【คู่มือโอซาก้าฉบับสมบูรณ์】ข้อมูลท่องเที่ยวโอซาก้า กิน เที่ยว ช็อป ที่พัก เดินทาง!

บทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับข้อมูลที่เที่ยว กิน ช็อป ที่พลาดไม่ได้ของโอซาก้า นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่าง ที่พัก สภาพอากาศ และการเดินทางอยู่อีกด้วย กดบุ๊กมาร์กคู่มือนี้ไว้ และใช้มันเป็นผู้ช่วยในทริปโอซาก้าของคุณกันเถอะ

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

เกี่ยวกับโอซาก้า

เขตโอซาก้า (大阪市) เป็นอำเภอเมืองและเมืองหลักของจังหวัดโอซาก้า ซึ่งคงอันดับ 2 ของญี่ปุ่น รองลงมาจากโตเกียวและโยโกฮาม่า เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น มีประชากรอยู่มากกว่า 8,800,000 คน เป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติคันไซ และสนามบินนานาชาติโอซาก้า (สนามบินอิตามิ) สะดวกต่อการเดินทางทั้งภายในและภายนอกประเทศ ตั้งอยู่ในบริเวณแสนสะดวกที่สามารถนั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวมาถึงได้โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที

โอซาก้านอกจากจะมีอ่าวโอซาก้าที่เป็นหัวใจการคมนาคมของญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนสุดขอบตะวันออกของทะเลเซโตะไนแล้ว เมื่อประมาณ 500 ปีก่อน โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการรวมญี่ปุ่นเป็นหนึ่งเดียว ได้สร้างปราสาทโอซาก้าและรวบรวมชาวเมืองในบริเวณใกล้เคียง จนกลายมาเป็นเมืองโอซาก้าที่รุ่งเรืองในฐานะเมืองแห่งศูนย์กลางการบริหารและปกครองประเทศ ในช่วงยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603-1868) บริเวณละแวกนัมบะและชินไซบาชิในปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองหลวงใหญ่ เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่รุ่งเรืองจากการค้าและการแลกเปลี่ยน ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังจนถูกขนานนามว่า "ครัวของญี่ปุ่น (天下の台所)"

ด้วยพื้นหลังทางประวัติศาสตร์เช่นนี้ การติดต่อสื่อสารกันระหว่างลูกค้ากับพ่อค้า หรือระหว่างพ่อค้าด้วยกันเองจึงค่อนข้างคึกคัก ส่งผลให้ทักษะการพูดแนะนำสินค้า และความสามารถในการสร้างความบันเทิงให้ผู้คนได้รับการปลูกฝังจนเกิดเป็น "วัฒนธรรมอารมณ์ขัน (お笑い文化)" ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้โอซาก้ากลายเป็นที่รู้จักในฐานะถิ่นกำเนิดของวัฒนธรรมดังกล่าวนี้ กล่าวกันว่าในโอซาก้ามีคนที่มีบุคลิกเป็นกันเองอยู่ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับแถบอื่นๆ ของญี่ปุ่น เนื่องจากชาวโอซาก้าค่อนข้างตรงไปตรงมาแม้แต่กับคนแปลกหน้า จึงการันตีได้ว่าแม้แต่ชาวต่างชาติก็จะได้สัมผัสกับช่วงเวลาที่แสนประทับใจในโอซาก้าอย่างแน่นอน
 

นอกจากนี้ เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของโอซาก้าก็คือ การมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น 
"อุเมดะ (梅田)" แหล่งรวมตัวของศูนย์การค้าที่ทันสมัยมากมาย
"นัมบะ (なんば) และชินไซบาชิ (心斎橋)" ย่านแห่งของกินและช็อปปิ้ง 
"เทนโนจิ (天王寺) และชินเซไก (新世界)" ย่านที่มีบรรยากาศแบบชานเมือง
"ย่านริมอ่าว (ベイエリア)" ที่เต็มไปด้วยสถานที่เพื่อความบันเทิงอย่าง "พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (海遊館)" และ "Universal Studios Japan" ที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้อย่างหลากหลาย

นอกจากนี้ในปี ค.ศ.2025 ก็ยังจะมีการจัด "OSAKA, KANSAI EXPO 2025" ขึ้นที่โอซาก้าแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญของญี่ปุ่นที่ยังคงเติบโตอยู่อย่างต่อเนื่อง
 

・ที่ตั้งของโอซาก้า

จังหวัดโอซาก้าตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันตกของญี่ปุ่นที่เรียกว่า "คันไซ (関西)" บริเวณส่วนตะวันตกเฉียงใต้หันหน้าเข้าหาอ่าวโอซาก้าที่อยู่ในทะเลเซโตะใน

สภาพอากาศของโอซาก้า

・ภูมิอากาศและปริมาณน้ำฝน

โอซาก้ามีภูมิอากาศที่ค่อนข้างแห้งตลอดปี มีจุดเด่นเป็นปริมาณน้ำฝนที่น้อยและมีท้องฟ้าปลอดโปร่งค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปกคลุมไปด้วยตึกคอนกรีตจำนวนมาก จนเกิดปรากฏการณ์เกาะความร้อน ที่ทำให้หน้าร้อนของโอซาก้าร้อนเป็นอย่างมาก อีกทั้งในฤดูร้อนอุณหภูมิยังมีแนวโน้มที่จะลดลงได้ยากไม่เว้นแม้แต่ในช่วงกลางคืน ดังนั้นการดูแลสุขภาพจึงสำคัญเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ บริเวณที่มีพื้นที่ราบมักจะไม่มีหิมะสะสมในฤดูหนาว หรือหากมีก็จะสูงเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น

ถึงแม้ว่าสภาพอากาศโดยทั่วไปจะมีท้องฟ้าปลอดโปร่งอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ขอแนะนำให้เช็คสภาพอากาศทุกครั้งก่อนออกเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนกรกฎาคม - เดือนกันยายน ซึ่งเป็นฤดูไต้ฝุ่น จึงควรตรวจสอบพยากรณ์อากาศให้ละเอียดเป็นพิเศษ เพื่อที่จะสามารถออกเที่ยวได้อย่างสบายใจ
 

จุดท่องเที่ยวหลักๆ ของโอซาก้า

ที่โอซาก้านั้นเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่สามารถสัมผัสได้ถึงวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ในส่วนนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสถานที่ที่ต้องแวะมาให้ได้สักครั้งเมื่อมาโอซาก้า

 1. สัมผัสประวัติศาสตร์:ปราสาทโอซาก้า

ปราสาทโอซาก้า (大阪城) สัญลักษณ์ของโอซาก้าอันเป็นที่รักของชาวโอซาก้า ในปี ค.ศ.1583 โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (หรือ ฮาชิบะ ฮิเดโยชิ ในขณะนั้น) ผู้กุมอำนาจในการปกครองในตอนนั้น ได้เริ่มสร้างปราสาทโอซาก้าขึ้นบนพื้นที่ที่เคยเป็นวัดอิชิฮอนกังจิ โดยวางแผนให้เป็นปราสาทที่ยิ่งใหญ่ให้สมกับเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการรวมประเทศญี่ปุ่น ภายหลังที่ฮิเดโยชิเสียชีวิต ฮิเดทาดะ ผู้เป็นโชกุนรุ่นที่ 2 ของตระกูลโทคุกาวะ ได้สั่งให้มีการสร้างขึ้นต่อจนแล้วเสร็จ และยังเป็นสิ่งก่อสร้างที่ได้รับการะบุให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของชาติเมื่อปี ค.ศ.1997

ในปัจจุบัน ตัวปราสาทมี 58 ชั้น และสูงถึง 54.8 เมตร "ป้อมเซนกันยากุระ (千貫櫓)" ที่สร้างขึ้นตรงส่วนตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อป้องกันประตูหน้าของปราสาทนั้น เป็นที่รู้จักกันในฐานะป้อมปราการที่ไร้เทียมทาน นอกจากนี้ ที่ชั้น 1-7 ของปราสาทโอซาก้า ยังมีการจัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ห้องชา เบียวบุ (ภาพเขียนบนแผ่นกั้นห้อง) และแบบจำลองที่เกี่ยวข้องกับปราสาทโอซาก้าอยู่อีกมากมาย และบนชั้น 8 ของปราสาทยังมีจุดชมวิวบนความสูงกว่า 50 เมตรเหนือพื้นดิน สามารถรับชมวิวทิวทัศน์ของเมืองโอซาก้าและสวนสาธารณะโอซาก้าได้อย่างทั่วถึง

▼เว็บไซต์ของปราสาทโอซาก้า
ภาษาญี่ปุ่น : https://www.osakacastle.net/
ภาษาอังกฤษ : https://www.osakacastle.net/english/

 2. ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศแบบชานเมือง:ชินเซไก(ซึเทนคาคุ・โยโกะโจ)

“ชินเซไก (新世界)” ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองโอซาก้า สิ่งที่มีชื่อเสียงในย่านนี้นั่นก็คือหอซึเทนคาคุ (通天閣) และ ตรอกจันจันโยโกะโจ (ジャンジャン横丁) ประวัติศาสตร์ของชินเซไกเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1903  ณ ย่านเทนโนจิและชินเซไกในปัจจุบัน อดีตเคยเป็นพื้นที่สำหรับจัดงาน "มหกรรมอุสาหกรรมภายในประเทศครั้งที่ 5" หลังจากจบงานพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นสวนสาธารณะเทนโนจิ สวนสนุกและหอซึเทนคาคุรุ่นแรกที่กลายเป็นจุดเด่นสำคัญของชินไซไก จากนั้นโรงละครและโรงหนังหลายแห่งได้ถือโอกาสนี้เข้ามาเปิดกิจการในบริเวณดังกล่าว จนได้พัฒนามาเป็นชินเซไกที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

ที่หอซึเทนคาคุ คุณสามารถชื่นชมวิวของตัวเมืองบนชั้นชมวิวที่ความสูงเหนือพื้นดิน 94.5 เมตร และโรงละครในชั้นใต้ดิน ที่จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับการแสดงของนักร้องและการแสดงละครตลกแบบญี่ปุ่น (การแสดงเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด และจะเปลี่ยนโปรแกรมทุกวัน) นอกจากนี้ ที่ "ตรอกจันจันโยโกะโจ" ตรอกที่มียาวประมาณ 180 เมตร ด้านข้างก็ยังเรียงรายไปด้วยร้านค้าราคาถูกที่ขายเมนูเด็ดของโอซาก้าอย่าง คุชิคัตสึ (เนื้อสัตว์หรือผักเสียบไม้ทอด) โดเตะยากิ (เอ็นวัวตุ๋นมิโซะหรือมิริน) เป็นย่านที่คึกคักและสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแบบชานเมือง มีจุดถ่ายรูปยอดนิยมเป็นป้ายร้านสีสันสดใสที่เรียงรายเป็นทางยาว โคมไฟกระดาษรูปปลาปักเป้าของร้านสึบารายะ และรูปปั้นบิลลิเคน เทพแห่งโชคลาภหน้าตาน่ารัก เป็นย่านที่ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งขาประจำและขาจรอยู่ตลอดเวลา

 3. เพลิดเพลินไปกับการกินและช็อป:โอซาก้ามินามิ(ชินไซบาชิ・นัมบะ)

โอซาก้านั้นแบ่งออกเป็น 2 ย่านใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ ย่าน "คิตะ (キタ)" ที่กินพื้นที่ละแวกสถานีโอซาก้าและสถานีอุเมดะ กับย่าน "มินามิ (ミナミ)" ที่กินพื้นที่ละแวกสถานีชินไซบาชิและสถานีนัมบะ ย่านคิตะเป็นย่านสมัยใหม่ เดินทางสะดวก เรียงรายไปด้วยตึกสูง โรงแรม และศูนย์การค้าขนาดใหญ่มากมาย ส่วนทางด้านย่านมินามินั้นเป็นย่านการค้าที่มีบรรยากาศเฉพาะตัวแบบโอซาก้า ผสมผสานไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลาย เช่น "ย่านโดทงโบริ (道頓堀)" ที่เต็มไปด้วยแสงไฟสีสันสดใส "ย่านการค้าชินไซบาชิ (心斎橋商店街)" ที่มีคนแวะเวียนมาจับจ่ายซื้อของกว่า 60,000 คนในวันธรรมดาและกว่า 120,000 ในวันหยุด "อเมริกามูระ (アメリカ村)" ศูนย์กลางวัฒนธรรมวัยรุ่นโอซาก้า "โฮริเอะ (堀江)" ที่เรียงรายไปด้วยคาเฟ่ ร้านเสื้อผ้า และร้านของใช้จุกจิก หรือจะเป็น "Namba Grand Kagetsu (なんばグランド花月)" โรงละครสำหรับแสดงละครตลกโดยเฉพาะ

จุดที่เราแนะนำเป็นพิเศษ คือ "ย่านโดทงโบริ" ที่มีร้านค้าอาหารต้นตำรับของโอซาก้า ที่ทั้งถูกและอร่อยให้ลิ้มลองอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ หรือคุชิคัตสึ เป็นจุดที่คึกคักไปด้วยคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวอยู่ตลอดเวลา

"ตรอกโฮเซนจิโยโกะโจ (法善寺横丁)" ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเป็นตรอกยาว 80 เมตร เรียงรายไปด้วยร้านอาหารญี่ปุ่นเก่าแก่ ร้านอาหารขนาดเล็ก อิซากายะ (บาร์ญี่ปุ่น) และบาร์อื่นๆ อีกมากมาย แม้ว่าจะเป็นย่านการค้าแต่ก็เงียบสงบ มีบรรยากาศที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นญี่ปุ่นแฝงอยู่

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

เมนูเด็ดของโอซาก้า

จุดเด่นของอาหารโอซาก้า คือ นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังมีราคาที่ถูกอีกด้วย โอซาก้าถูกเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า "ครัวของญี่ปุ่น" เนื่องจากในอดีตเคยรุ่งเรืองจากการค้าขายแลกเปลี่ยนจนมีฐานะเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจญี่ปุ่น และได้พัฒนาขึ้นโดยซึมซับวัฒนธรรมอาหารจากทั่วประเทศ ด้วยการที่มีพื้นหลังทางประวัติศาสตร์ในฐานะเมืองแห่งพ่อค้ามาแต่โบราณนี้เอง ทำให้โอซาก้ายังคงเป็นเมืองที่คึกคักในฐานะ "เมืองหลวงแห่งวงการอาหาร (食の都)" จวบจนปัจจุบัน

อาหารขึ้นชื่อของโอซาก้าที่ควรรับประทานให้ได้มีอยู่ด้วยกัน 3 อย่าง ได้แก่ "ทาโกะยากิ (たこ焼き)" ของย่างทรงกลมขนาดพอดีคำที่ทำขึ้นโดยใส่หมึกและผักต่างๆ ลงในเนื้อแป้งที่ทำจากแป้งสาลี "โอโคโนมิยากิ (お好み焼き)" ที่ทำขึ้นโดยใส่เนื้อสัตว์ อาหารทะเลหรือผัก ลงในส่วนผสมแป้งสาลีแล้วนำไปย่าง  และ "คุชิคัตสึ (串カツ)" ของทอดเสียบไม้ที่ทำขึ้นจากเนื้อสัตว์หรือผัก  ที่โอซาก้านั้นมีร้านเฉพาะทางของเมนูเหล่านี้ให้คุณได้ลิ้มลองอยู่เป็นจำนวนมาก

จุดที่สามารถหารับประทานของขึ้นชื่อของโอซาก้าได้นั้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น "อุเมดะ" ย่านการค้าอันดับหนึ่งของโอซาก้าที่มีร้านหลากหลายประเภทในราคาที่ต่างกัน 'โดทงโบริ" ที่คึกคักไปด้วยร้านอาหารจำนวนมาก "ชินเซไก" ที่เรียงรายไปด้วยร้านคุชิคัตสึ "สึรุฮาชิ (鶴橋)" โคเรียนทาวน์ที่เต็มไปด้วยร้านยากินิคุ "ตลาดคุโระมง (黒門市場)" ที่มีอาหารท้องถิ่น ผักและอาหารทะเลสดใหม่ ให้เลือกซื้อ 

Klook.com

แหล่งช็อปปิ้งของโอซาก้า

โอซาก้าเต็มไปด้วยย่านที่เหมาะกับการช็อปปิ้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "อุเมดะ" แหล่งรวมศูนย์การค้าขนาดใหญ่ "นากาซากิโจ (中崎町)" ที่เรียงรายไปด้วยร้านสินค้าแฮนด์เมด "โฮริเอะ" ที่เต็มไปด้วยคาเฟ่และร้านสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมที่ "อเมริกามูระ" แหล่งกำเนิดแฟชั่นวัยรุ่น "ชินไซบาชิและนัมบะ" ที่คึกคักไปด้วยร้านค้าและช็อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ "ตลาดคุโระมง" ที่คอยสนับสนุนวัฒนธรรมอาหารการกินของโอซาก้า

นอกจากนี้ โอซาก้าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการค้าแห่งนี้ ยังมีจุดเด่นคือมีเหล่าพ่อค้าแม่ขายที่ขายของเก่งอยู่เยอะอีกด้วย หากเกิดลังเลไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อของฝากอะไรดี ขอแนะนำให้ลองถามพนักงานของทางร้านดู คุณอาจจะได้พบกับช่วงเวลาที่สนุกๆ ก็เป็นได้

เทศกาลของโอซาก้า

Klook.com

・ฤดูใบไม้ผลิ(มีนาคม, เมษายน, พฤษภาคม)

สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว เทศกาลยอดฮิตอันดับหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก "เทศกาลชมดอกไม้ (花見)" ที่จะได้ดื่มด่ำไปกับดอกซากุระอันสวยงาม โอซาก้ามีจุดชมดอกไม้ยอดนิยมอยู่หลายแห่ง ตัวอย่างเช่น "สวนสาธารณะบัมปาคุคิเนน (万博記念公園)" ที่มีซากุระกว่า 5,500 ต้นจาก 9 สายพันธุ์ "สวนสาธารณะปราสาทโอซาก้า (大阪城公園)" ที่คุณจะได้ชมซากุระพร้อมกับวิวทิวทัศน์ของปราสาทโอซาก้าไปพร้อมๆ กัน "สวนสาธารณะเคมะซากุระโนะมิยาโกะ (毛馬桜之宮公園)" ที่มีต้นซากุระริมแม่น้ำโอคาวะ (อดีตแม่น้ำโยโดคาวะ) ออกดอกอยู่อย่างสวยงาม

แต่ดูเหมือนว่าจุดที่จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษในทุกๆ ปีก็คือ "ถนนซากุระของสำนักกษาปณ์แห่งญี่ปุ่น (造幣局の桜の通り抜け)" ซึ่งเป็นถนนยาว 560 เมตรที่มีซากุระกว่า 350 ต้นจากกว่า 130 สายพันธุ์เบ่งบานอยู่อย่างสวยงาม

โดยปกติแล้วฤดูชมซากุระจะอยู่ที่ประมาณปลายเดือนมีนาคม - กลางเดือนเมษายน อาจจะมีคลาดเคลื่อนไปบ้างขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ แต่รับรองได้ว่าหากมาเที่ยวโอซาก้าในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว คุณจะได้รับชมทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างแน่นอน
 

・ฤดูร้อน(มิถุนายน, กรกฎาคม, สิงหาคม)

ฤดูร้อนในโอซาก้า เมืองท่องเที่ยวอันโด่งดังของญี่ปุ่นนี้ คึกคักไปด้วยเทศกาลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลฤดูร้อน เทศกาลชมดอกไม้ไฟ เทศกาลดนตรีเล่นสดกลางแจ้ง หรือลานเบียร์

"เทนจินมัตสึริ (天神祭)" เทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของโอซาก้า จะจัดขึ้นที่ศาลเจ้าโอซาก้าเทนมังกู (大阪天満宮) เป็นประจำในวันที่ 24 และ 25 เดือนกรกฏาคมของทุกปี โดยวันที่ 24 จะเป็นวันฉลองก่อนเทศกาล และวันที่ 25 เป็นวันเทศกาลจริง ซึ่งในวันที่ 25 จะมีการจัดพิธี "ฟุเนะโดเกีย (船渡御)" ที่มีเรือจำนวนมากแล่นไปมาบนแม่น้ำโอคาวะ และพิธี "ริคุโดเกีย (陸渡御)" ที่กลุ่มคนกว่า 3,000 คนสวมใส่เครื่องแต่งกายสีสันสดใสพร้อมด้วยข้าวของเครื่องใช้สำหรับทำพิธีกรรม จะทำการเดินขบวนเพื่อย้ายที่ประดิษฐานเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ "เทศกาลดอกไม้ไฟสักการะเทพเทนจินมัตสึริโฮโน (天神祭奉納 花火大会)" ไฮไลท์สำคัญของเทศกาลที่มีประวัติศาสตร์กว่า 1,000 ปีนี้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ดอกไม้ไฟกว่า 5,000 ดอกจะแต่งแต้มสีสันท้องฟ้ายามค่ำคืนของโอซาก้า ไปพร้อมๆ กับขบวนพาเหรดทางน้ำอันอ่อนช้อยโดยมีภาพพิธีฟุเนะโดเกียเป็นฉากหลัง

นอกจากนี้ โอซาก้าก็ยังมีเทศกาลดอกไม้ไฟชื่อดังอื่นๆ อยู่อีกมากมาย เช่น "เทศกาลดอกไม้ไฟนานิวะโยโดคาวะ (なにわ淀川花火大会)" ที่จะแต่งแต้มสีสันให้กับท้องฟ้ายามค่ำคืนของโอซาก้าด้วยดอกไม้ไฟกว่า 20,000 ลูก ซึ่งจะจัดขึ้นบนริมแม่น้ำโยโดคาวะในวันที่เสาร์ที่สองของเดือนสิงหาคม  และ "เซนชู ดอกไม้ไฟแสงสีเสียงราวกับฝัน (泉州 光と音の夢花火)" ที่จะมีการเปิดดนตรีควบคู่ไปกับการจุดดอกไม้ไฟ ซึ่งจะจัดขึ้นที่ Tarui Southern Beach เมืองเซนนันจังหวัดโอซาก้า ในวันที่เสาร์อาทิตย์ปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายน
 

・ฤดูใบไม้ร่วง(กันยายน, ตุลาคม, พฤศจิกายน)

"คิชิวาดะดันจิมัตสึริ (岸和田だんじり祭)" เป็นเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงของโอซาก้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ เป็นเทศกาลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 300 ปีที่จะจัดขึ้นในเมืองคิชิวาดะของจังหวัดโอซาก้า เดิมเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อภาวนาขอให้พืชผลมีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันได้กลายมาเป็นที่รู้จักในฐานะเทศกาลที่เชื่อมโยงแต่ละภูมิภาคเข้าด้วยกัน

ไฮไลท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของงาน คือ "ดันจิริ (だんじり)" (รถพาเหรดที่ใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาของญี่ปุ่นตะวันตก) ที่หนักกว่า 4 ตันจะถูกลากจูงอย่างแข็งขันโดยเหล่าผู้ชาย เมื่อเข้าโค้งหักศอกจะมีเทคนิคการเข้าโค้งที่เรียกว่า "ยาริมาวาชิ (やりまわし)" ซึ่งน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ความรวดเร็วและขึงขังนี้เองที่เป็นมนต์เสน่ห์ที่แท้จริงของเทศกาลนี้

เนื่องจากเวลาที่ดันจิริวิ่งผ่านอาจเกิดอันตรายขึ้นได้ จึงควรระวังตัวเองและไม่เข้าไปอยู่ในเส้นทางของขบวนพาเหรด เทศกาลนี้จะจัดขึ้นโดยแบ่งออกเป็น 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ในกลางเดือนกันยายน และครั้งที่ 2 ในต้นเดือนตุลาคม

・ฤดูหนาว(ธันวาคม, มกราคม, กุมภาพันธ์)

ฤดูหนาว ฤดูแห่งการต้อนรับปีใหม่ สำหรับคนญี่ปุ่นแล้วเป็นช่วงเวลาที่คึกคักและเต็มไปด้วยเทศกาลมากมาย
ที่ "ศาลเจ้าอิมามิยะเอบิสึ (今宮戎神社)" ศาลเจ้าสำหรับสักการะเทพแห่งการค้า จะมีการจัดเทศกาล "เอบิสึมัตสึริ (戎祭り)" หรือ "โทกะเอบิสึ (十日戎)" ขึ้นในวันที่ 9 - 11 มกราคม เป็นเทศกาลไหว้ขอพรให้การค้าเจริญรุ่งเรื่องซึ่งในแต่ละปีก็มีผู้เข้าร่วมกว่า 1 ล้านคน

นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมเทศกาลสามารถหาซื้อ "โคดาคาระ (小宝)" หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ "คิกโจ (吉兆)" ซึ่งเป็นสิ่งของนำโชคอย่างกระสอบข้าว เหรียญทอง และปลาไท มัดรวมกันและเสียบอยู่บนไม้ไผ่ กล่าวกันว่าหากนำสิ่งนี้ไปประดับบ้าน จะทำให้ค้าขายรุ่งเรือง หากมีโอกาสได้มาเทศกาลนี้แล้ว ไม่ควรพลาดที่จะลองซื้อเก็บไว้

เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ทั่วทั้งญี่ปุ่นจะมีการจัดเทศกาลที่ชื่อว่า เซ็ตสึบุน (節分) ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นเทศกาลปัดเป้าสิ่งชั่วร้ายที่ โดยจะมีการโปรยถั่วฟุคุอาเมะ (ถั่วเหลืองคั่ว) พลางพูดว่า "ยักษ์อยู่ข้างนอก โชคลาภอยู่ข้างใน" และทานถั่วตามจำนวนอายุของตนเอง (หรือมากกว่าอายุ 1 เม็ด)  อีกทั้งที่ "ศาลเจ้าซุมิโยชิไทชะ (住吉大社)" นั้น นอกจากจะมีพิธีการโปรยถั่วแล้ว ยังมีการแจกเซนไซ อาหารที่ทำจากถั่วอะซูกิต้มน้ำตาลที่เชื่อกันว่าสามารถป้องกันสิ่งชั่วร้ายให้ได้ทานกันแบบฟรีๆ อีกด้วย

หากได้มีโอกาสมาโอซาก้าในฤดูหนาวแล้ว ขอแนะนำให้แวะไปที่วัดเหล่านี้เพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมประเพณีของญี่ปุ่นกันดูสักครั้ง

การเดินทางไปโอซาก้า

โอซาก้ามีสนามบินอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ "สนามบินนานาชาติคันไซ" และ "สนามบินนานาชาติโอซาก้า (ที่รู้จักกันในชื่อ สนามบินอิตามิ)" ปัจจุบันสนามบินอิตามิถูกใช้สำหรับสายการบินภายในประเทศเป็นหลัก จากข้อมูลเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2019 สนามบินนานาชาติคันไซมีเที่ยวบินทั้งภายในและภายนอกประเทศโดยเฉลี่ย 579.8 สายต่อวัน ในขณะที่สนามบินอิตามิมีเที่ยวบินทั้งภายในและภายนอกประเทศโดยเฉลี่ย 376.1 สายต่อวัน ซึ่งมีเที่ยวบินสายตรงจากเมืองใหญ่ๆ ของญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก กล่าวได้ว่าโอซาก้าเป็นสถานที่ที่เดินทางสะดวก คึกคักไปด้วยผู้คนจากทั้งในและนอกประเทศ

จากสนามบินคันไซและสนามบินอิตามิ คุณสามารถเดินทางไปยัง "อุเมดะ" สถานีหลักของโอซาก้า หรือ "โกเบซันโนะมิยะ" สถานีหลักของเฮียวโงะ และ "เกียวโต" สถานีหลักของเกียวโต ได้อย่างสะดวกโดยรถไฟ สำหรับผู้ที่ไม่อยากแบกกระเป๋าหนักๆ เดินไปตามสถานีหรือภายในตัวรถไฟ รถบัสความเร็วสูงก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน
 

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

การเดินทางภายในโอซาก้า

เนื่องจากโอซาก้าเป็นแหล่งรวมตัวของธุรกิจที่หลากหลาย ทำให้รถไฟในชั่วโมงเร่งด่วน ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น มีความแออัดเป็นอย่างมาก ช่วงที่พีคที่สุด คือ 7:00-8:30 น. และ 17:30-18:30 น. ของวันธรรมดา ขอแนะนำให้เลี่ยงการใช้รถไฟในช่วงนี้ หรือไม่ก็ควรเดินทางโดยเผื่อเวลาเอาไว้มากๆ อีกทั้งเนื่องจากโอซาก้าเป็นเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น จึงทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอีกด้วย เนื่องจากอุบัติเหตุจำนวนมากมักจะเกิดขึ้นตามทางแยก เวลาที่จะข้ามถนนจึงขอให้ระวังรถรอบข้างเป็นพิเศษ

・รถไฟ

สำหรับการท่องเที่ยวในโอซาก้า รถไฟ (JR, Osaka Metro, Hankyu, Keihan, Kintetsu) เป็นตัวเลือกหลักที่ผู้คนนิยมใช้บริการกัน เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งช็อปปิ้งหลักๆ ของโอซาก้าอยู่ในบริเวณที่สามารถเดินทางถึงได้ด้วยรถไฟ รถไฟจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มีความสะดวกเป็นอย่างมาก

・รถบัส

Osaka City Bus (大阪シティバス) ที่วิ่งภายในตัวเมืองโอซาก้า มีป้ายจอดอยู่ตามใจกลางเมืองและสถานที่สำคัญหลากหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น "สถานีโอซาก้า"  "นัมบะ"  "อาเบะโนะบาชิ (あべの橋)" ที่อยู่ใกล้กับ ตึก "Abeno Harukas (あべのハルカス)"  "สถานีนิชิคุโจ (西九条駅)" ที่สามารถนั่งรถไฟต่อไปยัง "Universal Studios Japan" ได้ ข้อดีของรถบัส คือ สามารถรับชมทิวทัศน์ของบ้านเมืองในระหว่างการเดินทางได้ ในขณะเดียวกันเวลาที่ใช้ในการเดินทางก็อาจคลาดเคลื่อนได้ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร

・แท็กซี่

แท็กซี่ของโอซาก้ามีค่าโดยสารเริ่มต้นอยู่ที่ 660 เยนสำหรับแท็กซี่ขนาดเล็ก หากใช้บริการทีละหลายคนแล้วล่ะก็ แม้ราคาต้องขึ้นอยู่กับระยะทาง ก็อาจมีกรณีที่ค่าโดยสารถูกกว่ารถไฟและรถบัสก็เป็นได้ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ แท็กซี่ที่รองรับบัตรเครดิตมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการจ่ายเงินอีกต่อไป อีกทั้งญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ค่อนข้างปลอดภัย จึงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเรียกเก็บค่าโดยสารในราคาที่สูงเกินจริง

ถึงแม้ว่าแท็กซี่ที่รองรับภาษาต่างชาติจะมีอยู่ไม่ค่อยมาก แต่เพียงแค่บอกชื่อสถานที่ปลายทางที่ต้องการกับคนขับได้ คุณก็มั่นใจได้เลยว่าสามารถเดินทางถึงที่หมายได้อย่างสะดวกสบายแน่นอน โดยสามารถขึ้นแท็กซี่ที่จอดอยู่ตามจุดจอดแท็กซี่ของสถานีรถไฟ หรือไม่ก็ยกมือเรียกแท็กซี่ว่างที่วิ่งอยู่ตามท้องถนนได้เลย

และหากคุณมีงบเหลือแล้วล่ะก็ แท็กซี่สำหรับท่องเที่ยว ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน มีราคามาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 15,000 เยนต่อ 3 ชั่วโมงสำหรับแท็กซี่ขนาดกลาง คุณสามารถท่องเที่ยวอย่างสะดวกสบาย ด้วยหลากหลายเส้นทางที่สามารถเลือกได้ด้วยตัวเอง หรือสอบถามสถานที่แนะนำจากคนขับแท็กซี่ผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ก็สามารถทำได้เช่นกัน

・รถเช่า

สำหรับผู้ที่มีใบขับขี่สากล เราขอแนะนำตัวเลือกรถเช่า ที่สามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องกังวลทั้งเรื่องเวลาและระยะทาง หากเดินทางกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ การช่วยกันหารค่าเช่ารถจะทำให้ช่วยประหยัดค่าเดินทางไปได้มาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโอซาก้ามีอัตราการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูง การขับรถจึงจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ผู้ที่ไม่คุ้นกับการขับรถในญี่ปุ่นควรหลีกเลี่ยงตัวเลือกนี้ หรือไม่ก็ควรระวังจุดที่เกิดอุบัติได้ง่ายให้มากเป็นพิเศษ

นอกจากนี้แล้ว ญี่ปุ่นในช่วง "โกลเด้นวีค (ปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม)" "เทศกาลโอบ้ง (กลางเดือนสิงหาคม)" และ "เทศกาลขึ้นปีใหม่" นั้น การจราจรอาจติดขัดยาวได้เป็นหลายสิบกิโลเมตร จึงขอแนะนำให้เลี่ยงใช้บริการรถเช่าในช่วงเวลาดังกล่าว
 

Klook.com

・จักรยานเช่า

จักรยานเช่าก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเดินทางในระยะทางสั้นๆ เนื่องจากสามารถปรับความเร็วในการเดินทางเพื่อแวะชมทิวทัศน์ข้างทางได้ตามที่ต้องการ จึงเหมาะกับฤดูที่อากาศดีอย่างฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเป็นพิเศษ อีกทั้งยังสามารถแวะจุดที่รู้สึกสนใจระหว่างทางได้อย่างง่ายๆ ทำให้ได้เดินทางโดยรู้สึกเหมือนว่าเป็นคนในพื้นที่เลยทีเดียว

ที่พักในโอซาก้า

โอซาก้านอกจากจะเป็นย่านท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากคนญี่ปุ่นแล้ว ก็ยังมีหลายสายการบินที่มีเที่ยวบินตรงจากประเทศในกลุ่มเอเซียมาถึงโอซาก้าได้ภายในต่อเดียว ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ที่พักชื่อดังหลายๆ แห่งห้องพักเต็มอย่างรวดเร็ว หากวางแผนที่จะไปเที่ยวโอซาก้าแล้วล่ะก็ การจองล่วงหน้าก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน

ละแวกที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก หลักๆ แล้วจะอยู่บริเวณสถานีอุเมดะที่สะดวกต่อการเดินทางไปจังหวัดอื่นๆ และละแวกท่องเที่ยวชื่อดังอย่างเทนโนจิ นอกจากนี้ ที่พักในละแวก "นากาโนะชิมะ (中之島)" ที่มีแม่น้ำโดจิมะกาวะและแม่น้ำโทซะโบริกาวะไหลผ่าน ก็น่าสนใจเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นย่านออฟฟิศที่เต็มไปด้วยตึกสูง แต่ก็มีสถาปัตยากรรมที่สัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์อย่าง "หอสมุดโอซาก้านากาโนะชิมะ (大阪府立中之島図書館)" "หอประชุมกลางแห่งเมืองโอซาก้า (大阪市中央公会堂)" ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ และ "สวนสาธารณะนากาโนะชิมะ (中之島公園)" ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ เป็นย่านยอดนิยมที่มีคาเฟ่น่ารักๆ เรียงรายอยู่ริมแม่น้ำ

ไม่ว่าคุณจะหาที่พักโดยเลือกจากพื้นที่ที่ต้องการ การให้บริการของโรงแรม หรืองบประมาณ หากเป็นโอซาก้าเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่นฝั่งตะวันตกแล้วล่ะก็ รับรองได้ว่าจะต้องมีที่พักที่ถูกใจคุณอย่างแน่นอน
 

・โรงแรม

โดยปกติแล้ว เรทราคาค่าห้องพักของโรงแรมในญี่ปุ่นจะอยู่ที่ประมาณ 8,000-20,000 เยน (ต่อคืนต่อคน) แม้ว่าโรงแรมแต่ละแห่งจะมีบริการที่ต่างกันไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีพนักงานต้อนรับ ที่คุณสามารถสอบถามข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ในพื้นที่ได้ เช่น ร้านอาหารแนะนำและวิธีการเดินทางไปร้านเหล่านั้น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พนักงานต้อนรับที่สามารถพูดภาษาอื่นนอกเหนือจากภาษาญี่ปุ่นได้ก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้สามารถใช้บริการได้สะดวกยิ่งขึ้น ที่พักที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่โรงแรมที่เพียบพร้อมไปด้วยร้านอาหารและโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ ไปจนถึงโรงแรมในตัวเมืองราคาประหยัดที่มีความกะทัดรัด การที่สามารถเลือกพักตามงบประมาณและจุดประสงค์ในการใช้งานได้นั้น นับว่าเป็นข้อดีของที่พักแบบโรงแรม

・เรียวกัง

ที่พักสไตล์ญี่ปุ่นหรือที่รู้จักกันในชื่อ "เรียวกัง" มีเรทค่าเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 10,000-20,000 เยน (ต่อคืนต่อคน) เรียวกังแต่ละแห่งมักจะมีเซอร์วิสที่ต่างกันไป แต่โดยปกติแล้วจะมีเสื่อทาทามิ ชุดยูกาตะ ออนเซ็น สวนญี่ปุ่น และบ้านทรงญี่ปุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น มีเสน่ห์เป็นการที่คุณจะสามารถสัมผัสถึงความเป็นญี่ปุ่นได้ในทุกขณะ ตั้งแต่การรับประทานอาหารญี่ปุ่นภายในห้องที่มีมนต์เสน่ห์แบบโบราณ ไปจนถึงการเพลิดเพลินไปกับการตกแต่งภายในสไตล์ญี่ปุ่นที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล หากเป็นเรียวกังที่มีโรงอาบน้ำขนาดใหญ่แล้วล่ะก็ จะสามารถลงแช่เพื่อผ่อนคลายร่างกายที่เหนื่อยล้าได้อีกด้วย

・โรงแรมธุรกิจ

สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าที่พัก เราขอแนะนำให้เข้าพักที่ "โรงแรมธุรกิจ" ซึ่งมีเรทค่าเข้าพักอยู่ที่ 6,000-10,000 เยน (ต่อคืนต่อคน) ค่อนข้างถูกกว่าเทียบกับโรงแรมและเรียวกัง เหตุที่สามารถมีราคาที่ถูกเช่นนี้ได้ก็เนื่องจากเป็นที่พักที่เน้นบริการเฉพาะ "ห้องพัก" เท่านั้น ถึงจะราคาถูกแต่ภายในห้องพักก็เพียบพร้อมไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน

เดิมทีเป็นที่พักที่เน้นให้บริการกับเหล่านักธุรกิจในญี่ปุ่น โรงแรมธุรกิจหลายๆ แห่งจึงมีตำแหน่งที่ตั้งที่สะดวก ใกล้กับสถานีรถไฟต่างๆ แม้ว่าจะมีราคาถูก แต่ก็สะอาดและสะดวกสบาย ทำให้ในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ โรงแรมธุรกิจได้กลายมาเป็นที่นิยมของเหล่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมาก
 

・โรงแรมแคปซูล

"โรงแรมแคปซูล" โรงแรมอันมีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นที่เราอยากให้คุณได้ลองไปสัมผัสดูสักครั้ง มีเรทค่าเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 2,500-5,000 เยน (ต่อคืนต่อคน) เป็นที่พักง่ายๆ ที่มีขนาดกว้างพอสำหรับนอนได้เพียงคนเดียว เดิมทีเน้นให้บริการกับเหล่าพนักงานออฟฟิศที่พลาดรถไฟเที่ยวสุดท้าย แต่ในปัจจุบันได้กลายมาเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางอย่างประหยัด ช่วงปีหลังๆ มานี้้ มีโรงแรมแคปซูลรูปแบบใหม่ที่เน้นความสะดวกสบายเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่โรงแรมแคปซูลแบบง่ายๆ ที่เน้นความประหยัด ไปจนถึงโรงแรมแคปซูลที่มีดีไซน์โดดเด่น มีเตียงที่นอนสบาย และเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก

・เกสเฮ้าส์

เกสเฮ้าส์ ที่พักยอดนิยมของเหล่าแบคแพคเกอร์ มีเรทค่าเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 3,000-7,000 เยน (ต่อคืนต่อคน) นอกจากจะมีราคาถูกแล้ว ยังมีเสน่ห์ตรงที่มีพื้นที่ส่วนรวมให้สามารถเพลิดเพลินไปกับการพูดคุยกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ หรือผู้คนในท้องที่ได้ด้วย พักหลังนี้เกสเฮ้าส์หลายๆ แห่งได้มีคาเฟ่หรือบาร์อยู่ในตัวด้วย ทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับการพูดคุยกับเจ้าของร้านและแขกในพื้นที่ พลางสัมผัสการให้บริการที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่นั้นๆ ได้


※ค่าเข้าพักอาจมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงไฮซีซั่น

ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวในโอซาก้า

โอซาก้าเป็นเมืองที่มีพัฒนาการด้านการคมนาคมสูง ในขณะเดียวกันจึงทำให้มันมีสถานีเยอะจนไม่รู้ว่าจะเลือกเส้นทางไหนดี หากหลงทางขึ้นมา ขอแนะนำให้ลองติดต่อศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวดู  ที่หนึ่งในบรรดาศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวที่มีอยู่อย่างมากมาย โดยแนะนำให้ใช้บริการสถานที่ที่ได้รับการรับรองจาก JNTO (กรมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น) ได้มีการแบ่งศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวออกเป็นหลายสาขา โดยแบ่งตามสถานที่ตั้ง และจุดประสงค์ในการให้บริการ
ในส่วนนี้เราจะขอแนะนำศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว 3 แห่ง ซึ่งล้วนรองรับภาษาอังกฤษ และยังมีบางแห่งที่รองรับภาษาอื่นๆ ด้วย ทั้งยังสามารถใช้บริการได้อย่างสะดวก เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วตั้งอยู่ในย่านที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

ลองมาใช้บริการศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว เพื่อช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่นดูสิ

・KANSAI TOURIST INFORMATION CENTER KANSAI INTERNATIONAL AIRPORT [สนามบินนานาชาติคันไซ]

ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวทั่วทั้งญี่ปุ่น รองรับภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาเกาหลี ตั้งอยู่บนชั้น 1 เทอร์มินอล 1 ของสนามบินนานาชาติคันไซ เนื่องจากจำหน่ายบัตรผ่านรถไฟและตั๋วที่เกี่ยวกับการเดินทางสำหรับชาวต่างชาติ รวมไปถึงตั๋วเข้า Universal Studios Japan จึงมีความสะดวกเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นจุดแลกเงินที่รองรับเงิน 33 สกุล และสามารถติดต่อจองโรงแรมทั่วประเทศได้

ภาษาญี่ปุ่น : https://www.kansai-airport.or.jp/service/general/02.html
ภาษาอังกฤษ : https://www.kansai-airport.or.jp/en/service/general/02.html

・Hankyu Tourist Center, OSAKA-UMEDA [อุเมดะ]

ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวที่บริหารงานโดยรถไฟฮันคิว รถไฟที่เชื่อมโยงเกียวโตเข้ากับเฮียวโงะของโอซาก้า ตั้งอยู่ใน "สถานีอุเมดะ" ของรถไฟสายฮันคิว มีการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและการเดินทางโดยพนักงานที่พูดได้หลายภาษา แจกแผ่นพับที่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ให้ยืมเช่า Wi-Fi เราท์เตอร์ และมีบริการให้เช่าชุดยูกาตะ (เหมือนกันทั้งชายและหญิง) เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ภาษาญี่ปุ่น : http://www.hankyu.co.jp/area_info/tourist/
ภาษาอังกฤษ : http://www.hankyu.co.jp/global/en/help/tourist_center/index.html

・NAMBA MATCH [นัมบะ]

ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ใน "นัมบะนันไกโดริ (なんば南海通)" ย่านการค้าของนัมบะในโอซาก้า มีพนักงานที่รองรับภาษาอังกฤษและภาษาจีน (อาจมีภาษาเกาหลีด้วยในบางช่วงเวลา) สามารถสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวและวิธีการเดินทางได้จากพนักงาน หรือจะค้นหาข้อมูลในพื้นที่ด้วยตัวเองโดยใช้แท็บเล็ตของที่นี่ก็สามารถทำได้ อีกทั้งยังสามารถสอบถามข้อมูลร้านค้าและแหล่งช็อปปิ้งที่คนในพื้นที่กำลังให้ความสนใจอยู่ได้อีกด้วย

ภาษาญี่ปุ่น : https://osaka-info.jp/page/tourist-information-center-namba-match
ภาษาอังกฤษ : https://osaka-info.jp/en/page/tourist-information-center-namba-match

วิธีรับมือเมื่อเกิดปัญหา

・สถานพยาบาล

เมื่อเกิดเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บในขณะอยู่ในญี่ปุ่น ขอแนะนำให้เข้าใช้บริการเว็บไซต์ด้านล่าง ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่สามารถค้นหาสถานพยาบาลกว่า 900 แห่งทั่วญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมี "คู่มือการใช้บริการสถานพยาบาล" ให้คุณได้ดาวน์โหลด ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเข้ารับการรักษา ข้อควรระวัง แผนภาพอธิบายอาการของโรค วิธีการรับมือกับแผ่นดินไหว และข้อมูลที่มีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย

ภาษาญี่ปุ่น : https://www.jnto.go.jp/emergency/jpn/mi_guide.html
ภาษาอังกฤษ : https://www.jnto.go.jp/emergency/eng/mi_guide.html

・ป้อมตำรวจ

เมื่อทำของหาย หลงทาง พบมิจฉาชีพ หรือมีปัญหาอื่นๆ ขอแนะนำให้ไปที่ป้อมหรือสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด เว็บไซต์ด้านล่างนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับคำถามที่พบบ่อย และแผนที่ตำแหน่งป้อมตำรวจในโอซาก้า ขอแนะนำให้เช็คไว้ก่อนเพื่อที่จะได้เดินทางได้อย่างสบายใจ

▼เว็บไซต์ของ「กรมตำรวจโอซาก้า」
ภาษาญี่ปุ่น : https://www.police.pref.osaka.lg.jp/sogo/oshirase/1/889.html
ภาษาอังกฤษ : https://www.police.pref.osaka.lg.jp/foreign_languag_selection/english/index.html
อื่นๆ:https://www.police.pref.osaka.lg.jp/foreign_languag_selection/other/index.html

・สถานที่รองรับชาวมุสลิม

สำหรับผู้ที่ต้องการหาร้านอาหารที่รองรับมุสลิม ขอแนะนำให้ใช้บริการเว็บไซต์ด้านล่าง สามารถค้นหาร้านที่คุณต้องการได้ด้วยการใส่คีย์เวิร์ด สถานที่ตั้ง หรือประเภทของร้าน

▼เว็บไซต์ของ「Halal Gourmet Japan」(ภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาอังกฤษเป็นการแปลอัตโนมัติโดย Google)
ภาษาญี่ปุ่น : https://www.halalgourmet.jp/ja/list?q%5Blocation_id_eq%5D=27
ภาษาอังกฤษ : https://www.halalgourmet.jp/list?q%5Blocation_id_eq%5D=27

Klook.com

การเดินทางจากโอซาก้าไปยังจังหวัดอื่นๆ

คุณสามารถเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ของญี่ปุ่นอย่างฮอกไกโด โตเกียว ฟุกุโอกะ และโอกินาว่า ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นชินคันเซ็น เครื่องบิน หรือรถบัส

● ชินคันเซ็น
หากใช้ JAPAN RAIL PASS แบบ 7 วันในราคา 29,110 เยน หรือแบบ 14 วันในราคา 46,390 เยน (ราคาผู้ใหญ่ สำหรับสายปกติ) แล้วล่ะก็ คุณจะสามารถนั่งรถไฟและรถบัสของบริษัท JR รวมไปถึงชินคันเซ็นได้อย่างไม่จำกัดภายในระยะเวลาดังกล่าว ทำให้ประหยัดค่าเดินทางลงไปได้มาก การซื้อข้าวกล่องสถานีไปนั่งรับประทานบนรถไฟ พลางชมวิวทิวทัศน์ไปอย่างสบายๆ ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย

● เครื่องบิน
แม้จะต้องขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่างสนามบินกับจุดมุ่งหมายของคุณ แต่โดยปกติแล้วเครื่องบินเป็นพาหนะที่สามารถเดินทางในระยะไกลๆ ได้รวดเร็วที่สุด การได้สัมผัสบริการที่แตกต่างกันไปของแต่ละสายการบินของญี่ปุ่น ก็ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินทางโดยเครื่องบิน ในพักหลังนี้สายการบินราคาประหยัดเองก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จึงสามารถเดินทางไปเมืองอื่นๆ ได้อย่างประหยัดและรวดเร็ว นอกจากนี้ ในช่วงเวลากลางดึกหรือเช้าตรู่ ยังอาจสามารถเดินทางไปกลับระหว่างโอซาก้ากับเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียว ฮอกไกโด และโอกินาว่าได้ในราคาเพียงประมาณ 5,000 เยนอีกด้วย

● รถบัสความเร็วสูง
สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เราขอแนะนำให้ใช้บริการรถบัสความเร็วสูง แม้ว่าจะใช้เวลาในการเดินทางมากกว่าชินคันเซ็นและเครื่องบิน แต่ก็มีราคาที่ถูกกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง สามารถเดินทางได้ด้วยเงินเพียงแค่ไม่กี่พันเยน ในช่วงที่ราคาต่ำที่สุด ตั๋วจากโอซาก้าไปโตเกียวอาจมีราคาอยู่ที่เพียง 1,500 เยน หากเดินทางตอนกลางคืนยังจะสามารถนอนบนรถและประหยัดค่าที่พักไปได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดและใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด นอกจากนี้ ช่วงที่รถจอดพักตามจุดพักรถ คุณยังจะได้มีโอกาสลิ้มลองเมนูเด็ดของท้องที่นั้นๆ เรียกได้ว่าเป็นข้อดีที่ไม่มีใครเหมือนของรถบัสความเร็วสูง ลองสำรวจจุดหมายและวางงบประมาณไว้ล่วงหน้า แล้วเพลิดเพลินไปกับการเดินทางที่คุ้มค่าและสะดวกสบายดูสิ

※ราคาอาจต่างไปตามฤดูกาลและปลายทาง

・ชินโอซาก้า - ฮอกไกโด(ฮาโกดาเตะ)

ชินคันเซ็น : ประมาณ 7 ชั่วโมง 30 นาที(สถานีโอซาก้า - สถานีชินโอซาก้า - โทไคโดชินคันเซ็น・สถานีโตเกียว - สถานีชินฮาโกดาเตะโฮคุโตะ - สถานีฮาโกดาเตะ)
เครื่องบิน : ประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที(สถานีโอซาก้า - สนามบินนานาชาติโอซาก้า (สนามบินอิตามิ) - สนามบินฮาโกดาเตะ - สถานีฮาโกดาเตะ)

・ชินโอซาก้า - โตเกียว(โตเกียว)

ชินคันเซ็น : ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที(สถานีชินโอซาก้า - สถานีโตเกียว)
เครื่องบิน : ประมาณ 3 ชั่วโมง(สถานีชินโอซาก้า - สนามบินนานาชาติโอซาก้า (สนามบินอิตามิ) - สนามบินฮาเนดะ - สถานีโตเกียว)
รถบัสความเร็วสูง : ประมาณ 8 ชั่วโมง(เทอร์มินอลรถบัสในเมืองโอซาก้า - เทอร์มินอลรถบัสในกรุงโตเกียว)

・ชินโอซาก้า - ฟุกุโอกะ(ฮากาตะ)

ชินคันเซ็น : ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที(สถานีชินโอซาก้า - สถานีฮากาตะ)
สนามบิน : ประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที(สถานีโอซาก้า - สนามบินนานาชาติคันไซ - สนามบินฟุกุโอกะ - สถานีฮากาตะ)

・ชินโอซาก้า - โอกินาว่า(นาฮะ)

เครื่องบิน : ประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที(สถานีชินโอซาก้า - สนามบินนานาชาติโอซาก้า (สนามบินอิตามิ) - สนามบินนาฮะ)


※ทั้งหมดเป็นเวลาขั้นต่ำ เวลาที่ใช้ในการเดินทางอาจต่างออกไปตามช่วงเวลาและสภาพการจราจร

 

 

โอซาก้าเป็นจังหวัดที่หนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั้งในและนอกประเทศ เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยว กิน หรือช็อป จนอาจทำให้หลายๆ คนลังเลได้ว่าควรทำอะไรดีเมื่อมาเที่ยวที่นี่ ลองศึกษาข้อมูลของโอซาก้าจากคู่มือนี้ และทำให้ทริปของคุณเป็นทริปที่ราบรื่น สะดวกสบาย และคุ้มค่ากันเถอะ

นอกจากนี้ โอซาก้ายังอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์และบ้านเมืองแบบสมัยก่อนอย่าง "เกียวโต" และ "นารา" ในระยะที่สามารถเดินทางไปได้ง่ายๆ โดยรถไฟ การวางแผนเที่ยวเกียวโตหรือนาราไปพร้อมๆ กับโอซาก้าก็ดูน่าสนใจเช่นกัน


※ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูล ณ วันที่เผยแพร่
 

มนต์เสน่ห์คันไซ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Chisa
Chisa Nishimura
เป็นคนเกียวโต ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ ไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะ และการวิ่ง
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร