พาเที่ยว "โอกินาว่า" ดินแดนแห่งความผ่อนคลาย ณ ใต้สุดญี่ปุ่น!

"โอกินาว่า" เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทะเลที่ใสเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ปลาหลากสีสันตามแนวปะการัง ป่ายันบารุที่มีระบบนิเวศไม่เหมือนใคร ไปจนถึงวัฒนธรรมแสนโดดเด่นที่มาจากสภาพภูมิประเทศ ในบทความนี้เราจะมาบอกเล่าข้อมูลพื้นฐานของโอกินาว่า ดินแดนที่ทำให้ผู้มาเยือนหลงใหลได้อย่างไม่หยุดหย่อน

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

ที่ตั้งของโอกินาว่า

จังหวัดโอกินาว่า (沖縄県) ตั้งอยู่สุดปลายตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่เกาะญี่ปุ่น ประกอบขึ้นด้วยเกาะกว่า 160 เกาะ ที่กระจายอยู่ในพื้นที่ทะเลซึ่งทอดตัวยาว 400 กิโลเมตรจากทิศเหนือไปยังใต้ และ 1,000 กิโลเมตรจากทิศตะวันออกไปยังตะวันตก มีภาคพื้นดินคิดเป็นประมาณ 1% ของญี่ปุ่น และมีประชากรประมาณ 1% กว่าๆ ของประชากรญี่ปุ่นทั้งหมด

โอกินาว่าเป็นจังหวัดเดียวของญี่ปุ่นที่พื้นที่ทั้งหมดอยู่ในภูมิอากาศแบบทะเลกึ่งเขตร้อน ส่งผลให้มีความชื้นสูงและปริมาณน้ำฝนมาก ทั้งยังมีภูมิอากาศอบอุ่นตลอดปีและมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิน้อยที่สุดของญี่ปุ่น เนื่องจากมีลมทะเล แม้จะเป็นกลางฤดูร้อนก็แทบไม่มีวันที่อุณหภูมิสูงเกิน 35 องศาเซลเซียส ส่วนฤดูหนาวก็แทบไม่มีวันที่หนาวต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียสเลย สามารถอยู่ได้อย่างสบายๆ ตลอดปี

ประวัติศาสตร์ของโอกินาว่า รากฐานวัฒนธรรมอันโดดเด่น

แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามนุษย์เริ่มเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในเกาะต่างๆ ของโอกินาว่าเมื่อไร แต่ฟอสซิลกระดูกมนุษย์ที่พบในหลายๆ จุดของโอกินาว่าก็ทำให้พอสันนิษฐานได้ว่าน่าจะเป็นราว 32,000 ปีก่อน


มนุษย์ในโอกินาว่าดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์และเก็บของป่ามาจนถึงศตวรรษที่ 10 และเปลี่ยนเป็นสังคมเกษตรในศตวรรษที่ 12 เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 15 กลุ่มอำนาจ 3 กลุ่มของโอกินาว่าในตอนนั้นก็รวมกันเป็นหนึ่งเดียว และเกิดเป็นอาณาจักรริวกิวขึ้นมา ริวกิวเติบโตขึ้นในฐานะประเทศทางทะเล มีการติดต่อค้าขายกับประเทศใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่จีน ประเทศเอเชียตะวันออก ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกาหลี รวมไปถึงญี่ปุ่น และกลายเป็นประเทศที่รุ่งเรืองในที่สุด

  
ในปี 1609 ริวกิวถูกแคว้นซัตสึมะ (คาโกชิม่าในปัจจุบัน) เข้ายึดครองด้วยกำลังทหาร แต่ก็ยังคงติดต่อค้าขายกับต่างประเทศอยู่เหมือนเดิม ในขณะเดียวกันก็ซึมซับวัฒนธรรมของจีนและญี่ปุ่นเข้ามาจนเกิดเป็นวัฒนธรรมริวกิวที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองในที่สุด


ในปี 1879 อาณาจักรริวกิวล่มสลายลงเนื่องจากผลกระทบของการปฏิวัติเมจิ และกลายมาเป็นจังหวัดโอกินาว่า โอกินาว่าได้เดินผ่านประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสงครามแปซิฟิก หรือการปกครองโดยกองทัพสหรัฐในช่วงหลังสงคราม และวัฒนธรรมที่หลงเหลือจากเหตุการณ์เหล่านั้นก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์ของโอกินาว่าในปัจจุบัน

ภูมิภาคของโอกินาว่า

ภาคเหนือ

ภาคเหนือของโอกินาว่าประกอบไปด้วย

  • โซนเมืองนาโงะ (名護) และอนนะ (恩納) ที่เต็มไปด้วยโรงแรม รีสอร์ท และสถานที่พักผ่อนยอดนิยม
  • โซนคาบสมุทรโมโตะบุ (本部半島) ที่ยื่นไปออกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
  • โซนยันบารุ (ป่าเขาแบบโอกินาว่า) ที่อยู่รอบๆ หมู่บ้านคุนิกามิ (国頭村) หมู่บ้านฮิกาชิ (東村) และหมู่บ้านโอกิมิ (大宜味村)
    โซนยันบารุปกคลุมไปด้วยไม้ไม่ผลัดใบกว่า 80% ของพื้นที่ทั้งหมด เป็นโซนธรรมชาติสุดอุดมสมบูรณ์ที่มีสัตว์หายากอาศัยอยู่มากมาย รวมถึงสัตว์คุ้มครองพิเศษของญี่ปุ่นอย่าง ยันบารุคุอินะ (ヤンバルクイナ) และ โนกุจิเกระ (ノグチゲラ) เป็นบริเวณที่สามารถเพลิดเพลินไปกับทัวร์สัมผัสธรรมชาติได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเดินเขา พายคายัคในทะเล หรือล่องเรือแคนู

ในส่วนของคาบสมุทรโมโตบุจะมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอุมิ (美ら海水族館) และมรดกโลกซากปราสาทนาคิจินกุซุคุ (今帰仁城跡)

อีกด้านหนึ่ง โซนเมืองนาโงะและอนนะมีชื่อเสียงในฐานะขุมทรัพย์แห่งทัศนียภาพ เป็นที่ตั้งของผามอนซาโม (万座毛) แหลมมาเอดะ (真栄田岬) และถ้ำอาโอโนะโดคุสึ (青の洞窟)

ภาคกลาง

โซนที่ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางเกาะหลักโอกินาว่า เนื่องจากมีฐานทัพสหรัฐกระจายตัวอยู่ จึงมีอิทธิพลของวัฒนธรรมอเมริกาหลงเหลือให้เห็นอยู่มาก

ย่านที่อยู่อาศัยชาวต่างชาติมินาโตะคาวะ (港川外国人住宅街) นั้นเคยเป็นที่อยู่ของทหารสหรัฐและครอบครัว เป็นย่านที่เริ่มโด่งดังเมื่อเร็วๆ นี้เนื่องจากมีร้านค้าและคาเฟ่เก๋ๆ จำนวนมาก สามารถสนุกไปกับการขับรถชมวิวจากถนนไคจูโดริ (海中道路) ของเมืองอุรุมะ ข้ามไปยังเกาะรอบนอกอย่างเกาะยามาฮิงะ (浜比嘉島) และเกาะอิเคอิ (伊計島) ได้

นอกจากนี้ ภาคกลางของโอกินาว่ายังเป็นที่ตั้งของซากปราสาทนากะกุซุคุ (中城城跡) ซากปราสาทซาคิมิ (座喜味城跡) และซากปราสาทคัตสึเรน (勝連城跡) ซึ่งล้วนแต่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วทั้งหมด

ภาคใต้

เป็นที่ตั้งของเมืองนาฮะ (那覇市) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดโอกินาว่า รวมถึงสนามบินนาฮะ ประตูบ้านของโอกินาว่าอีกด้วย

แหล่งท่องเที่ยวหลักๆ ที่น่าสนใจจะรวมตัวอยู่ที่เขตชุริ (首里) ของเมืองนาฮะ เช่น ถนนโคคุไซโดริ (国際通り) ที่มีจุดช็อปปิ้งและเมนูท้องถิ่นให้เพลิดเพลิน เซฟาอุทากิ (斎場御嶽) แดนศักดิ์สิทธิ์อันดับต้นๆ ของโอกินาว่า และซากปราสาทชุริ (首里城跡) ปราสาทหลักของอาณาจักรริวกิวที่เคยรุ่งเรืองในอดีต (ปัจจุบันมีบางส่วนที่เสียหายไปจากเหตุเพลิงไหม้ปี 2019)


ภูมิภาคนี้ยังเคยเป็นจุดปะทะภาคพื้นดินระหว่างกองทัพสหรัฐกับกองทัพญี่ปุ่นในช่วงปลายสงครามแปซิฟิก จึงมีสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้องสงครามโอกินาว่าอยู่มากมาย เช่น อนุสรณ์ผู้เสียชีวิตจากสงคราม สวนเฮวะคิเน็น (平和記念公園) หรืออนุสรณ์ฮิเมยูริ (ひめゆりの塔) เป็นจุดที่ทำให้คำนึงถึงความสำคัญของสันติภาพ

บริเวณเกาะรอบนอก

โอกินาว่าประกอบขึ้นจากเกาะเล็กๆ 160 เกาะ เป็นเกาะที่มีคนอยู่อาศัย 47 เกาะ และเกาะร้าง 113 เกาะ (ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2018) มีเกาะโดดเด่นหลายแห่งที่ครองใจนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ

  • เกาะอิริโอโมเตะ (西表島) ปกคลุมไปด้วยป่าดึกดำบรรพ์และเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตคุ้มครองหลากหลายชนิด
  • เกาะทาเคโทมิ (竹富島) มีทิวทัศน์บ้านหลังคาแดงแบบโอกินาว่าดั้งเดิม
  • เกาะมิยาโกะ (宮古島) อุดมไปด้วยแนวปะการังและเป็นที่ตั้งของหาดทรายขาวอันดับหนึ่งแห่งเอเชียตะวันออก
  • เกาะอิชิกากิ (石垣島) ที่มีไฮไลท์ให้ตั้งตารอมากมาย เช่น วิวจากเรือท้องกระจกที่จอดอยู่ในอ่าว
แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ภูมิอากาศของโอกินาว่า - สบายๆ กับอากาศอบอุ่นตลอดปี

ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว จุดเด่นของภูมิอากาศโอกินาว่าคืออุณหภูมิตลอดปีที่เปลี่ยนแปลงไม่มาก แม้ว่าจะไม่เด่นชัดเท่ากับเกาะหลักญี่ปุ่น แต่ก็ยังมีฤดูครบทั้งสี่อยู่ อุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงสุดในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม และต่ำสุดในเดือนมกราคม มีปริมาณน้ำฝนมากในช่วงพฤษภาคมถึงมิถุนายนที่เป็นหน้าฝน และช่วงสิงหาคมถึงกันยายนที่มีไต้ฝุ่นเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในทางกลับกัน หากเป็นฤดูหนาวหรือเดือนกรกฎาคมที่เพิ่งหมดหน้าฝนหมาดๆ ก็จะมีปริมาณน้ำฝนน้อย

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม)

ฤดูใบไม้ผลิ ของโอกินาว่ามีจุดเด่นเป็นอากาศที่เปลี่ยนแปลงง่าย บางทีก็ร้อนชื้น บางทีก็หนาว จะเปลี่ยนแปลงอยู่แบบนี้โดนเว้นระยะเพียงไม่กี่วัน เมื่อวนซ้ำไปเรื่อยๆ อุณหภูมิก็จะค่อยๆ สูงขึ้น และเข้าสู่หน้าฝนตอนประมาณปลายเดือนพฤษภาคม

อุณหภูมิเฉลี่ยของฤดูนี้อยู่ที่ 21 องศาเซลเซียส มีปริมาณน้ำฝนประมาณ 150 มิลลิลิตร (ที่เห็นอยู่ด้านบนคือ ฮาลี (ハーリー) เทศกาลแข่งเรือดั้งเดิมที่จะจัดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของโอกินาว่าในเดือนพฤษภาคมของทุกปี)

Klook.com

ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม)

โอกินาว่าจะเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มตัวเมื่อหมดหน้าฝนในช่วงต้นถึงกลางเดือนมิถุนายน เนื่องจากมีอุณหภูมิสูงเกิน 30 องศาเซลเซียส ทั้งยังมีรังสียูวีแรง อุปกรณ์กันแดดจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

ในช่วงสิงหาคมถึงกันยายนจะเป็นฤดูของไต้ฝุ่น โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมจำนวนไต้ฝุ่นที่เกิดและจำนวนไต้ฝุ่นที่เข้าใกล้โอกินาว่าจะมากเป็นอันดับ 1 ของปี ปริมาณน้ำฝนก็มีมากเช่นกัน

ฤดูนี้มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 28.2 องศาเซลเซียส และมีปริมาณน้ำฝนประมาณ 362.5 มิลลิเมตร

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน)

เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะอบอุ่นและหนาวสลับกันไป ในขณะเดียวกันอุณหภูมิก็จะค่อยๆ ลดต่ำลง ในช่วงตุลาคมกระแสลมประจำฤดูกาลจากแรงกดอากาศสูงของแผ่นดินใหญ่จะเริ่มพัดพา ทำให้รู้สึกว่าอีกไม่นานก็จะเข้าสู่ฤดูหนาว ฤดูนี้มีแดดน้อย อากาศเย็นในช่วงเช้าและเย็น จึงเหมาะกับการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีกีฬาทางน้ำให้เล่นไปจนถึงปลายตุลาคมอีกด้วย

อุณหภูมิเฉลี่ยของฤดูนี้อยู่ที่ 25.6 องศาเซลเซียส มีปริมาณน้ำฝนประมาณ 239.3 มิลลิเมตร

ฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์)

โดยภาพรวมแล้วฤดูหนาวของโอกินาว่าจะมีเมฆและฝนเยอะ สามารถสัมผัสถึงอากาศหนาวที่เป็นอิทธิพลจากพายุไต้ฝุ่น นอกจากนี้ก็ยังมีดอกริวกิวคันบิซากุระสีชมพูเข้มให้ชมในครึ่งหลังของเดือนมกราคมสำหรับภาคเหนือของเกาะหลัก และในเดือนกุมภาพันธ์สำหรับภาคใต้ หากใครอยากมาชมซากุระที่บานเร็วเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่นก็ไม่ควรพลาด

อุณหภูมิเฉลี่ยของฤดูนี้อยู่ที่ 19.3 องศาเซลเซียส มีปริมาณน้ำฝนประมาณ 97.1 มิลลิเมตร

Klook.com

การเดินทางจากโตเกียว โอซาก้า และฟุกุโอกะ

โอกินาว่าเป็นจุดหมายของสายการบินทั่วญี่ปุ่น สามารถเดินทางมาง่ายๆ ได้ด้วยเครื่องบิน โดยเฉพาะที่สนามบินฮาเนดะมีเที่ยวบินไปโอกินาว่าเฉลี่ยวันละ 30 เที่ยว สามารถวางแผนการเดินทางได้ง่ายมาก แต่ปัจจุบันผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีเที่ยวบินน้อยกว่าปกติ จึงควรเช็คข้อมูลให้แน่ใจก่อนออกเดินทาง

สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าเครื่องบิน เราก็ขอแนะนำให้ใช้บริการสายการบินราคาประหยัด หรือไม่ก็ระบบลดราคาจากการจองล่วงหน้าของบริษัทการบินรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสายการบินราคาประหยัดจะราคาถูก แต่ก็มักมาพร้อมกับข้อจำกัดต่างๆ เช่น ไม่สามารถเปลี่ยนเที่ยวบินที่จองไว้ได้ บริการบนเครื่องไม่ฟรี หรือจำเป็นต้องเสียค่าสัมภาระเพิ่มเติม

การเดินทางจากโตเกียว

สนามบินฮาเนดะของโตเกียวมีไฟลท์มายังสนามบินนาฮะประมาณ 30 ลำต่อ 1 วัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที มีค่าโดยสารชั้นประหยัดอยู่ที่ประมาณ 9,000 - 50,000 เยน (อาจเปลี่ยนไปตามฤดูกาล)

การเดินทางจากโอซาก้า

สนามบินคันไซของโอซาก้ามีไฟลท์มายังสนามบินนาฮะ 6 ลำต่อ 1 วัน (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2021) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 10 นาที มีค่าโดยสารชั้นประหยัดอยู่ที่ประมาณ 9,000 - 40,000 เยน (อาจเปลี่ยนไปตามฤดูกาล)

การเดินทางจากฟุกุโอกะ

สนามบินฟุกุโอกะของฟุกุโอกะมีไฟลท์มายังสนามบินนาฮะกว่า 20 ลำต่อ 1 วัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที มีค่าโดยสารชั้นประหยัดอยู่ที่ประมาณ 5,000 - 35,000 เยน (อาจเปลี่ยนไปตามฤดูกาล)

ส่งท้าย

โอกินาว่ามีเสน่ห์มากมายที่ทำให้ผู้คนหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นทะเลที่ใสเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ป่าที่เขียวชอุ่มตลอดปีและมีสัตว์หายากอาศัยอยู่ ไปจนถึงจุดท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเฉพาะตัว

หากมีโอกาสแล้ว ไม่ควรพลาดที่จะมาสัมผัสสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวคุณเองดูสักครั้ง

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

โอกินาว่า
เช่ารถได้ในราคาที่คุณต้องการ รถเช่า หากคุณต้องการเช่ารถในญี่ปุ่น ต้องที่นี่เลย! ดูข้อมูลเพิ่มเติม

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

okada
okada
เป็นคนโตเกียวที่ชอบอ่านหนังสือและเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ และหลงใหลในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศอื่นๆ หลังจากที่ตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากประวัติศาสตร์แล้ว ตอนนี้ก็กลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นและโลกอีกครั้ง
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร