ทุกเรื่องเกี่ยวกับ "คันโต" ภูมิภาคแห่งเมืองหลวงโตเกียว!

ภูมิภาคคันโตเป็นศูนย์รวมของกลไกสำคัญต่างๆ ในการผลักดันเศรษฐกิจญี่ปุ่น มีประชากรกว่า 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นอาศัยอยู่ คันโตมีสิ่งน่าสนใจ รวมไปถึงมีเมืองใหญ่ระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงโตเกียว เมืองท่าโยโกฮาม่า เมืองเก่าแก่คามาคุระ และศาลเจ้านิกโก้โทโชกุที่ถูกยกให้เป็นมรดกโลก! ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคันโต ใครที่กำลังวางแผนจะเดินทางมาภูมิภาคนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

คันโตอยู่ตรงไหน?

ภูมิภาคคันโต (関東地方) ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางเกาะหลักญี่ปุ่น ประกอบไปด้วย 1 มหานครและ 6 จังหวัด ได้แก่ โตเกียว อิบารากิ โทชิกิ กุนมะ ไซตามะ ชิบะ และคานากาว่า ทิศเหนือและทิศตะวันตกติดกับเขตภูเขา ในขณะที่ทิศใต้และทิศตะวันออกติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ทั่วทั้งภูมิภาคแผ่กว้างไปด้วยที่ราบคันโต (関東平野) ซึ่งเป็นที่ราบขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น

คันโตแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ ส่วนมหานครรอบๆ โตเกียวที่เป็นศูนย์กลางด้านการปกครอง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม และส่วนชานเมืองที่เฟื่องฟูด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และการประมง

ภูมิภาคคันโตมีพื้นที่ 32,430 ตารางกิโลเมตร นับเป็นประมาณ 8.6% ของพื้นที่ประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด มีผู้คนอาศัยอยู่ 43.33 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 34% ของประชากรญี่ปุ่น

สภาพอากาศของคันโต มีจุดเด่นเป็นปริมาณน้ำฝนที่น้อย และอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากในฤดูร้อนและฤดูหนาว ฤดูร้อนจะร้อนชื้น มีอุณหภูมิสูงในพื้นที่ส่วนใน และเกิดพายุฝนฟ้าคะนองได้ง่าย โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียว โยโกฮาม่า และคาวาซากินั้น มีแนวโน้มที่จะมีอุณหภูมิสูงกว่าบริเวณชานเมืองเนื่องจากปรากฏการณ์เกาะความร้อน (urban heat island) ในส่วนของฤดูหนาว จะมีลมประจำฤดูที่พัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ส่งผลให้มีอากาศหนาวและแห้งอย่างต่อเนื่อง
 

จังหวัดต่างๆ ในคันโต

อิบารากิ (茨城県)

จังหวัดอิบารากิตั้งอยู่บนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของคันโต มีพื้นที่ประมาณ 6,097 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 1.6% ของญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับที่ 24 ของประเทศ ด้านตะวันออกของจังหวัดหันหน้าเข้าหามหาสมุทรแปซิฟิก ด้านเหนือติดกับจังหวัดฟุกุชิมะ ด้านตะวันตกติดกับจังหวัดโทชิกิและจังหวัดไซตามะ ด้านใต้ติดกับจังหวัดชิบะ มีเมืองมิโตะ (水戸市) เป็นเมืองหลวงประจำจังหวัด ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 99 กิโลเมตร

ภายในจังหวัดเต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นภูเขาสึคุบะ (筑波山) ที่มีชื่อเสียงเทียบเคียงกับฟูจิ ถึงกับมีคำกล่าวว่า “ตะวันตกฟูจิ ตะวันออกสึคุบะ” (西の富士、東の筑波) นอกจากนี้ยังมี ทะเลสาบคาสุมิกะอุระ (霞ヶ浦) ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น หรือน้ำตกฟุกุโรดะ (袋田の滝) ที่มีปรากฏการณ์น้ำตกเยือกแข็ง (氷瀑) ให้ชมในฤดูหนาว

นอกจากนี้ เมืองสึคุบะ ของอิบารากิยังเป็นที่ตั้งของเมืองวิทยาศาสตร์สึคุบะ (筑波研究学園都市) ฐานที่มั่นด้านการวิจัยที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เป็นศูนย์รวมของบริษัทและองค์กรวิจัยภาคเอกชนกว่า 150 แห่ง รวมถึงองค์กรการศึกษาและวิจัยของภาครัฐอย่าง JAXA และมหาวิทยาลัยสึคุบะ โดยมีนักวิจัยอยู่กว่า 2 หมื่นคน

โทชิกิ (栃木県)

จังหวัดโทชิกิตั้งอยู่ใจกลางภาคเหนือของคันโต มีพื้นที่ประมาณ 6,408 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 1.7% ของญี่ปุ่น ใหญ่เป็นอันดับที่ 20 ของประเทศ จังหวัดนี้ไม่มีพื้นที่ติดทะเล ทางเหนือของจังหวัดติดกับจังหวัดฟุกุชิมะ ทางตะวันออกติดกับจังหวัดอิบารากิ ทางใต้ติดกับจังหวัดไซตามะ ตะวันตกติดกับจังหวัดกุนมะ

โทชิกิมีภูเขาหลักๆ อยู่ 3 ลูก ได้แก่ ภูเขานาสึ (那須山) ทางภาคเหนือของจังหวัด และภูเขาทาคาฮาระ (高原山) กับภูเขานันไท (男体山) ทางภาคตะวันตกของจังหวัด เขาทั้ง 3 ลูกนี้ก่อตัวกันเป็นแนวภูเขาไฟ ส่งผลให้โทชิกิมีย่านออนเซ็นอยู่มากมาย เช่น นาสึออนเซ็น (那須温泉) และคินุกาวะออนเซ็น (鬼怒川温泉)

โทชิกิมีเมืองอุสึโนะมิยะ (宇都宮市) เป็นเมืองหลวงประจำจังหวัด เป็นที่รู้จักในฐานะ "เมืองแห่งเกี๊ยวซ่า" เมืองนี้ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางของจังหวัด ห่างจากโตเกียวประมาณ 99 กิโลเมตร

สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของโทชิกิ ได้แก่ ศาลเจ้านิกโก้โทโชกุ (日光東照宮) ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก และหมู่บ้านนิกโก้เอโดะมุระ (日光江戸村) ให้บรรยากาศราวกับได้ย้อนเวลาไปในยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603-1867)

นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำหรับดื่มด่ำธรรมชาติอยู่มากมาย เช่น ทะเลสาบจูเซ็นจิ (中禅寺湖) ที่มีฉากหลังเป็นภูเขานันไทที่สูงกว่า 2,000 เมตร น้ำตกเคกอน (華厳の滝) และที่ราบสูงนาสึ (那須高原) เป็นต้น

กุนมะ (群馬県)

จังหวัดกุนมะตั้งอยู่บนภาคตะวันตกเฉียงเหนือของคันโต มีพื้นที่ประมาณ 6,362 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 1.68% ของญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับที่ 21 ของประเทศ จังหวัดกุนมะไม่มีพื้นที่ติดทะเล แต่ถูกล้อมรอบไว้ด้วย 5 จังหวัดแทน โดยทิศตะวันออกติดกับจังหวัดโทชิกิ ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดนากาโน่ ทิศใต้ติดกับจังหวัดไซตามะ ทิศเหนือติดกับจังหวัดนีงาตะและฟุกุชิมะ ทางตะวันตกและเหนือของจังหวัดมีภูเขาเรียงราย และมีที่ราบคันโตแผ่กว้างอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้
กว่า 80% ของจังหวัดเป็นภูเขาและเนินเขา ส่งผลให้มีที่ราบสูง ช่องเขา และทะเลสาบสวยๆ อยู่มากมาย

เนื่องจากมีภูเขาไฟอยู่มาก กุนมะจึงเป็นแหล่งรวมออนเซ็นชื่อดังของญี่ปุ่น ที่นี่โด่งดังจาก 4 ออนเซ็นแห่งกุนมะ ประกอบด้วย คุซัตสึออนเซ็น (草津温泉) อิคาโฮะออนเซ็น (伊香保温泉) มินาคามิออนเซ็น (水上温泉) และชิมะออนเซ็น (四万温泉) กุนมะมีเมืองมาเอะบาชิ (前橋市) เป็นเมืองหลวงประจำจังหวัด ตั้งอยู่ห่างจากโตเกียไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 96 กิโลเมตร

กุนมะมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอยู่มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ศาลเจ้าฮารุนะ (榛名神社) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,400 ปี รวมถึงทรัพย์สินทางวัฒนธรรมล้ำค่าอย่างมรกดโลกโรงทอผ้าโทมิโอกะ (富岡製糸場) และโอเสะ (尾瀬) อนุสรณ์ทางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยพืชลุ่มน้ำเขตสูง

ไซตามะ (埼玉県)

จังหวัดไซตามะตั้งอยู่บนภาคกลางของคันโต มีพื้นที่ประมาณ 3,797 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 1.0% ของญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับที่ 39 ของประเทศ เป็นจังหวัดไม่ติดทะเลที่อยู่กลางภูมิภาคคันโต ทิศเหนือติดกับจังหวัดกุนมะ โทชิกิ และอิบารากิ ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดชิบะ ทิศใต้ติดกับโตเกียว ตะวันตกเฉียงใต้ติดกับจังหวัดยามานาชิ และทิศตะวันตกติดกับจังหวัดนากาโน่

ฤดูร้อนมีอากาศร้อนชื้น อุณหภูมิอาจสูงได้ถึง 40 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะเมืองคุมะกายะ (熊谷市) เคยทำสถิติอุณหภูมิสูงถึง 41.1 องศาเซลเซียสไว้ในปี 2018 และกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในฐานะ "เมืองแห่งไอร้อน" ส่วนในฤดูหนาว ไซตามะมักมีอากาศแห้งเนื่องจากลมประจำฤดูกาลที่พัดมาจากตะวันตกเฉียงเหนือ
จังหวัดนี้มีเมืองไซตามะ เป็นเมืองหลวงประจำจังหวัด ตั้งอยู่ห่างจากโตเกียว 19 กิโลเมตร

เนื่องจากอยู่ใกล้กับโตเกียว ไซตามะจึงเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่พักเวลาคนมาเที่ยวโตเกียว อย่างไรก็ตาม ภายในจังหวัดไซตามะเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมากมาย คุณสามารถเพลิดเพลินกับที่นี่ได้ทั้งทางธรรมชาติและทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าโฮโดซัง (宝登山神社) ที่สร้างขึ้นเมื่อ 1,900 ปีที่แล้ว คาวาโกเอะ (川越) ที่ยังวิวบ้านเมืองโบราณทอดยาวเรียงราย หรือช่องเขานากาโทโระ (長瀞渓谷) ที่ถูกระบุให้เป็นอนุสรณ์ธรรมชาติและหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยงามของญี่ปุ่น

ชิบะ (千葉県)

จังหวัดชิบะตั้งอยู่บนภาคตะวันออกเฉียงใต้ของคันโต มีพื้นที่ประมาณ 5,157 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 1.36% ของญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับที่ 28 ของประเทศ ทิศเหนือติดกับจังหวัดอิบารากิ ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก แม้ว่าทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะติดกับโตเกียวและไซตามะ แต่ส่วนที่เหลือไล่ลงมาทางทิศใต้ก็ติดกับอ่าวโตเกียว (東京湾) ช่องอุรากะ (浦賀水道) และทะเลเปิดซากามิ (相模灘) เกิดเป็นลักษณะที่ถูกล้อมไปด้วยทะเลทั้งสามฝั่ง
ชิบะมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ เป็นจังหวัดเดียวของญี่ปุ่นที่ไม่มีภูเขาสูงเกิน 500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

เมืองหลวงประจำจังหวัดนี้คือเมืองชิบะ ตั้งอยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของประตูสู่ญี่ปุ่นอย่างสนามบินนาริตะ มาคุฮาริเมสเซ (幕張メッセ) ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ที่โด่งดังเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น รวมถึงสวนสนุกชื่อดังระดับโลกอย่างโตเกียวดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์ซี 

Klook.com

โตเกียว (東京都)

มหานครโตเกียวตั้งอยู่บนภาคใต้ของคันโต มีพื้นที่ประมาณ 2,190 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 0.58% ของญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับที่ 45 ของประเทศ มีทิศเหนือติดกับจังหวัดไซตามะ ทิศใต้ติดกับจังหวัดคานากาว่า ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดยามานาชิ ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดชิบะ และหันหน้าเข้าหาอ่าวโตเกียว

ในปี 1603 Tokugawa Ieyasu (徳川家康) โชกุนรุ่นแรกของรัฐบาลเอโดะ เปลี่ยนได้มาตั้งรัฐบาลที่โตเกียว ที่นี่ก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องในฐานะเมืองหลวงของญี่ปุ่น ปัจจุบัน โตเกียวมีผู้คนอาศัยอยู่กว่า 13 ล้านคน เป็นทั้งจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของญี่ปุ่นและเป็นมหานครที่มีประชากรมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

โตเกียวเป็นศูนย์กลางของญี่ปุ่นในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปกครอง เศรษฐกิจ หรือวัฒนธรรม และยังเป็นจุดรวมตัวของสำนักงานรัฐหลักต่างๆ รวมไปถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ บริษัทการเงิน และองค์กรสื่อต่างๆ อีกด้วย

โตเกียวประกอบไปด้วย 23 เขตพิเศษ 26 เมือง 5 อำเภอ และ 8 หมู่บ้าน โดยย่านค้าขาย วัฒนธรรม และท่องเที่ยวจะเกาะกลุ่มกันอยู่ใน 23 เขตพิเศษ โตเกียวมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่จุดท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติอย่างวัดอาซากุสะ ตลาดปลาสึคิจิ และพระราชวังอิมพีเรียล (皇居) ไปจนถึงแหล่งช็อปปิ้ง แฟชั่น และอาหารอร่อยที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นอย่างชิบูย่าและชินจูกุอีกด้วย!

คานากาว่า (神奈川県)

จังหวัดคานากาว่าตั้งอยู่บนภาคตะวันตกเฉียงใต้ของคันโต มีพื้นที่ประมาณ 2,415 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 0.64% ของญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับที่ 43 ของประเทศ มีทิศเหนือติดกับโตเกียว ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดยามานาชิและชิซูโอกะ หันหน้าเข้าหาอ่าวโตเกียวทางทิศตะวันออก และหันหน้าเข้าอ่าวซางามิ (相模湾) ทางทิศตะวันตก

ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดที่อยู่ใกล้กับโตเกียวนั้นพัฒนาเป็นมหานครใหญ่และเฟื่องฟูในด้านอุตสาหกรรม ทางภาคกลางของคานากาว่าเป็นที่ราบขนาดใหญ่ ส่วนภาคตะวันตกจะเป็นพื้นที่สูงๆ ต่ำๆ ที่มีทั้งภูเขา แอ่ง และที่ราบ คานากาว่ามีเมืองโยโกฮาม่าเป็นเมืองหลวงประจำจังหวัด ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากโตเกียว 27 กิโลเมตร

คานากาว่าเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขาและทะเลที่อุดมสมบูรณ์ บ้านเมืองที่อัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม หรือมรดกทางอุตสาหกรรมที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมสมัยของญี่ปุ่น

แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของคานากาว่าคือคามาคุระ (鎌倉) เป็นพื้นที่ที่ Minamotono Yoritomo (源頼朝) ก่อตั้งรัฐบาลคามาคุระขึ้นในปี 1185 ภายในมีสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์อยู่มากมาย เช่น ศาลเจ้าสึรุกาโอกะฮาจิมังกู (鶴岡八幡宮) และวัดเคนโจจิ (建長寺)

คานากาว่ายังเป็นที่ตั้งของท่าเรือโยโกฮาม่า (横浜港) ท่าเรือนานาชาติแห่งแรกของญี่ปุ่นที่เปิดขึ้นในปี 1859 ที่นี่มีการค้าขายสินค้าสูงเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นย่านท่องเที่ยวชื่อดังที่มีจุดน่าสนใจมากมาย เช่น สะพานโยโกฮาม่าเบย์บริดจ์ (横浜ベイブリッジ) มินาโตะมิไร 21 (みなとみらい21) และโยโกฮาม่าไชน่าทาวน์ (横浜中華街)

ประวัติศาสตร์ของคันโต - กุญแจสำคัญอยู่ที่สังคมซามูไร

ในสมัยก่อน ภูมิภาคคันโตอยู่ห่างจากเกียวโต (เมืองหลวงในขณะนั้น) จึงล้าหลังกว่าภูมิภาคคินคิ (คันไซ) ในด้านวัฒนธรรมและการเกษตร แต่เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 12 คันโตก็เริ่มพัฒนาขึ้นพร้อมๆ กับสังคมซามูไรอย่างคามาคุระและเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) ทำให้ในที่สุดคันโตพัฒนาขึ้นเป็นศูนย์กลางของญี่ปุ่น

ในปี 1603 ซามูไรได้ก่อตั้งรัฐบาลเอโดะขึ้น ทำให้เอโดะกลายเป็นศูนย์กลางการปกครอง และยังถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายๆ ด้าน ทั้งการบูรณะเมืองและสร้างทางน้ำเพื่อให้เหมาะสมกับการเป็นเมืองปราสาท (เมืองที่เจ้านายอาศัยอยู่) และการสร้างโกะไคโด (五街道) ทางหลวงสายหลัก 5 สายที่มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่เอโดะ

เมื่อยุคเอโดะจบลงและมีการก่อตั้งรัฐบาลเมจิขึ้นในปี 1868 เอโดะก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียวและกลายมาเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น นับจากนั้นมาก็ได้รับการพัฒนาในฐานะเมืองหลวงของญี่ปุ่น จนกลายมาเป็นศูนย์กลางของการปกครอง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

สภาพอากาศของคันโต - หน้าร้อนก็ร้อน หน้าหนาวก็หนาว!

Klook.com

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม)

ฤดูใบไม้ผลิของคันโตมีอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อย บ่อยครั้งที่สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาไม่กี่วัน โตเกียวในเดือนมีนาคมยังมีความหนาวเย็นจากฤดูหนาวหลงเหลืออยู่ในยามเช้าและค่ำ เมื่อเข้าสู่เมษายน อากาศก็จะเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ และจะมีซากุระบานเต็มที่ให้ชมในช่วงต้นเดือน (ตามปกติ) 

อย่างไรก็ตาม ช่วงกลางวันและกลางคืนก็ยังมีอุณหภูมิที่ค่อนข้างต่างกัน จึงขอแนะนำให้พกเสื้อคลุมหรือผ้าคลุมไหล่เอาไว้ เมื่อเข้าสู่เดือนพฤษภาคมอุณหภูมิก็จะสูงเกิน 20 องศาเซลเซียสและต่อเนื่องไปด้วยวันที่มีอากาศสดชื่น สบายๆ

ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม)

ฤดูร้อนของคันโตมีช่วงหน้าฝนอยู่ที่ต้นมิถุนายนถึงกลางกรกฎาคม วันส่วนใหญ่ก็จะมีเมฆและฝนมาก รวมถึงอาจเกิดฝนตกหนักได้ เมื่อถึงปลายกรกฎาคมก็จะหมดหน้าฝน อุณหภูมิจะเริ่มเพิ่มสูง และมีแสงแดดยาวนานขึ้น

ช่วงฤดูร้อนจะมีความชื้นสูงมาก ช่วงกลางฤดูร้อนอาจมีอุณหภูมิสูงสุดกว่า 30 องศาสเซลเซียส แถมบางวันก็ร้อนกว่า 35 องศาเซลเซียส! ดังนั้นจึงควรระวังสุขภาพและดื่มน้ำอยู่บ่อยๆ หากมีร่มหรือครีมกันแดดก็จะช่วยป้องกันแดดแรงได้ และแม้ว่าข้างนอกจะร้อนแต่ภายในอาคารก็มักจะค่อนข้างหนาวจากเครื่องปรับอากาศ จึงขอแนะนำให้พกเสื้อคลุมติดตัวไว้ด้วย

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน)

เนื่องจากเจอทั้งความกดอากาศสูงและต่ำสลับกันไปมา ฤดูใบไม้ร่วงของคันโตจึงมีสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ในระยะเวลาไม่กี่วัน ช่วงกันยายนถึงตุลาคมจะมีปริมาณน้ำฝนมากเพราะได้รับผลกระทบจากแนวฝนประจำฤดูใบไม้ร่วงและพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้เป็นฤดูกาลที่มีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดของปี

ครึ่งแรกของกันยายนมักมีอากาศร้อน บ่อยครั้งที่อุณหภูมิช่วงกลางวันสูงเกิน 30 องศาเซลเซียส แต่จะเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของเดือน แม้ว่าช่วงกลางวันจะยังร้อนอยู่แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นของฤดูใบไม้ร่วงในช่วงกลางคืน จึงขอแนะนำให้เตรียมเสื้อคลุมไว้ด้วย

ตั้งแต่ครึ่งหลังของเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ก็จะเริ่มรู้สึกได้ถึงฤดูใบไม้ร่วงจริงๆ มากขึ้น อุณหภูมิระหว่างวันที่ค่อนข้างคงที่ เป็นช่วงที่เหมาะกับการท่องเที่ยวอย่างมาก

เมื่อเข้าสู่พฤศจิกายน อุณหภูมิช่วงกลางวันจะลดต่ำลงมาก จำนวนวันที่อากาศหนาวเย็นก็เพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องพกเสื้อสเวตเตอร์หรือเสื้อโค้ทหนาๆ ติดตัวไว้

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์)

ฤดูหนาวของคันโตได้รับผลกระทบจากลมประจำฤดูคารัคคาเสะ (からっ風) ที่พัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ส่งผลให้มีวันที่หนาวและแห้งอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นแรงกดอากาศประจำฤดูหนาวที่ความกดอากาศสูงจะอยู่ทางทิศตะวันตกและความกดอากาศต่ำอยู่ทางทิศตะวันออก ทำให้ส่วนใหญ่แล้วคันโตจึงมีท้องฟ้าแจ่มใส

โตเกียวจะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัวในเดือนธันวาคม อุณหภูมิจะลดลงอย่างรวดเร็วและอาจมีหิมะตกได้ มกราคมจะเป็นเดือนที่หนาวที่สุดในรอบปีและมีแสงแดดน้อย อากาศจะหนาวต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นอุณหภูมิจะเริ่มสูงขึ้นในช่วงปลายเดือน และจะเริ่มมีวันที่อากาศอบอุ่น สัมผัสถึงฤดูใบไม้ผลิที่ใกล้เข้ามาได้

ในช่วงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ถึง 21 มีนาคมจะสามารถสัมผัสได้ถึงฮารุอิจิบัง (春一番) ลมแรงที่พัดมาจากทิศใต้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์บอกการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ

เนื่องจากโตเกียวมีตึกสูงจำนวนมากจึงทำให้เกิดลมแรงรอบอาคารได้ง่าย หากคุณวางแผนจะมาเยือนโตเกียวในฤดูหนาว ก็ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาว เช่น ถุงมือ ผ้าพันคอ และเสื้อโค้ทหนาๆ ไว้สำหรับตอนออกนอกอาคารด้วย นอกจากนี้ เนื่องจากข้างนอกหนาวและแห้งจนอาจทำให้รู้สึกได้ว่าฮีตเตอร์ภายในอาคารร้อนเกินไปได้ จึงขอแนะนำให้ใส่เสื้อผ้าด้านในบางๆ หรือไม่ก็เสื้อนอกที่สามารถถอดออกได้ง่ายๆ

ตารางด้านล่างเป็นตารางสรุปปริมาณน้ำฝนและอุณหภูมิเฉลี่ยของเมืองหลวงประจำจังหวัดในภูมิภาคคันโต สามารถใช้อ้างอิงเพื่อวางแผนการเดินทางได้

การเดินทางจากสถานีโตเกียว

การเดินทางจากสถานีโตเกียวไปยังจุดต่างๆ

ภูมิภาคคันโตมีช่องทางคมนาคมที่ครอบคลุมทั่วถึง ช่วยให้สามารถเดินทางไปทุกที่ได้ง่ายๆ ด้วยรถไฟ
ด้านล่างนี้เป็นวิธีเดินทางไปสถานีท่องเที่ยวหลักๆ ของคันโต โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานีโตเกียว

ไปสถานีโยโกฮาม่า

มีรถไฟหลายสายที่วิ่งจากสถานี JR Tokyo ไปสถานี JR Yokohama ยกตัวอย่างเช่น JR Tokai JR Yokosuka หรือ JR Keihin-Tohoku ในกรณีของ JR Tokai จะใช้เวลาประมาณ 25 นาทีและมีค่าโดยสาร 480 เยน

ไปนิกโก้

สามารถไปสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างนิกโก้ได้โดยนั่ง JR Tohoku Shinkansen และ JR Nikko โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาทีและมีค่าโดยสารประมาณ 3,000 - 5,000 เยน

ไป Tokyo Disney Resort

สามารถใช้บริการรถไฟสาย JR Keiyo จากสถานี Tokyo ไปสถานี JR Maihama ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Tokyo Disney Resort ได้ง่ายๆ โดยระยะเวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีและค่าโดยสาร 220 เยน

 

ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับภูมิภาคคันโตที่เราคัดสรรมาให้คุณ! คันโตไม่ได้มีดีแค่เมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียวหรือโยโกฮาม่า แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์อีกมากมาย รับรองได้ว่าเมืองอื่นๆ ของภูมิภาคคันโตจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน!

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์คันโต

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

okada
okada
เป็นคนโตเกียวที่ชอบอ่านหนังสือและเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ และหลงใหลในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศอื่นๆ หลังจากที่ตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากประวัติศาสตร์แล้ว ตอนนี้ก็กลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นและโลกอีกครั้ง
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร