ธรรมชาติ VS เมือง! แนะนำวิธีเพลิดเพลินกับจังหวัด "คานางาวะ" ทั้งกลางวันและกลางคืน

"คานางาวะ" เป็นจังหวัดที่มีอะไรสนุกๆ ให้ทำทั้งในช่วงเช้าตรู่และช่วงที่ดึกมากๆ ในครั้งนี้ เพื่อให้เหล่านักท่องเที่ยวได้รู้จักกับความยอดเยี่ยมของที่นี่ นักเขียนชาวอเมริกาของเราคนหนึ่งก็ได้ใช้ช่วงเวลาวันหยุดยาวออกเดินทางไปยังบ้านเกิดที่ "คานางาวะ" และพักค้างคืนที่ "ฮาโกเน่" ใกล้ๆ กับภูเขาไฟฟูจิเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติสวยๆ ต่อด้วยการพักค้างคืนที่จังหวัด "โยโกฮาม่า" เมืองที่แสนจะมีเสน่ห์เพื่อเพลิดเพลินกับความสนุกคึกคักของเมืองใหญ่ ตามมาอ่านบทความนี้เพื่อชมความแตกต่างของกิจกรรมช่วงเช้าและช่วงกลางคืนที่คุณสามารถสนุกกันได้หากได้พักค้างคืน แล้วอย่าลืมมาบอกเราด้วยนะ ว่าคุณชอบเที่ยวในเมืองหรือในธรรมชาติของคานางาวะมากกว่ากัน!

เปรียบเทียบการเที่ยวธรรมชาติและเมืองในคานางาวะ: แนะนำสิ่งน่าทำในโยโกฮาม่า เมืองชั้นสูงอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น

"โยโกฮาม่า" (Yokohama) เป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเต็มไปด้วยความสนุกในทุกที่ที่คุณไป อีกทั้งยังได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าอยู่ที่สุดในประเทศในสายตาของชาวญี่ปุ่นด้วย ซึ่งก็บอกได้ไม่ยากเลยว่าเพราะอะไร เพราะเพียงเดินเที่ยวไปรอบๆ ก็รู้สึกเพลินได้แล้ว แถมที่นี่ยังเต็มไปด้วยสวนสาธารณะที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังมีจุดท่องเที่ยว และอาหารแสนอร่อยให้คุณได้ลิ้มลองกันมากมายด้วย

แนะนำสิ่งน่าทำในยามค่ำคืน

2 สถานที่แนะนำ สำหรับเพลิดเพลินกับมื้อค่ำแสนอร่อย

1. ตระเวณเที่ยวบาร์แบบชาวท้องถิ่นในย่านโนเกะ

"โนเกะ" (Noge) เป็นย่านแห่งการดื่มที่มีชื่อเสียงที่สุดในโยโกฮาม่า ตั้งอยู่ในบริเวณใจกลางเมือง และเต็มไปด้วยร้านนั่งดื่มสไตล์ญี่ปุ่นหลายร้อยแห่ง อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในเรื่องของบรรยากาศสไตล์ย้อนยุคที่ชาวโยโกฮาม่าต่างก็มาท่องเที่ยวแบบ Bar Hopping อย่างสนุกสนานกันในยามค่ำคืนด้วย

ที่นี่มีบาร์และร้านอาหารให้คุณเลือกมากมายจนอาจจะทำให้มึนไปในตอนแรก แต่ฉันอยากแนะนำให้คุณเดินเล่นไปรอบๆ ก่อน แล้วค่อยแวะเข้าไปในร้านที่ดูน่าสนใจ หรือร้านที่มีกลิ่นหอมลอยออกมาบนถนน ที่นี่มีอาหารให้ลิ้มลองอยู่มากมาย แต่ฉันขอให้คุณลองหาร้านที่เสิร์ฟ "ยากิโทริ" (Yakitori ไก่ย่างเสียบไม้) และร้านที่เสิร์ฟซาชิมิดู โยโกฮาม่ามีตลาดปลาชั้นยอดอยู่ด้วย ดังนั้น คุณจึงสามารถลิ้มลองซาชิมิที่สดจริงๆ ได้ในร้านอาหารในย่านนี้

ตอนที่ฉันไป ฉันได้เริ่มต้นด้วยการทานยากิโทริและเหล้าโชจูแสนอร่อยในร้านขายยากิโทริโดยเฉพาะ จากนั้น ฉันก็ไปต่อที่ร้านอิซากายะที่ฉันได้ดื่มด่ำกับซาชิมิและสาเกชั้นเลิศ

ในภาษาญี่ปุ่น Bar Hopping แบบนี้จะเรียกว่า "ฮาชิโกะซาเกะ" (Hashigozake) และย่าน "โนเกะ" (Noge) ก็เป็นสถานที่สุดเพอร์เฟกต์สำหรับการเพลิดเพลินกับวัฒนธรรมการดื่มของญี่ปุ่น แต่ละร้านในย่านนี้จะเชี่ยวชาญอาหารและเหล้าคนละแบบกัน ดังนั้น อย่าลืมแวะไปหลายๆ ร้านเพื่อสัมผัสกับประสบการณ์อาหารและเครื่องดื่มชั้นเลิศแสนอร่อยกันดูนะ!

2. ดื่มด่ำกับอาหารญี่ปุ่นที่ปรุงบนหลักของความยั่งยืนในร้านคิจิมะ

หนึ่งในสถานที่ที่ฉันอยากแนะนำสำหรับการทานมื้อค่ำในโยโกฮาม่า คือ ร้าน "คิจิมะ" (Kijima) ที่เสิร์ฟอาหารทะเลชั้นยอด และมีแนวคิดที่ใช้หลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนเข้ามาปรับใช้ในโลกของอาหารญี่ปุ่น

ร้านคิจิมะใช้วัตถุดิบอาหารทะเลที่จับมาด้วยวิธีการประมงแบบยั่งยืน และใช้เนื้อที่นำมาจากสัตว์ที่เลี้ยงมาด้วยความใส่ใจในความเป็นอยู่ที่ดี นอกจากนี้ พวกเขาก็ยังใช้เครื่องปรุงที่ปลอดภัยและส่งเสริมความยั่งยืน ปลอดสารเจือปนและสีสังเคราะห์ แต่จะเน้นความอร่อยและความสดใหม่ของตัววัตถุดิบเองมากกว่า

ชมปลาหมึกที่สดมากจนสามารถเห็นผิวหนังที่กำลังเปลี่ยนสีได้เลย!

ฉันขอแนะนำให้คุณลองเมนูพิเศษประจำร้านอย่าง "อุมิซาจิ โมริ" (Umisachi Mori) หรือซาชิมิที่ทำจากปลาที่ยังว่ายอยู่ในแทงก์ระหว่างที่คุณสั่งอยู่เลย! ฉันรับรองว่าคุณจะไม่เคยทานซาชิมิที่สดขนาดนี้มาก่อนแน่นอน! นอกจากนี้ การออกแบบภายในร้านตกแต่งมาในสไตล์โกดังญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียกว่า "คุระ" (Kura) ก็เป็นอีกหนึ่งความพิเศษของร้านคิจิมะแห่งนี้ด้วยเช่นกัน บรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นที่อบอุ่นนี้นั่งสบายมากๆ เหมาะสำหรับการสร้างความทรงจำดีๆ ระหว่างท่องเที่ยวเลย

เพลิดเพลินกับวิวยามค่ำคืนหลากหลายมุมในโยโกฮาม่า

1. ชมแสงสีในเมืองจากบนหอคอยโยโกฮาม่า มารีนทาวเวอร์

หนึ่งในแลนด์มาร์คของโยโกฮาม่า คือ หอคอย "โยโกฮาม่า มารีนทาวเวอร์" (Yokohama Marine Tower) ที่จะแต่งแต้มแสงไฟให้ท้องฟ้าสว่างขึ้นใกล้ๆ กับ "โอซังบาชิ เทอร์มินอล" (Osanbashi Terminal) และไชน่าทาวน์โยโกฮาม่า ตึกสูง 106 เมตรนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1961 เพื่อระลึกถึงวันครบรอบ 100 ปีของท่าเรือ และใช้เป็นประภาคารไปในเวลาเดียวกัน ตัวอาคารเพิ่งได้รับการรีโนเวทใหม่ตั้งแต่ยอดจนถึงพื้น และเปิดทำการใหม่ในปี ค.ศ. 2022 พร้อมมีร้านอาหารและคาเฟ่ใหม่ๆ หลายแห่ง รวมถึงบาร์สุดมีสไตล์ ร้านกิ๊ฟช็อปที่ขายของฝากท้องถิ่นจากโยโกฮาม่า และจุดชมวิวด้วย

จุดชมวิวของที่นี่มีวิวอันน่าทึ่งของท่าเรือและภาพแสงไฟบนเส้นขอบฟ้ายามค่ำคืนของโยโกฮาม่าอันโด่งดัง และเพิ่มความพิเศษด้วยงานศิลปะดิจิทัลสไตล์โมเดิร์นที่เพิ่มความเหนือจริงให้กับบรรยากาศในห้อง ระหว่างที่คุณมองลงไปยังวิวของเมืองอันกว้างใหญ่ที่อยู่เบื้องล่าง

2. ดำดิ่งไปกับจัดแสดงแสงไฟตามฤดูกาล

ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบงาน "อิลลูมิเนชั่น" (Illumination) หรือการประดับไฟประจำฤดูกาลกันมากๆ และโยโกฮาม่าเองก็ไม่น้อยหน้าใครเลย ไฟประดับงานหนึ่งที่ฉันคิดว่าเจ๋งที่สุดในบรรดาสถานที่ที่ฉันไปในทริปนี้ คือ "โยรุโนะโยะ" (Yorunoyo) งานศิลปะแสงสีเสียงที่เป็นอีเวนต์ประจำฤดูหนาว ตั้งอยู่ในบริเวณอ่าวที่มีอาคารประวัติศาสตร์อย่าง "โกดังแดง" (Red Brick Warehouse) ตั้งอยู่

โซนหลักของการจัดแสดงในครั้งนี้ คือ "ชินโกะ ชูโอ สแควร์" (Shinko Chuo Square) ที่มีโดมประดับไฟขนาดใหญ่เรียกว่า "ครอสโดม" (CROSS DOME) เป็นไฮไลท์ งานนี้ให้ความรู้สึกเหมือนโลกแห่งอนาคตมาก อีกทั้งยังมีการใช้เสียงเพลงที่ทำให้นึกถึงอวกาศนอกโลก เล่นคลออยู่เบาๆ อีกทั้งยังมีวัตถุทรงเรขาคณิตและ "ประตู" ที่ทำจากไฟที่เปลี่ยนสีได้ด้วย

ส่วนที่น่าตื่นเต้นของโชว์จะมาทุกๆ 30 นาที ที่ตึกสูงระฟ้าและอาคารต่างๆ จะพากันเปิดไฟเพื่อให้มีการเคลื่อนไหวในโชว์ตามจังหวะของไฟในงานโยรุโนะโยะ! หากคุณมีโอกาส เราขอแนะนำให้ลองเดินไปยัง "โอซังบาชิ เทอร์มินอล" (ที่เราจะพูดถึงกันต่อไป) ซึ่งเป็นจุดชมวิวหลักที่คุณสามารถชมโชว์ได้อย่างเต็มตา

3. นั่งรถกระเช้าชมแสงไฟใจกลางเมือง

หนึ่งในจุดชมวิวที่ค่อนข้างใหม่ในบริเวณเส้นขอบฟ้าของโยโกฮาม่า คือ "โยโกฮาม่า แอร์ เคบิน" (Yokohama Air Cabin) โรปเวย์ที่วิ่งเป็นวงกลม มีลักษณะเป็นเรือเฟอร์รี่ที่หน้าตาเหมือนเรือกอนโดล่าที่ใช้เป็นลิฟท์สำหรับคนเล่นสกี แล่นระหว่างสถานี Sakuragicho และ "สวนอุนกะ" (Unga Park) ที่อยู่ใกล้กับท่าเรือ ล้อมรอบไปด้วยอาคารที่มีชื่อเสียงของโยโกฮาม่าซึ่งคุณสามารถชมได้จากความสูง 40 เมตรบนอากาศ แน่นอนว่าคุณสามารถนั่งตอนกลางวันได้เช่นกัน แต่เราอยากแนะนำช่วงกลางคืนเป็นพิเศษ เนื่องจากโยโกฮาม่าเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์ยามค่ำคืน และคุณก็สามารถชมได้จากมุมที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครเมื่อชมจากบนรถกระเช้าของ Air Cabin ที่มีตัวไฟติดอยู่บนตัวรถด้วย

4. ชมสวนญี่ปุ่นที่มีอาคารโบราณจากทั่วประเทศมาประดับไฟ ณ สวนซังเคเอ็น

หนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่เหนือจินตนาการในย่านเมืองของโยโกฮาม่าที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมมาก คือ สวนขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า "ซังเคเอ็น" (Sankeien Garden) หนึ่งในความพิเศษของสวนแห่งนี้ คือ อาคารแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม 17 แห่ง ที่อยู่ด้านใน ซึ่งในจำนวนนี้ก็มี 10 อาคารที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมประจำชาติที่สำคัญ และอีก 3 แห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งก่อสร้างทางวัฒนธรรมที่สำคัญโดยเมืองโยโกฮาม่า

อาคารส่วนใหญ่ถูกรวมรวมมาโดย "ซังเค" (Sankei) ผู้สร้างสวนแห่งนี้ โดยนำมาจากสถานที่โบราณในญี่ปุ่นอย่างเกียวโตและคามาคุระ และมาประกอบใหม่ในสวนของเมืองโยโกฮาม่าแห่งนี้ อาคารหลายแห่งเคยอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่และเกือบจะถูกทำลายมาก่อน ดังนั้น การที่คุณได้ชมอาคารในสภาพที่สวยงามและเปล่งประกายอย่างนี้ได้ก็จะทำให้คุณรู้สึกซาบซึ้งกับความมุ่งมั่นอุทิศตนของคุณซังเค ในการที่จะอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมญี่ปุ่นเอาไว้ นอกจากนี้ สวนซังเคเอ็นก็ยังเต็มไปด้วยพืชพรรณและต้นไม้ตามฤดูกาล อย่างต้นบ๊วยและต้นเมเปิ้ล ดังนั้นก็ลองมาเดินเล่นสบายๆ ท่ามกลางสวนอันเขียวขจีที่จะทำให้คุณลืมความวุ่นวายในเมืองใหญ่อย่างสิ้นเชิงกันดูนะ

หนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมสวนแห่งนี้ คือ ฤดูใบไม้ร่วง ที่จะมีอีเวนต์ประดับไฟใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน - ปลายธันวาคม ในช่วงเวลานี้ สวนจะยืดเวลาเปิดทำการไปจนถึงเย็น แล้วก็จะมีนักท่องเที่ยวมากมายรวมกลุ่มกันไปเที่ยวสวนแห่งนี้เพื่อชมอาคารประวัติศาสตร์และใบไม้เปลี่ยนสีที่ประดับไปด้วยแสงไฟอันน่าตื่นตาตื่นใจ

แนะนำโรงแรม: Oakwood Suites Yokohama

หากคุณต้องการโรงแรมที่มีวิวสุดปังแบบที่คนอื่นเทียบไม่ได้ และอยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวรอบโยโกฮาม่าได้อย่างสะดวกสบายแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำโรงแรม Oakwood Suites Yokohama แห่งนี้เลย เพราะที่นี่เป็นโรงแรมสไตล์อพาร์ทเม้นท์ที่ตั้งอยู่บนชั้นสูงๆ ของอาคารที่อยู่อาศัยที่สูงที่สุดในโยโกฮาม่า ทำให้ที่นี่มีทิวทัศน์เปิดที่ไม่มีอะไรมาบดบังซึ่งสามารถชมได้จากทุกห้องในโรงแรมเลย

ห้องพักทุกห้องจะมีครัวเล็กๆ อยู่ ซึ่งคุณสามารถทำอาหารมื้อเล็กๆ ของคุณเองได้ แต่ความจริงแล้ว อาหารแห่งนี้ก็มีร้านอาหาร ชื่อ "คิจิมะ" (Kijima) ตั้งอยู่บนชั้น 2 เช่นกัน ซึ่งทำให้การวางแผนมื้อเย็นของคุณเป็นเรื่องที่สะดวกสบายมากๆ อีกทั้งยังสามารถเดินไปถึงย่านโนเกะได้ง่ายๆ ด้วย คุณจึงไม่ต้องกังวลเลยว่าจะไม่ได้ทานอาหารเย็น

นอกจากนี้ ตัวอาคารก็ยังเชื่อมกับรถไฟใต้ดินสถานี Bashimichi โดยตรงด้วย ทำให้คุณสามารถเดินทางไปยังสถานี Yokohama หรือไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดได้ง่ายมากๆ ด้วย

แนะนำกิจกรรมน่าทำยามเช้า

เดินเล่นยามเช้า ณ เทอร์มินอลผู้โดยสาร โอซันบาชิ โยโกฮาม่า

วิธีที่ดีที่สุดในการเพลิดเพลินกับเวลาช่วงเช้า คือ การเดินเล่นริมน้ำ ระหว่างที่คุณเดินไปตามทางของท่าเรือ คุณก็จะสังเกตเห็นสะพานแปลกประหลาดที่ยื่นออกไปในน้ำ เป็นดาดฟ้าไม้ที่หน้าตาคล้ายกับปลาวาฬขนาดยักษ์

และที่คุณเห็นในรูปนี้ก็คือ "โอซันบาชิ เทอร์มินอล" (Osanbashi Terminal) สถานีปลายทางนานาชาติของเรือครูซที่แล่นไปทั่วโลก ระหว่างที่คุณเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของแลนด์มาร์คชื่อดังของโยโกฮาม่ากันแบบ 360 องศาจากบนผืนน้ำ และหากวันไหนที่อากาศดี คุณก็ยังสามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิจากที่นี่ได้ด้วย และหากคุณอยากเดินชมวิวที่ไม่มีคนแล้วล่ะก็ ฉันขอแนะนำให้ไปตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะที่นี่จะเป็นสถานที่สุดวิเศษสำหรับการแชะภาพย่านดาวน์ทาวน์ที่ทอดตัวยาวไปามเส้นขอบฟ้า ระหว่างที่เดินรับลมทะเลแสนสดชื่นไปพร้อมๆ กัน

ซื้อกาแฟจิบใต้ต้นแปะก๊วยสีทองบนถนนนิฮงโอโดริ

ไม่ไกลจากโอซันบาชิ เทอร์มินอล คุณจะได้พบกับถนนใหญ่ที่มีชื่อเสียง ชื่อ "นิฮงโอโดริ" (Nihon-Odori Street) ที่ขนาบข้างด้วยต้นแปะก๊วยสีทองสดใสในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี และหากคุณโชคดี ก็จะได้ไปในช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสีพอดี (โดยมากจะอยู่ที่ประมาณปลายพฤศจิกายน - ต้นธันวาคม) เป็นสถานที่แสนสวยที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นยามเช้าและถ่ายภาพฤดูใบไม้ร่วงอันเลื่องชื่อของโยโกฮาม่าเลยทีเดียว

ที่สุดปลายด้านหนึ่งของถนนสายนี้มีคาเฟ่ริมทางอยู่มากมาย รวมถึงร้านเปิดตั้งแต่เช้าอย่าง "gooz" ที่ออกจะเหมือนร้านสะดวกซื้อมากกว่าคาเฟ่ด้วย gooz มีเมนูอาหารและเครื่องดื่มสำหรับซื้อไปทานด้านนอกอยู่เยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นขนมอบที่ทำสดๆ ในร้าน โอนิกิริและข้าวกล่องเบนโตะทำมือ รวมถึงกาแฟสดที่คั่วเองด้วย

การนั่งจิบกาแฟบนถนนด้านนอกเป็นวิธีเริ่มต้นวันใหม่ที่ยอดเยี่ยม แถมยังมีวิวฤดูใบไม้ร่วงแสนสวยให้ได้ชมกันด้วยนะ

สุดยอดกิจกรรมในโยโกฮาม่าที่สามารถทำได้ทั้งวัน

ไขว่คว้าแรงบันดาลใจจากพิพิธภัณฑ์คัพนู้ดเดิ้ลโยโกฮาม่า (ผ่านเรื่องราวของคุณโมโมฟุคุ อันโด)

หากคุณพักค้างคืนในโยโกฮาม่า บอกเลยว่าห้ามพลาด "พิพิธภัณฑ์คัพนู้ดเดิ้ลโยโกฮาม่า" (CUPNOODLES MUSEUM YOKOHAMA) ความจริงแล้ว พิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างนี้ก็มีอยู่ทั่วโลก แต่ต้นกำเนิดที่แท้จริงนั้นมาจากญี่ปุ่น ก่อตั้งโดยคุณ "โมโมฟุคุ อันโด" (Momofuku Ando) ผู้ก่อตั้งบริษัท NISSIN ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตที่อยู่เบื้องหลัง Chikin Ramen บะหมี่ถ้วย และแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชื่อดังอีกมากมาย

พิพิธภัณฑ์คัพนู้ดเดิ้ลโยโกฮาม่า เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สามารถโต้ตอบกับผู้มาเยือนได้ และสอนให้รู้ถึงความสำคัญของการประดิษฐ์คิดค้นผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงและกิจกรรมให้คุณได้ลงมือทำ ไม่เพียงแต่คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการคิดนอกกรอบอย่างคุณอันโดเท่านั้น แต่คุณยังจะได้ทำบะหมี่ถ้วยของตัวเองกลับบ้าน รวมถึงซื้อของที่ทำมาในธีมคัพนู้ดเดิ้ลที่ขายอยู่ในร้านกิ๊ฟช็อปอีกด้วย

เราขอแนะนำให้คุณลองไปตอนหิวๆ ดู คุณจะได้เพลิดเพลินกับอาหารเมนูเส้นที่เสิร์ฟมาในถ้วยเล็กๆ เพื่อให้คุณได้ลองบะหมี่หลายๆ แบบ รวมถึงไอศกรีมรสบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วย!

โกดังแดงแห่งโยโกฮาม่า จุดแวะพักและแหล่งช้อปปิ้งชั้นเยี่ยม!

อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวชื่อดังในโยโกฮาม่า คือ "โกดังแดง" (Red Brick Warehouse) ที่ฉันพูดถึงไปก่อนหน้านี้ มันตั้งอยู่ในทำเลที่มีบรรยากาศของมหาสมุทรเป็นฉากหลัง โกดังแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี และยังคงรักษาบรรยากาศย้อนยุคแสนพิเศษเอาไว้ได้จนถึงทุกวันนี้ และในปัจจุบัน ที่นี่ก็ได้กลายเป็นอาคารค้าปลีกที่แฝงไปด้วยวัฒนธรรมญี่ปุ่น และเป็นแหล่งช้อปปิ้งของฝากจากโยโกฮาม่าที่ยอดเยี่ยม หรือคุณจะเพียงแวะมาทานอาหารที่มีอยู่มากมายหลายร้านก็ได้

โกดังแห่งนี้ยังเป็นสถานที่จัดงานอีเวนต์มากมายตลอดทั้งปีด้วย รวมถึง "ตลาดนัดคริสต์มาส" (Christmas Market) ที่คึกคักสุดๆ นอกจากนี้ ที่ว่างระหว่าง 2 โกดังก็ยังตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาสประดับไฟ และเต็มไปด้วยร้านค้าที่มีผู้คนเดินซื้ออาหารสตรีทฟู้ดสไตล์เยอรมันและของประดับวันคริสต์มาสกันอย่างสนุกสนาน

เลือกได้หรือยังว่าอยากเที่ยวที่ไหน?

บทความนี้ได้มาเปรียบเทียบกิจกรรมช่วงเช้าและช่วงเย็นทั้งในฮาโกเน่, ย่านออนเซ็นชื่อดังของคานางาวะที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติและมหานครสุดทันสมัยของโยโกฮาม่ากันไปแล้ว เราหวังว่าคุณจะสนใจมาใช้เวลาในคานางาวะระหว่างทริปเที่ยวในญี่ปุ่นครั้งถัดไปของคุณกันด้วยนะ! 

เราอยากแนะนำให้คุณลองแวะจุดท่องเที่ยวทั้ง 2 แห่งให้ได้ระหว่างที่อยู่ที่นี่ แต่หากคุณต้องเลือกเพียงที่เดียวระหว่างฮาโกเน่และโยโกฮาม่า ก็อย่าลืมมาแบ่งปันประสบการณ์กันด้วยนะว่าคุณจะเลือกที่ไหน พิมพ์ไว้ในคอมเมนต์หรือช่องทางโซเชียลมีเดียของเราได้เลย!

<ข้อมูลเพิ่มเติม: ตั๋วสำหรับการเดินทางสุดประหยัด>

ในทริปนี้ ฉันเดินทางไปฮาโกเน่ในวันแรก แล้วค่อยไปโยโกฮาม่าในวันที่ 2 

หากคุณเดินทางจากโตเกียวไปฮาโกเน่ ก็สามารถนั่งรถไฟ Odakyu Romance Car ไปได้อย่างสะดวกสบาย และเมื่อถึงฮาโกเน่ การเดินทางหลังจากนั้นก็ถือว่าง่ายมากๆ และราคาไม่แพงด้วย โดยคุณสามารถใช้พาส Hakone Free Pass ได้เลย (อธิบายเพิ่มด้านล่าง)

และในโยโกฮาม่าก็เช่นกัน คุณสามารถเดินทางรอบจังหวัดได้ง่ายๆ โดยใช้รถไฟ รถไฟใต้ดิน หรือรถบัส ดังนั้น คุณจึงไม่จำเป็นจะต้องมีรถเพื่อเดินทางในคานางาวะเลย นับว่าสะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวท้องถิ่นเอามากๆ

บัตร Hakone Free Pass

อย่างที่เราได้กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้แล้ว วิธีเดินทางรอบฮาโกเน่ที่ถูกที่สุด คือ ซื้อบัตร Hakone Free Pass โดยคุณสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อเป็นพาสแบบ 2 วัน หรือ 3 วัน และจะสามารถใช้ได้จนกว่าตั๋วจะหมดอายุ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถบัส รถกระเช้า โรปเวย์ หรือเรือครูซโจรสลัดชมวิวที่จะแล่นผ่านทะเลสาบอาชิ! นอกจากนี้ หากคุณเดินทางจากโตเกียว ก็จะสามารถซื้อ Free Pass จากสถานี Shinjuku เพื่อรับส่วนลดเพิ่มเติมสำหรับการเดินทางไปยัง Odawara ได้ด้วย

หากคุณมีแพลนจะนั่งรถกระเช้าเคเบิลคาร์ โรปเวย์ หรือเรือโจรสลัดอยู่แล้ว (ซึ่งก็ไม่ควรพลาดนะ!) ก็จะถือว่าคุ้มมากๆ ดังนั้น เราจึงขอแนะนำให้ลองหาข้อมูลดู ในครั้งนี้ ฉันซื้อตั๋วแบบดิจิทัลที่สามารถซื้อออนไลน์ได้เลย และเมื่อไปถึงก็เพียงแค่โชว์บัตรในโทรศัพท์เท่านั้น จากนั้นก็สามารถนั่งรถต่างๆ ได้มากเท่าที่ต้องการเลย 

ตารางราคาบัตร Hakone Free Pass
   2 วัน (จาก Odawara)   2 วัน (จาก Shinjuku)  3 วัน  (จาก Odawara)   3 วัน (จาก Shinjuku) 
 ผู้ใหญ่   5,000 เยน  6,100 เยน  5,400 เยน  6,500 เยน
เด็ก  1,000 เยน  1,100 เยน  1,250 เยน  1,350 เยน

 

เว็บไซต์: https://www.odakyu.jp/english/passes/hakone/

บัตรพาสสุดคุ้มสำหรับท่องเที่ยวรอบโยโกฮาม่า Value pass for Getting Around Yokohama

บัตร Minatomirai Line One-Day เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการประหยัดค่าเดินทางท่องเที่ยวในย่านมินาโตะมิไร (Minatomirai) ของโยโกฮาม่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวที่เราได้แนะนำกันไปในบทความนี้ รถไฟสาย Minatomirai เป็นสายที่สะดวกมากเพราะจะแล่นผ่านจุดท่องเที่ยวในโยโกฮาม่าหลายแห่ง แถมบัตร 1 วันนี้ยังไม่จำกัดเที่ยวรถด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีโบนัสที่คุณไม่ควรพลาด คือ คุณจะได้รับส่วนสำหรับการเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยคุณสามารถแสดงบัตรเพื่อใช้สิทธิ์ได้เลย

บัตรนี้มีราคาอยู่ที่ 460 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 230 สำหรับเด็ก สามารถซื้อได้จากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติที่มีอยู่ในทุกสถานีของรถไฟสาย Minatomirai เลย!


http://www.mm21railway.co.jp/global/english/info/ticket.html

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทาง เฟซบุ๊ก  ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์คันโต

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Kurisu
Kurisu
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร