จุดเด่นและประสบการณ์ห้ามพลาดของยามากุจิ จังหวัดที่มีทั้งวัฒนธรรม ธรรมชาติ และอาหารอร่อย

ยามากุจิเป็นจังหวัดที่มีวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทิวทัศน์ธรรมชาติ และอาหารอร่อยให้สัมผัสมากมาย ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 3 สถานที่สัมผัสประสบการณ์อันโดดเด่นของยามากุจิ พร้อมกับแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยแบ่งตาม 4 ละแวกหลักๆ ของยามากุจิ

* บทความนี้เขียนขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจากสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิ

ละแวกยามากุจิและ Hofu - สัมผัสวัฒนธรรม Ouchi ที่มีความสากล

หากคุณสนใจสิ่งก่อสร้างที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ก็ไม่ควรพลาดละแวกยามากุจิและ Hofu ที่อยู่ใจกลางจังหวัดยามากุจิ
สามารถเดินทางถึงได้ง่ายๆ โดยนั่งรถไฟชินคันเซ็นสาย Sanyo ไปลงที่สถานที่ Shinyamaguchi ที่อยู่ภายในเมืองยามากุจิ

ละแวกนี้เคยรุ่งเรืองไปด้วยวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์ที่เรียกว่า "วัฒนธรรม Ouchi" ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 14 ถึงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 รวมระยะเวลาราว 200 ปี
วัฒนธรรม Ouchi เป็นวัฒนธรรมที่มีความสากล สร้างขึ้นโดยตระกูล Ouchi ที่มีฐานหลักอยู่ในยามากุจิและมีอิทธิพลมากในญี่ปุ่นตะวันตก
ตระกูล Ouchi นอกจากจะรับใช้ระบบการปกครองแบบญี่ปุ่นที่มีจักรพรรดิและโชกุนเป็นศูนย์กลางแล้ว ยังได้ติดต่อแลกเปลี่ยนกับวัฒนธรรมภายนอกอย่างจักรวรรดิเกาหลี ราชวงศ์หมิง และอาณาจักรริวกิวอยู่บ่อยครั้ง

พื้นหลังดังกล่าวทำให้วัฒนธรรม Ouchi มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง โดยเกิดจากการผสมกันของสไตล์แผ่นดินใหญ่และสไตล์เกียวโตที่เป็นศูนย์กลางของญี่ปุ่นในยุคนั้น ดังที่เห็นได้จากอาคารหลักของวัด Ryufukuji และเจดีย์ห้าชั้นของวัด Rurikoji (*) ซึ่งล้วนแต่เป็นสมบัติชาติของญี่ปุ่น

* สำหรับเจดีย์ห้าชั้นของวัด Rurikoji ในปี 2025 นี้กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนหลังคาไม้ฮิโนกิแบบทั้งหลัง ซึ่งไม่ได้ทำมาแล้วกว่า 70 ปี และมีกำหนดการณ์ที่จะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนมีนาคมปี 2026

นอกจากนี้ ละแวกยามากุจิและ Hofu ก็ยังมีสถานที่ที่สัมผัสได้ถึงความเป็นญี่ปุ่นและเกียวโต เช่น ศาลเจ้า Hofu Tenmangu ที่สร้างขึ้นปี 904 และวิวบ้านเมือง Nisho no Kyo ที่กล่าวกันว่าออกแบบขึ้นโดยลอกแบบมาจากเกียวโต เป็นสไตล์ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากสไตล์ Ouchi

หลังจากเที่ยวชมเสร็จแล้ว ก็ขอแนะนำให้ไปผ่อนคลายที่ Yuda Onsen ย่านออนเซ็นที่มีตำนานว่าเคยรักษาบาดแผลให้กับจิ้งจอกสีขาว
Yuda Onsen มีชื่อเสียงด้านปริมาณน้ำที่อุดมสมบูรณื ภายในบริเวณเต็มไปด้วยที่พักออนเซ็น รวมถึงบ่อแช่เท้าและบ่อแช่ไปกลับที่สามารถเข้าใช้บริการได้อย่างง่ายๆ

ประสบการณ์พิธีชงชาและทำขนมญี่ปุ่น - ความเป็นญี่ปุ่นที่มีให้สัมผัสที่ Yuda Onsen

LAWAKU ตั้งอยู่ใน Yuda Onsen เป็นสถานที่ที่สามารถสัมผัสรสนิยมความงามแบบญี่ปุ่นผ่านขนมญี่ปุ่น

ขนมญี่ปุ่นสวยงามไปด้วยสีสันที่สดใสแและการตกแต่งอันละเอียดอ่อน เป็นการแสดงออกถึงความสวยงามตามฤดูกาลของญี่ปุ่น ผ่านไซส์เล็กๆ ที่มีขนาดประมาณฝ่ามือ

LAWAKU จะให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ทำ Nerikiri ขนมจากถั่วที่มีรสสัมผัสนุ่มๆ และให้รสหวานหรูหรา
สามารถทำและลิ้มรส Nerikiri ที่อ่อนโยนต่อร่างกาย ซึ่งแต่งสีสันโดยใช้ผงสกัดจากผักและผลไม้
คุณจะได้จดจ่อไปกับขนมญี่ปุ่นชิ้นเล็กๆ เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำอย่างแน่นอน

นอกจากประสบการณ์ทำขนมญี่ปุ่นแล้ว LAWAKU ยังมีประสบการณ์กิโมโนและพิธีชงชาให้สัมผัสเช่นกัน
โดยมีคอร์สให้เลือกหลากหลายตามความสนใจ เช่น คอร์สสวมชุดกิโมโนและสัมผัสพิธีชงชา และคอร์สเดินชมย่านออนเซ็นพลางสวมชุดกิโมโน

สามารถชมตัวอย่างของประสบการณ์ดังกล่าวได้ที่คลิปด้านล่างนี้

www.youtube.com/watch?v=8UUFiD9ofis

ละแวก Shimonoseki, Akiyoshidai, และ Ube - ชมทิวทัศน์ธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์

ละแวก Shimonoseki, Akiyoshidai, และ Ube อยู่ทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดยามากุจิ เป็นบริเวณที่เหมาะมากสำหรับการเที่ยวชมธรรมชาติสวยๆ

Akiyoshidai เป็นจุดชมวิวอันดับต้นๆ ของยามากุจิ แผ่กว้างไปด้วยที่ราบสูงหินคาสต์ที่กว้างใหญ่ เกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝนและน้ำบาดาลเป็นระยะเวลานาน สามารถรับชมได้ทั้งทิวทัศน์แผ่นดินสีเขียวขจีในฤดูร้อน และทิวทัศน์สวยงามของหญ้าซุซุกิที่ระยิบระยับไปด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็นของฤดูใบไม้ร่วง

เมือง Mine เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ Akiyoshidai ทั่วทั้งเมืองนี้ถูกระบุให้เป็น Mine Akiyoshidai Geopark และเปิดให้บริการทัวร์บอกเล่าประวัติศาสตร์ของ Akiyoshidai โดยไกด์มืออาชีพ ทัวร์นี้รองรับทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี ไกด์จะพาคุณไปเรียนรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของ Akiyoshidai และวิถีชีวิตของผู้คนที่ใช้ประโยชน์จากความอุดมสมบูรณ์ของบริเวณนี้

สำรวจถ้า Akiyoshido - ผลงานศิลปะจากธรรมชาติอันยิ่งใหญ่

Akiyoshido เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น แผ่กว้างอยู่ลึกลงไป 100 เมตรใต้อุทยานแห่งชาติ Akiyoshidai
มีเส้นทางยาวถึง 11.2 กิโลเมตร และให้บริการคอร์สทัศนศึกษาที่มีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร

ภายในถ้ำมีอุณหภูมิ 17 องศาเซลเซียสตลอดสี่ฤดูกาล ช่วยให้รู้สึกเย็นสบายในฤดูร้อนและอบอุ่นในฤดูหนาว
มีไฮไลท์เป็น Hyakumai Sara รูปทรงหินสวยงามที่ดูเหมือนกับทุ่งนาขั้นบันได

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้น ก็ขอแนะนำให้ใช้บริการคอร์สผจญภัย (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ที่จะให้คุณได้ถือไฟฉายและปีนบันไดลัดเลาะไปตามช่องว่างของหินย้อย

ปกติแล้วภายในถ้ำนี้จะฉายไฟด้วยแสงสีขาว และยังมีอีเวนต์จำกัดช่วงเวลา Hikari Hibiki Fantasy ที่ห้ามพลาดอย่างยิ่ง
ในช่วงอีเวนต์นี้ภายในถ้ำจะแปลงโฉมเป็นโลกแฟนตาซีที่น่าหลงใหล ประดับประดาไปด้วยไฟหลากสีและเสียงเอฟเฟกต์ ซึ่งรังสรรค์ขึ้นโดยคุณ Ishii Motoko ดีไซเนอร์แสงไฟระดับโลกที่มีส่วนร่วมในการจัดแสงไฟให้กับโตเกียวทาวเวอร์และสะพาน Akashi Kaikyo

เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่มองเห็นวิวช่องแคบ Kanmon

เมือง Shimonoseki ตั้งอยู่สุดขอบตะวันตกของเกาะหลักญี่ปุ่น เป็นบริเวณที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่มองเห็นวิวช่องแคบ Kanmon เช่น ศาลเจ้า Akama Jingu ที่สดใสไปด้วยซุ้มประตู Suitenmon สีแดงสด และตลาด Karato ที่มีปลาปักเป้าและอาหารทะเลสดใหม่ให้ลิ้มลอง

ละแวก Shimonoseki, Akiyoshidai, และ Ube นี้สามารถเดินทางมาถึงได้โดยนั่งรถไฟชินคันเซ็นสาย Sanyo ไปลงที่สถานี Shinshimonoseki (เมือง Shimonoseki) หรือไม่ก็นั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบิน Yamaguchi Ube

ละแวก Iwakuni, Yanai, และ Shunan - สัมผัสบรรยากาศแบบเมืองชานปราสาท

ละแวก Iwakuni, Yanai, และ Shunan อยู่ทางฝั่งตะวันออกของจังหวัดยามากุจิ เต็มไปด้วยสถานที่ที่มีบรรยากาศแบบยุคเอโดะ (ปี 1603 - 1868) เช่น ปราสาท Iwakuni และเขต Kanaya เมืองเก่าที่เรียงรายไปด้วยวิวกำแพงสีขาวของบ้านพ่อค้า

จุดห้ามพลาดของบริเวณนี้คือ Kintaikyo สะพานไม้ทรงโค้งห้าต่อที่สร้างขึ้นในปี 1673 มีความยาวประมาณ 200 เมตร โดยจะถูกแต่งแต้มสีสันไปด้วยธรรมชาติของสี่ฤดูกาล ทั้งซากุระกว่า 1,500 ต้นในฤดูใบไม้ผลิ พรรณไม้สีเขียวในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และวิวหิมะในฤดูหนาว

ช่วงเปิดไฟไลท์อัพยามค่ำคืนก็ห้ามพลาดเช่นกัน สะพานโค้งจากการลงสลักไม้ที่ละเอียดอ่อนจะถูกส่องสะท้อนไปด้วยแสงไฟ เกิดเป็นเสน่ห์ที่แตกต่างไปจากช่วงกลางวัน
ไฟไลท์อัพนี้จะจัดขึ้นในช่วงปลายมีนาคมถึง 1 มิถุนายน และต้นสิงหาคมถึงกลางมกราคม โดยจะมีสีไฟแตกต่างไปตามวันและช่วงเวลา

นอกจากสถานที่ทางประวัติศาสตร์ดังกล่าวแล้ว ละแวกนี้ก็ยังมีเสน่ห์เป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่นเกาะ Suo Oshima ที่ลอยอยู่บนทะเลใน Seto อันสวยงาม เป็นเกาะที่มีคาเฟ่แนวรีสอร์ทมากมาย รวมถึงสถานที่สัมผัสประสบการณ์กลางแจ้งอย่างจุดตั้งแคมป์และเขตเล่นน้ำทะเล

ละแวก Iwakuni, Yanai, และ Shunan นี้สามารถเดินทางมาถึงได้โดยนั่งรถไฟชินคันเซ็นสาย Sanyo ไปลงที่สถานี Shiniwakuni (เมือง Iwakuni) หรือสถานี Tokuyama (เมือง Shunan) หรือไม่ก็นั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบิน Iwakuni Kintaikyo

สัมผัสความอุดมสมบูรณ์ของ Setouchi ผ่านประสบการณ์ซาวน่าและบาร์บีคิว

Shiokatsu Harbor เป็นจุดที่สามารถดื่มด่ำธรรมชาติของ Setouchi ได้ทั้งภายนอกและภายในร่างกาย ผ่านประสบการณ์บาร์บีคิวและซาวน่าถังไม้เต็มรูปแบบ
คุณจะได้อบอุ่นร่างกายไปกับซาวน่าส่วนตัวที่ปรับอุณหภูมิได้ตามชอบ พลางชมวิวท่าเรือแบบหมู่บ้านชาวประมง และวิวสวยๆ ของทะเลใน Seto ที่มีเกาะน้อยใหญ่ลอยอยู่กว่า 3,000 เกาะ

หลังจากเสียเหงื่อไปกับซาวน่าแล้ว ก็สามารถชาร์จแร่ธาตุกลับคืนได้โดยแช่น้ำเย็นๆ ตามธรรมชาติที่ดูดขึ้นมาจากใต้ท้องทะเล 
จากนั้นก็ขอแนะนำให้ลิ้มรสบาร์บีคิวจากไก่แบรนด์ยามากุจิ ปลาหมึกสดใหม่ และอาหารทะเลอื่นๆ ที่จับขึ้นมาจากทะเลใน Seto โดยจะปรุงรสด้วยเกลือที่ทำขึ้นจากน้ำพุใต้ท้องทะเล นอกจากนี้ก็ยังมีรถบ้านให้เช่าพักค้างคืนอีกด้วย

ละแวก Hagi และ Nagato - เที่ยวชมสมบัติโลกและเทือกเขาแอลป์บนผิวทะเล

ละแวก Hagi และ Nagato อยู่ทางภาคเหนือของจังหวัดยามากุจิ เป็นบริเวณที่สามารถชมเมืองชานปราสาท Hagi, เตาเผา Hagi Hansharo, ร่องรอยท่าต่อเรือ Ebisugahara, และร่องรอยโรงผลิตเหล็ก Oitayama Tatara ซึ่งล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก "มรดกการปฏิวัติอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นยุคเมจิ"

ละแวก Hagi และ Nagato นี้สามารถเดินทางมาถึงได้โดยนั่งรถบัสประมาณ 70 นาทีจากสถานี JR Shinyamaguchi ไปลงที่สถานี Higashihagi หรือไม่ก็นั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบิน Hagi Iwami เหมาะมากสำหรับแวะมาก่อนหรือหลังการสัมผัส 3 ประสบการณ์ที่เราได้แนะนำไปข้างต้น

หากได้เดินทางมาที่ละแวกนี้ก็ขอแนะนำให้แวะไปที่เกาะ Omijima ด้วยเช่นกัน เป็นบริเวณที่มีทิวทัศน์อันโดดเด่นที่ถูกเรียกว่า "แอลป์บนผิวทะเล"
แม้ว่าเกาะนี้จะอยู่บนทะเลญี่ปุ่น แต่ก็มีสะพานเชื่อมต่อกับเกาะหลักญี่ปุ่น จึงสามารถรองรับการเดินทางทางบกได้ด้วย

ทิศตะวันออก ตะวันตก และเหนือของเกาะนี้แผ่กว้างไปด้วยทิวทัศน์อันยิ่งใหญ่จากเสาหินและผาชัน ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของคลื่นที่เชี่ยวกรากของทะเลญี่ปุ่น
คุณสามารถเที่ยวชมบริเวณนี้ได้ 2 รูปแบบ ทั้งการนั่งเรือท่องเที่ยว Omijima เพื่อชื่นชมจากบนทะเล และการเดินตามเส้นทางสำรวจธรรมชาติ Omijima เพื่อชื่นชมจากบนบก

นอกจากนี้ หากนั่งรถยนต์อีกประมาณ 40 นาทีก็จะสามารถเดินทางไปยังศาลเจ้า Motonosumi อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน
ศาลเจ้านี้ถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งใน "31 สถานที่ที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น" โดย CNN เมื่อปี 2015 แผ่กว้างไปด้วยทิวทัศน์อันยอดเยี่ยมจากการตัดกันของทะเลญี่ปุ่นสีฟ้า พืชพรรณสีเขียว และแนวโทริอิสีแดงสด

หากได้สัมผัสประสบการณ์ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว ก็จะช่วยให้เรียนรู้วัฒนธรรมและภูมิลักษณ์ของญี่ปุ่นได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น หากมีประสบการณ์ที่คุณรู้สึกสนใจ ก็ขอแนะนำให้เพิ่มลงไปในแผนเที่ยวยามากุจิของคุณ รับรองว่าจะกลายเป็นความทรงจำที่ลืมไม่ลงอย่างแน่นอน

มนต์เสน่ห์ชูโกคุ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

ikumiwatanabe
ikumiwatanabe
เป็นคนจังหวัดชิบะ ชื่นชอบสาเกและงานฝีมือประจำภูมิภาคที่แต่ละคนบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ในช่วงวันหยุดยาวชอบใช้เวลาตกปลาในทะเลเซโตะ
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร