

พาเที่ยว "อิซูโมะ" บ้านเกิดตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่น เพื่อดึงดูดความโชคดีและความรัก!
"เมืองอิซูโมะ" เป็นที่รู้จักกันในฐานะบ้านเกิดของตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่น เมืองนี้อยู่ในจังหวัดชิมาเนะ และเป็นที่ตั้งของ "ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะ" ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการขอพรเรื่องความรักและการหาคู่ อีกทั้งยังมีมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมายที่ทำให้กลายเป็นที่นิยมในหมู่คนรักประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น นอกจากนี้ก็ยังมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ด้วย ทั้งหมดนี้ต่างหลอมรวมกันได้อย่างสวยงามมีเสน่ห์ และในบทความนี้ เราก็จะมาแนะนำ 5 จุดเที่ยวน่าไปในเมืองอิซูโมะที่ไม่ว่าคุณจะมาเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกหรือเคยมาหลายครั้งแล้ว ก็จะได้พบกับสถานที่ที่ช่วยให้ได้รู้จักกับรากเหง้าของญี่ปุ่นมากขึ้นอย่างแน่นอน
Sayaka Watanabe
Dec 22 2022 (Jan 05 2023)
รู้จักกับ "เมืองอิซูโมะ"
"เมืองอิซูโมะ" (出雲) ตั้งอยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของจังหวัดชิมาเนะ ภูมิภาคชูโกคุ ประเทศญี่ปุ่น ที่นี่มีพื้นที่คาบสมุทรชิมาเนะ (島根半島) ล้อมอยู่ทางเหนือ และเทือกเขาชูโกคุ (中国山地) ตั้งตระหง่านอยู่ทางใต้ และมีที่ราบอิซูโมะ (出雲平野) คั่นอยู่ตรงกลาง เมืองนี้เต็มไปด้วยพรจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา, ทะเล, ทุ่งนา, แม่น้ำ, ทะเลสาบ ฯลฯ เมืองอิซูโมะจึงมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามทั้ง 4 ฤดูกาล รวมถึงอาหารแสนอร่อยที่ทำจากวัตถุดิบตามฤดูกาลในท้องถิ่นอย่างผักผลไม้และปลาให้คุณได้เพลิดเพลินกันด้วย
พื้นที่แถบนี้มีจุดท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนเวทีของตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่นมากมาย จนบางครั้งก็ถูกเรียกว่า "บ้านเกิดของตำนานเรื่องเล่า" (神話のふるさと) และ "ดินแดนแห่งเทพเจ้า" (神々の国) ดังนั้นเมื่อคุณมาเยือน ก็จะได้สัมผัสกับมรดกทางวัฒนธรรมและสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานญี่ปุ่นกันอย่างลึกซึ้ง โดยเริ่มตั้งแต่ "ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะ" (出雲大社) ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
คุณสามารถเดินทางมาถึงเมืองอิซูโมะได้ทางเครื่องบิน เพราะที่นี่มี "สนามบินอิซูโมะ เอ็นมุซึบิ" (Izumo Enmusubi Airport) ไว้คอยรองรับเที่ยวบินในประเทศที่เดินทางมาจากเมืองใหญ่ๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 90 นาทีจากโตเกียว และ 60 นาทีจากโอซาก้าหรือฮากาตะ จากนั้นจึงนั่งค่อยรถบัสจากสนามบินเพื่อไปยังสถานีรถไฟ JR Izumo โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ตำนานญี่ปุ่นเกี่ยวข้องกับอิซูโมะอย่างไร?
คำว่า "ตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่น" หรือ "นิฮงชินวะ" (日本神話) หมายถึง เรื่องเล่าเกี่ยวกับเทพเจ้าต่างๆ ที่บันทึกอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์เวอร์ชั่นคลาสสิกของญี่ปุ่นที่รวบรวมไว้ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 8 เช่น "โคจิกิ" (古事記) "นิฮนโชกิ" (日本書紀) และ "อิซูโมะ โนะ คุนิ ฟุโดคิ" (出雲国風土記) ซึ่งเปรียบเสมือนหนังสือรายงานโบราณที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของชื่อสถานที่ต่างๆ ในประเทศ, สินค้าประจำท้องถิ่น, ประเพณี และเรื่องเล่าต่างๆ ของญี่ปุ่น เป็นต้น
ในบรรดาตำนานเหล่านี้ทั้งหมด จะมีเรื่องเล่าของเหล่าเทพเจ้าที่โลดแล่นอยู่ในเขตแดนของอิซูโมะ จนมีชื่อเรียกเฉพาะตัวว่า "อิซูโมะชินวะ" (出雲神話) ตัวอย่างเรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงก็ได้แก่ เรื่องของ "เทพซูซาโนโอะ" (素戔嗚尊) น้องชายของ "เทพอามาเทราสึ-โอมิกามิ" (天照大神) ที่เป็นผู้สังหารงูยักษ์ และเรื่องของ "เทพโอคุนินุชิ" (大国主命) ผู้สร้างประเทศญี่ปุ่นที่ส่งดินแดนนี้ต่อให้ลูกหลานของเขา
จากตรงนี้ เราจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอิซูโมะ ที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานอิซูโมะเหล่านี้กัน!
"ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะ" สัญลักษณ์ของอิซูโมะ บ้านเกิดของตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่น!
หากมาถึงอิซูโมะแล้วไม่ได้แวะ "ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะ" (出雲大社) ทริปนี้ก็คงจะไม่สมบูรณ์ ที่นี่ถือเป็นสัญลักษณ์ของอิซูโมะ และเป็นที่สถิตของเทพโอคุนินุชิ ผู้มีบทบาทสำคัญในตำนานอิซูโมะ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในฐานะเทพเจ้าแห่งการแต่งงานด้วย
ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะมีประวัติศาสตร์ยาวนาน จากบันทึกในหนังสือโคจิกิที่รวบรวมไว้ในศตวรรษที่ 8 มีเรื่องเล่าว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นรางวัลที่เทพโอคุนินุชิได้รับ หลังจากที่เขามอบแผ่นดินที่สร้างขึ้นให้กับเทพอามาเทราสึ-โอมิกามิไป
ศาลเจ้าหลักที่เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ เป็นแบบที่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1744 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมศาลเจ้าโบราณที่เรียกว่า "ไทชะ-สึคุริ" (大社造) อาคารสูง 24 เมตรนี้นับว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติประจำชาติด้วย
การชมเชือกศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "โอชิเมนาวะ" (大注連縄) ที่ประดับอยู่หน้า "โถงคางุระเด็น" (神楽殿) นี้ถือเป็นอะไรที่ไม่ควรพลาด โถงนี้มักจะใช้ในการสวดมนต์ จัดงานแต่งงาน และทำพิธีกรรมต่างๆ ว่ากันว่าเชือกของศาลเจ้านี้เป็นเส้นที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และจะมีการเปลี่ยนเชือกใหม่ทุกๆ 2 - 3 ปี เชือกที่เห็นอยู่นี้ยาว 13.6 เมตร และมีน้ำหนักถึง 5.2 ตันเลย
นอกจากนี้ ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะยังมีจุดเด่นอยู่ที่การสักการะศาลเจ้าที่ไม่เหมือนใครด้วย ตามปกติแล้ว การสักการะศาลเจ้าในญี่ปุ่นมักจะใช้วิธีที่เรียกว่า "2 คำนับ 2 ปรบมือ 1 คำนับ" (2礼2拍手1礼) แต่ที่นี่จะใช้วิธีแบบ "2 คำนับ 4 ปรบมือ 1 คำนับ" (2礼4拍手1礼) เมื่อคุณไปถึงแล้ว ก็ลองสังเกตผู้คนรอบข้างแล้วทำตามเขาดูนะ
นอกจากนี้ในเขตพื้นที่ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะก็ยังมี "ศาลเจ้าโซกาโนะยาชิโระ" (素鵞社) ตั้งอยู่ด้วย ศาลนี้เป็นที่สถิตของ "เทพซูซาโนโอะ" ผู้สังหารงูยักษ์ที่ชื่อ ยามาตะ โนะ โอโรชิ (ヤマタノオロチ) และ "จูคุชะ" (十九社) ซึ่งเป็นที่พักของเหล่าเทพเจ้าระหว่างที่พวกเขามาชุมนุมกันในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปีตามปฏิทินจันทรคติ บอกได้เลยว่าศาลเจ้าอิซูโมะไทชะนี้ มีสถานที่ที่จะทำให้คุณได้เชื่อมต่อกับโลกแห่งตำนานเทพเจ้าอยู่มากมายทีเดียว
หากคุณสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีรูปปั้นกระต่ายอยู่มากมายด้วย นี่เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับ "ตำนานกระต่ายแห่งอินาบะ" (因幡) ที่มีเทพโอคุนินุชิเป็นตัวเอกนั่นเอง
หากคุณได้มาที่นี่แล้วล่ะก็ อย่าลืมดื่มด่ำกับโลกแห่งตำนานอิซูโมะกันด้วยนะ!
"หาดอินาสะ" จุดรวมพลังงานจากเทพเจ้าญี่ปุ่นทั่วประเทศ!
"หาดอินาสะ" (稲佐の浜) เป็นชายหาดที่อยู่ห่างจากศาลเจ้าอิซูโมะไทชะไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1 กิโลเมตร ที่นี่มีทิวทัศน์ของหาดทรายสีขาวอันสวยงามที่ทอดตัวยาวคดเคี้ยวไปทางทิศใต้ เป็นจุดที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ชายหาดยอดนิยมของประเทศญี่ปุ่น
หาดอินาสะเป็นฉากหนึ่งในตำนานของ "เทพโอคุนินุชิ" ที่มอบดินแดนที่เขาสร้างขึ้นให้กับเทพอามาเทราสึ-โอมิกามิ เมื่อเดินจากชายหาดไปอีกสักนิด คุณก็จะได้พบกับ "หินเบียวบุ" (屏風岩) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ "เทพทาเคมิคาซึจิ" (建御雷之男神) ซึ่งเป็นผู้ส่งสารของอามาเทราสึ มาพบกับเทพโอคุนินุชิเพื่อเจรจาเกี่ยวกับการส่งมอบดินแดน
นอกจากนี้ บริเวณชายหาดก็ยังมีหินอีกก้อนหนึ่งที่เรียกว่า "เบ็นเท็นจิมะ" (弁天島) และมีเสาโทริอิกับศาลเจ้าขนาดเล็กตั้งอยู่ด้านบน ว่ากันว่านี่เป็นที่สถิตของ "เทพโทโยตะมะฮิโกะ" (豊玉毘古命) ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
นอกจากนี้ หาดนี้ก็ยังเป็นที่จัดงาน "เทศกาลคามิมุคาเอะ-ชินจิ" (神迎神事) ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี (ตรงกับเดือนตุลาคมในปฏิทินจันทรคติ) เพื่อต้อนรับเทพเจ้าจากทั่วประเทศญี่ปุ่น
พื้นที่อื่นๆ ของญี่ปุ่นในช่วงนี้จะเรียกเดือนตุลาคมในปฏิทินจันทรคติว่า "คันนะ-สึคิ" (神無月) ที่แปลว่า เดือนที่ไม่มีเทพเจ้า แต่ในอิซูโมะซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอิซูโมะไทชะที่เหล่าเทพเจ้าจะเดินทางมารวมตัวกันนี้ จะเรียกว่า "คามิอาริ-สึคิ" (神在月) ที่แปลว่า เดือนที่มีเทพเจ้าแทน เป็นประเพณีที่ยังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
"ศาลเจ้านางาฮามะ" ดึงดูดโชคดีกันที่ศาลเจ้าซึ่งเกี่ยวพันกับต้นกำเนิดของอิซูโมะอย่างใกล้ชิด!
"ศาลเจ้านางาฮามะ" (長浜神社) มีความเกี่ยวข้องกับ "เทพยัตสึคามิซึโอะมิตสึนุ" ที่เป็นตัวเอกใน "ตำนานคุนิบิคิ" (国引き神話) ซึ่งบันทึกอยู่ในหนังสือรายงานอิซูโมะ โนะ คุนิ ฟุโดกิ และเป็นปู่ของเทพโอคุนินุชิที่สถิตอยู่ในศาลเจ้าอิซูโมะไทชะ
ตำนานนี้เป็นเรื่องเล่าจากตอนที่เทพยัตสึคามิซึโอะมิตสึนุทำการขยายพื้นที่เมืองอิซูโมะซึ่งเล็กเกินไปในขณะนั้น โดยใช้วิธีนำเชือกมาลากแผ่นดินข้ามทะเลไป ตำนานพื้นบ้านได้เล่าว่าเสาและเชือกที่เทพองค์นี้ใช้ในตอนนั้น ต่อมาได้กลายเป็น "ภูเขาซันเบะ" (三瓶山) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงใจกลางของจังหวัดชิมาเนะและชายหาดอินาสะตามลำดับ
หากคุณมีโอกาส ก็อย่าลืมมาเที่ยวศาลเจ้านางาฮามะที่มีความเกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของอิซูโมะอย่างใกล้ชิดเพื่อดึงดูดความโชคดีกันด้วยนะ!
"ศาลเจ้าฮิโนะมิซากิ" สีแดงชาดสดใส หนึ่งในจุดเที่ยวห้ามพลาด!
"ศาลเจ้าฮิโนะมิซากิ" (日御碕神社) ตั้งอยู่ห่างจากศาลเจ้าอิซูโมะไทชะไปประมาณ 15 นาทีเมื่อเดินทางด้วยรถยนต์ เป็นศาลเจ้าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีความเกี่ยวข้องกับเทพเจ้า 2 องค์ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของตำนานญี่ปุ่น เช่นเดียวกับความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่บอกว่าศาลเจ้าอิเสะทำหน้าที่ปกป้องประเทศญี่ปุ่นในช่วงกลางวัน ศาลเจ้าฮิโนะมิซากิแห่งนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปกป้องญี่ปุ่นในเวลาค่ำคืน โดยที่นี่จะมีโถงหลักอยู่ 2 แห่ง คือ "ฮิชิสึมิ โนะ มิยะ" (日沈宮) และ "คามิ โนะ มิยะ" (神の宮) ซึ่งเป็นที่สถิตของเทพที่เป็นบรรพบุรุษของเทพโอคุนินุชิ ได้แก่ เทพอามาเทราสึ-โอมิกามิ และ เทพซูซาโนะโอะตามลำดับ ว่ากันว่าหากมาที่นี่ก็จะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและนำความโชคดีมาสู่ชีวิตได้ เช่น โชคดีเรื่องความรักและการแต่งงาน ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้คนเดินทางมาสักการะกันมากมาย
ศาลเจ้าที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นแบบที่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1644 โดยทั้ง 2 แห่งจะมาในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า "กอนเก็น-สึคุริ" (権現造) ที่จะมีการเชื่อมห้องโถงหลักและโถงสักการะเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีการใช้สีแดงชาดสดใสและเครื่องประดับที่ดูงดงามหรูหรา เป็นสถานที่ที่ได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมประจำชาติไปใน ค.ศ. 1953 ในฐานะสถาปัตยกรรมศาลเจ้าอันทรงคุณค่าจากช่วงต้นยุคเอโดะ
นอกจากนี้ ศาลเจ้าแห่งนี้ก็ยังมีเครื่องรางที่เรียกว่า "สึนะ มาโมริ" (砂守り) ที่ขายในจำนวนจำกัดทุกวัน ว่ากันว่ามีพลังในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ดังนั้น หากคุณได้ไปศาลเจ้าแห่งนี้ก็อย่าลืมซื้อกันด้วยนะ! ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ถัดจากทะเลญี่ปุ่นสีฟ้าอมเขียวสดใสที่แผ่กว้าง หากคุณชมศาลเจ้าเสร็จแล้วก็อย่าลืมแวะกันด้วยล่ะ
"ประภาคารอิซูโมะ ฮิโนะมิซากิ" ประภาคารขาวที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น!
"ประภาคารอิซูโมะฮิโนะมิซากิ" (出雲日御碕灯台) ตั้งอยู่ห่างจากศาลเจ้าฮิโนะมิซากิประมาณ 3 นาทีเมื่อเดินทางด้วยรถยนต์ ที่นี่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1903 โดยตั้งอยู่ในระดับความสูง 63.3 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ส่วนตัวประภาคารเองจะมีความสูง 43.65 เมตรเมื่อวัดจากฐานไปถึงไฟที่ยอดหอคอยซึ่งนับว่าสูงที่สุดในบรรดาประภาคารหินในญี่ปุ่น และเนื่องจากที่นี่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ประภาคารแห่งนี้จึงได้รับการกำหนดเป็นทรัพย์สินประจำชาติญี่ปุ่นไปใน ค.ศ. 2022
ประภาคารแห่งนี้สามารถส่องแสงได้ไกลถึง 40 กิโลเมตร และคอยดูแลความปลอดภัยของเรือที่แล่นในทะเลญี่ปุ่นมานานกว่า 100 ปีนับตั้งแต่สร้างเสร็จ คุณสามารถเข้าไปชมรอบๆ บริเวณด้านในประภาคารได้ และหากคุณเดินขึ้นบันไดเวียน 163 ขั้นไปจนถึงยอดแล้ว ก็จะพบกับจุดชมวิวที่สามารถเห็นได้ทั้งทิวทัศน์ของทะเลญี่ปุ่นและคาบสมุทรชิมาเนะด้วย
ใกล้ๆ กับประภาคารนี้จะมีทางเดินที่สร้างไว้สำหรับเดินเล่นโดยเฉพาะ ให้คุณสามารถเดินไปรอบๆ ได้ระหว่างที่ฟังเสียงน้ำแตกกระจายยามคลื่นกระทบฝั่ง อีกทั้งยังมีแนวชายฝั่งที่เป็นชั้นหินยกสูง เสาหินรูปร่างแปลกประหลาด และผาหินที่สูงชัน บอกเลยว่าเป็นทัวทัศน์ที่ไม่ควรพลาด!
ส่งท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้าง? บอกเลยว่านอกจากสถานที่ที่เรานำมาแนะนำกันในครั้งนี้แล้ว อิซูโมะก็ยังมีสถานที่อีกมากมายที่คุณได้สัมผัสกับลมหายใจของเทพเจ้าในโลกแห่งตำนานและเรื่องเล่าระหว่างที่เชื่อมต่อกับโชคชะตาดีๆ กันไปด้วย หากมีโอกาสก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวและสร้างสัมพันธ์กับผู้คนกันหลายๆ ครั้งดูนะ!
คุณสามารถอ่านรายละเอียดการท่องเที่ยวในเมืองอิซูโมะที่มีการอัพเดททุกวันได้ในช่องทางต่อไปนี้:
เว็บไซต์ทางการ และ ภาษาอังกฤษ
- Ancient Japan,IZUMO: https://www.ancient-japan-izumo.com/
- Youtube: https://www.youtube.com/@izumojapan3011
- Facebook: https://www.facebook.com/AncientJapanIzumo/ (ภาษาอังกฤษ)
- Instagram: https://www.instagram.com/ancient_japan_izumo/ (ภาษาอังกฤษ)
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่