1 ใน 3 สวนที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง "สวนโอคายาม่า โคราคุเอ็น" (岡山後楽園) ที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,700 ปี

 

จุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดของจังหวัดนี้ คือ "ย่านอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง" (倉敷美観地区) ที่เคยถูกใช้เป็นศูนย์กลางการค้าขายทางน้ำ (ทั้งแม่น้ำและทะเล) ที่สำคัญในช่วงศตวรรษที่ 17 คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศและประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองในสมัยนั้นระหว่างที่เดินชมโกดังเก็บสินค้าของเหล่าไดเมียวที่ล้อมรอบไปด้วยกำแพงสีขาวสะอาดตา

9. Ryori Ryokan Tsurugata

Ryori Ryokan Tsurugata เป็นเรียวกังที่ตั้งอยู่ในบริเวณใจกลางของย่านคุราชิกิบิคังโดยใช้อาคารที่สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1744 และยังคงรักษาโครงสร้างดั้งเดิมเอาไว้ได้หลายส่วน เช่น เสา, พื้น ฯลฯ ทำให้ผู้เข้าพักรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในยุคสมัยนั้น

ห้องพักที่ใหญ่ที่สุดของเรียวกังแห่งนี้ เรียกว่า "ไอจิ" (阿知) มาพร้อมกับทิวทัศน์สุดงดงามของสวนอันหรูหราที่เต็มไปด้วยต้นสนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี

คุณจะได้ลิ้มรส "สุกี้ยากี้" (すき焼き) ที่ทำจากเนื้อวัวญี่ปุ่นแท้ๆ และ "โอชาสึเกะ" (茶漬) ข้าวราดชาอันเลื่องชื่อที่มีเนื้อปลาแล่เป็นชิ้นๆ ราดด้วยซอสงาแสนอร่อย นอกจากอาหารเที่ยงและอาหารเย็นแล้ว คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับขนมญี่ปุ่นแสนอร่อยที่จะเสิร์ฟในช่วง 14:00 - 17:00 น. ได้ด้วยเช่นกัน เป็นสิ่งที่เราอยากแนะนำมากๆ เลย

10. Okutsuso

ที่พักแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ด้วยประวัติที่ยาวนานกว่า 90 ปี ที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อนจากต้นน้ำที่อยู่ใต้เท้าของคุณ ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่น คุณจะได้เพลิดเพลินกับออนเซ็นชั้นยอดของน้ำพุร้อนที่ไม่ผ่านการต้มหรือผสมใดๆ ที่พุ่งขึ้นมาในปริมาณถึง 247 ลิตรต่อนาทีเลยทีเดียว

ในส่วนของห้องพัก ที่นี่ก็มีความพิเศษอยู่ที่ห้องพักแบบแยกเดี่ยว ที่คุณสามารถพักผ่อนและสัมผัสกับบรรยากาศการใช้ชีวิตในโรงแรมได้อย่างเป็นส่วนตัว ทั้งเงียบสงบและเป็นส่วนตัวสุดๆ

ที่นี่มีอาหารให้คุณเลือกได้ถึง 9 คอร์ส ตั้งแต่แบบที่ทำด้วยวัตถุดิบในฤดูกาล อาหารท้องถิ่น ไปจนถึงชาบูชาบูที่ทำด้วยเนื้อ "คุโรเกะวากิว" (黒毛和牛) และอื่นๆ อีกมากมาย ทุกจานล้วนใช้วัตถุดิบของจังหวัดโอคายาม่าและทางโรงแรมเป็นหลัก

ส่งท้าย

ทั้งหมดนี้เป็นโรงแรมที่พักชั้นเยี่ยมที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เราตั้งใจคัดสรรมาให้กับคุณ ดังนั้น หากมีโอกาสก็อย่าลืมมาสัมผัสกับบรรยากาศย้อนยุค ระหว่างที่เยียวยาร่างกายและจิตใจกันดูนะ

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์ชูโกคุ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

kasamatsu
kasamatsu
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร