ทริปพิเศษกับคนพิเศษ : 3 วัน 2 คืนใน 'คาตะยามะสุออนเซ็น' เมืองแห่งแสง สี และสายธาร

เที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ ลองออกจากเมืองที่แสนวุ่นวาย แล้วมายืดเส้นยืดสายผ่อนคลายความเครียดกันหน่อยไหมคะ? สำหรับบทความนี้เราขอแนะนำ คาตะยามะซุออนเซ็น ณ หมู่บ้านคากะออนเซ็นที่แสนโด่งดัง ที่นี่นอกจากจะมีบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งให้ผ่อนคลายแล้ว ยังห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบ และภูมิทัศน์แสนสวยงามมากมาย ถ้าได้ไปกับคนที่คุณรักแล้ว รับรองว่าจะต้องเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืมแน่นอนค่ะ :)

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

※บทความนี้เขียนร่วมกับบริษัท ฮังคิว ทราเวล จำกัด

เมื่อหลายเดือนก่อน แฟนหนุ่มได้มาบอกว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวด้วยกันเลยน้า~ คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ไม่กี่วันต่อมา ฉันก็ตื่นเต้นราวกับนักเรียนประถมที่กำลังจะไปทัศนศึกษาเลยล่ะ อดใจรอไม่ไหวแล้ว ><  

พวกเราเลือกจะไปที่ที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่แสนวุ่นวาย ในทันทีที่ไฟลต์จากไต้หวันของพวกเรามาถึงยังสนามบินโคมัทสึ ก็ราวกับมีประตูวิเศษที่พาเราไปพบกับทัศนียภาพอันแสนงดงาม

คาตะยามะซุออนเซ็น (片山津温泉) เป็นย่านออนเซ็นที่มีชื่อเสียงย่านหนึ่งในหมู่บ้านคากะออนเซ็น (加賀温泉) ห้อมล้อมไปด้วยภูมิทัศน์ริมทะเลสาบอันแสนสวยงาม อย่างเช่นภูเขาฮาคุซัง (白山) นอกจากนี้ยังว่ากันว่าริมทะเลสาบชิบะยามะกะตะ (柴山潟) นั้น มีทิวทัศน์งดงามที่เปลี่ยนสีถึงเจ็ดสีในหนึ่งวันอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นที่ที่สามารถมาใช้เวลาผ่อนคลายและสงบจิตสงบใจได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ 

ท่ามกลางที่พักริมทะเลสาบมากมาย สำหรับทริปนี้พวกเราได้เลือกพักที่ 'คะซุยเคียว' เรียวคัง หรือ โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น ที่ซึ่งมีบรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย ภายในเรียวคังมีทั้งอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่บนดาดฟ้า และบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้ง เรียกได้ว่าห้องพักของที่นี่ดีอย่างไร้ที่ติเลยค่ะ

※การเดินทางไปยังสนามบินโคมัทสึนั้น แม้จะไม่มีไฟลต์บินตรงจากประเทศไทย แต่สามารถเปลี่ยนเครื่องได้ที่สนามบินนาริตะค่ะ
   รายละเอียดเที่ยวบินจากสนามบินนาริตะ :https://www.komatsuairport.jp/index_en.html (ภาษาอังกฤษ)

※วิธีการเดินทางด้วยรถไฟ : ลงที่สถานี JR Kagaonsen แล้วนั่งบัสหรือแท็กซี่ต่อประมาณ 15-20 นาที โดยการเดินทางไปยังสถานี  Kagaonsen จากเมืองใหญ่ต่างๆ มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ
   จากสถานี JR Tokyo นั่งชินคันเซ็น หรือ รถด่วน Shirasagi ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง10 นาที
   จากสถานี JR Osaka นั่งรถด่วน Thunderbird ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที
   จากสถานี JR Nagoya นั่งรถด่วน Shirasagi  ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
(อ้างอิงจากเว็บไซต์ : http://www.katayamazu-spa.or.jp/access_new/ (ภาษาญี่ปุ่น)

APA HOTEL & RESORT Kaga Katayamazu Onsen KASUIKYO (佳水郷)

※รูปตัวอย่างห้องแบบต่างๆ

[เทงคุ]

ห้องนี้อยู่ที่ชั้นแปดซึ่งเป็นชั้นสูงสุด คุณสามารถอาบแสงจันทร์ยามค่ำคืน สัมผัสแสงอาทิตย์ในยามเช้า และแช่อ่างน้ำพุร้อนกลางแจ้ง พร้อมชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามได้โดยไม่มีอะไรรบกวน เรียกได้ว่าเป็นห้องที่หรูหราที่สุดของเรียวคังนี้ และมีเพียงห้องเดียวเท่านั้น

[มิสุ] 

ห้องสไตล์ญี่ปุ่นนี้จะทำให้คุณได้สัมผัสถึงความงามแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ทิวทัศน์ที่เห็นได้จากหน้าต่างคือมุมที่ดีที่สุดของสวนสไตล์ญี่ปุ่น นอกจากนี้คุณยังสามารถจะรับประทานอาหารภายในห้องได้ ทำให้การบริการของที่นี่ยิ่งดีอย่างไร้ที่ติยิ่งขึ้นไปอีก

[ฮานะ]

ห้องนี้มีการผสมผสานระหว่างสไตล์ญี่ปุ่น และสไตล์ตะวันตก ดังนั้นจึงเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นชินกับเสื่อทาทามิ อีกทั้งห้องนี้ยังถูกออกแบบด้วยความใส่ใจให้เป็นห้องแบบ Barrier-free หรือห้องไร้ทางต่างระดับ สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้พิการอีกด้วย

พวกเราไปถึงที่พักในเวลาใกล้ค่ำ อากาศจึงเริ่มเย็นขึ้นแล้ว แม้ว่าตอนนั้นจะมีอุณหภูมิเพียง 3 องศา แต่พวกเราก้ไม่รอช้ารีบมุ่งหน้าไปที่ห้องอาบน้ำรวมทันที

บริเวณอ่างน้ำพุร้อนมีหลังคามุงอยู่แบบ semi-outdoor ดังนั้นไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นเช่นไร พวกเราก็สามารถชมภาพแสงไฟระยิบระยับจากที่ไกลๆ ไปด้วยได้ ในขณะที่กำลังผ่อนคลายกับการแช่ออนเซ็น 

ว่ากันว่าออนเซ็นที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นหวัดง่าย เนื่องจากในน้ำมีส่วนประกอบของธาตุโซเดียม และแคลเซียมคลอไรด์ที่ทนความร้อนได้ดี

อา~ ไม่มีอะไรจะสุขใจไปกว่าการดื่มนมหลังจากผ่อนคลายร่างกายในน้ำออนเซ็นอุ่นๆ แล้วล่ะ ^^

นอกจากนี้ ในเรียวคังยังมีร้านขายของฝากอีกด้วย หากท่านใดที่ไม่มีเวลาออกไปหาซื้อ ก็สามารถซื้อของฝากจากที่นี่กลับไปฝากครอบครัวและเพื่อนๆ ได้ โดยไม่ต้องกังวลอะไรเลยล่ะค่ะ ! 

นอกจากเรียวคังริมทะเลสาบอย่าง Kasuikyo แล้ว ยังมีที่พักอื่นๆ ริมทะเลสาบอีกกว่า 10 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งก็มีบริการรถรับ-ส่งจากสถานี  JR Kagaonsen ให้อีกด้วย

แต่ละเรียวคังต่างก็มีบรรยากาศเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นหากได้มาเที่ยวที่คาตะยามะซุออนเซ็นแล้วล่ะก็ ลองเลือกพักที่เรียวคังสักแห่งหนึ่งในจำนวนเหล่านี้ดูนะคะ !

รายการที่พัก:http://www.katayamazu-spa.or.jp/hotels_new/(ภาษาญี่ปุ่น)

【วันแรก】

เนื่องจากเมื่อวานค่อนข้างจะมืด พวกเราจึงไม่คาดฝันเลยว่าจะได้เห็นคลื่นทะเลสาบสะท้อนแสงเป็นริ้วประกายน่ามองเช่นนี้จากหน้าต่างของห้องพัก ทันทีที่เปิดม่านออกในเช้าวันรุ่งขึ้น

ทิวทัศน์ของนกน้ำที่แหวกว่ายอยู่บนผิวทะเลสาบ และหิมะบางๆ บนภูเขาฮาคุซังอันศักดิ์สิทธิ์นั้นช่างงดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดของจิตรกรฝีมือเยี่ยม  

นอกจากนี้ในทะเลสาบยังมีน้ำพุซึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สูงถึง 70 เมตรติดตั้งอยู่ นับเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยจะมีการแสดงน้ำพุวันละ 12 ครั้ง

<เวลาการแสดงน้ำพุ>

7:00/8:00/12:00/13:00/14:00/15:00/16:00/ 17:00/17:30/20:00/20:30/21:00/21:30

พวกเรารับประทานมื้อเช้าของวันแรกที่ห้อง 'คากะ' บริเวณชั้นหนึ่ง

อาหารทุกจานได้รับการปรุงอย่างปราณีตโดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่น แถมยังสามารถเติมข้าวได้ไม่อั้นอีกด้วย !

หลังจากรับประทานมื้อเช้าแสนอร่อยเสร็จแล้ว ก็เริ่มการเดินทางของวันแรกกันเลย !

ที่คาตะยามะซุนี้ มียานพาหนะพิเศษที่เรียกว่า 'Nuku Mobi' (温モビ) ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดสำหรับนั่งสองคน ที่นั่งทั้งสองที่ก็อยู่ใกล้กัน ทำให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่คุณรักได้ตลอดการเดินทาง

และการขับรถนี้ก็จำเป็นต้องมีใบขับขี่ระหว่างประเทศเหมือนกับการขับรถญี่ปุ่นทั่วไป (สำหรับชาวไต้หวัน จำเป็นต้องมีใบขับขี่ต้นฉบับ และฉบับที่แปลเป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วด้วย)

พนักงานสอนวิธีการขับรถให้ แฟนหนุ่มจึงสามารถขับรถคันนี้ได้ทันที แสดงว่าต้องง่ายมากๆ แน่เลยค่ะ อิอิ

และแล้วหลังจากขับผ่านทุ่งนา สัมผัสลมเย็นๆ มาตลอดทาง ในที่สุดพวกเราก็มาถึงที่เที่ยวแห่งแรกแล้วค่ะ คือ 'แหลมคาสะ' นั่นเอง!

แหลมคาสะ (加佐の岬)

แม้ว่าแหลมคาสะจะโด่งดังเรื่องทิวทัศน์ยามค่ำคืน แต่ภาพของประภาคารสีขาวที่ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้านั้นก็งดงามไม่แพ้กัน

ท่ามกลางธรรมชาติแสนงดงามและเราสอง มีเพียงเสียงคลื่นและเสียงพึมพำแผ่วเบาของแฟนหนุ่ม เป็นบรรยากาศแสนอบอุ่นราวกับว่าอยู่ในหนังรักเลยล่ะ 

ท่าเรือฮาชิดาเทะ (橋立港)

มุ่งหน้าไปต่อที่ '่ท่าเรือฮาชิดาเทะ' ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับแหลมคาสะ ที่นี่มีร้านอาหารมากมาย โดยเฉพาะร้านอาหารทะเล ซึ่งช่วยเติมบรรยากาศคึกคักให้แก่เมืองที่เงียบสงบแห่งนี้

มาถึงภูมิภาคโฮคุริคุแล้ว ถ้าไม่ได้ลิ้มลองอาหารทะเลก็คงจะน่าเสียดายแย่เลย

และร้านที่เราไปในครั้งนี้นั้น เริ่มจากการเลือกปลาที่อยากทานที่ 'มารุยะซุยซัง' (マルヤ水産) บริเวณชั้นหนึ่ง แล้วไปเลือกวิธีปรุงต่อที่ 'คัสเซน ชินโทคุ' (割鮮 しんとく) บนชั้นสอง นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ร้าน 'ยะชิมะ' (やしま) ที่เสิร์ฟเซ็ตซาชิมิเป็นหลัก ไม่ว่าจะมาฤดูไหน ก็สามารถรับประทานอาหารทะเลแสนอร่อยได้แน่นอนค่ะ

ขอรับรองว่าถ้าได้ลองอาหารแสนอร่อยที่นี่แล้ว ทุกท่านจะต้องกลับไปพร้อมความประทับใจไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน

หลังจากเสร็จมื้อเที่ยง พวกเราก็ไปรับประทานของหวานต่อที่ร้านใกล้ๆ ร้านตกแต่งด้วยสไตล์น่ารัก จึงดูโดดเด่นเป็นพิเศษ 

ร้านนี้คือร้านของหวาน 'ฮาเลลูยา' (ハレルヤ)

ถ้าเช่ารถ Nuku Mobi ก็จะได้คูปองแถมมา ซึ่งมีคูปองของร้านนี้รวมอยู่ด้วย สามารถนำไปแลกของหวานได้ฟรี ><!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

Candle Workshop Sumelarnomicot

หากพูดถึงความสุขจากการไปเที่ยว ก็ต้องเป็นความสุขจากอาหารอร่อยๆ และประสบการณ์ใหม่ๆ สินะคะ

ที่ร้าน 'Candle Workshop Sumelarnomicot' แห่งนี้ ทุกคนสามารถทำเทียนเล่มพิเศษของตัวเองได้ โดยผสมสีที่ชอบ (นอกจากสีเงินและสีทอง) เท่าไหร่ก็ได้ จะเก็บไว้เป็นที่ระลึก หรือทำเป็นของขวัญสุดพิเศษให้แฟนก็แสนจะน่ารัก 

เทียนแฮนด์เมดที่ถูกแต่งแต้มด้วยความทรงจำดีๆ นี้ จะกลายเป็นของฝากล้ำค่าที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้เลยล่ะค่ะ

และจากนี้ไปเมื่อไรก็ตามที่เห็นเทียนเล่มนี้ ก็จะนึกถึงความทรงจำแสนพิเศษจากการเดินทางขึ้นมาได้แน่นอน :)

Klook.com

พิพิธภัณฑ์หิมะและน้ำแข็ง นาคายะ อุคิจิโระ (雪の科学館)

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรวมรวมผลงานที่บรรยายความรู้สึกที่มีต่อหิมะของนายนาคายะ อุคิจิโระ ผู้กล่าวว่า 'หิมะคือจดหมายที่ส่งมาจากสวรรค์' จากเรียวคังคะซุยเคียวมาที่นี่ ใช้เวลาเดินเท้าเพียง 5 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ในคาตะยามะซุออนเซ็นเลยล่ะค่ะ!

ที่เพดานบริเวณทางเข้าเป็นรูปทรงหกเหลี่ยมเหมือนเกล็ดหิมะ เมื่อเข้ามาภายใน ก็จะพบกับภาพถ่ายของเกล็ดหิมะแสนงดงามตามโถงทางเดิน ประกอบกับเกร็ดความรู้เกี่ยวกับหิมะ เช่น เรื่องประวัติศาสตร์หิมะเทียม  สามารถเรียนรู้วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับหิมะผ่านการทดลองต่างๆ  รวมถึงเข้าร่วมเวิร์คช็อปทำจี้น้ำแข็ง นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการ และอีเวนต์น่าสนใจหมุนเวียนกันอยู่ตลอดอีกด้วย  

ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีคาเฟ่ 'ฟุยุ โนะ ฮานะ' (冬の華 ดอกไม้แห่งฤดูหนาว) ถ้ารู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินชมนิทรรศการก็สามารถแวะมาพักที่นี่ได้ค่ะ

ฉันขอแนะนำให้ทุกท่านลองมาจิบชาหรือกาแฟพลางชมทิวทัศน์แสนงดงามของภูเขาฮาคุซังบนทะเลสาบชิบะยามะกะตะ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ซากุระบานเต็มที่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะรายล้อมไปด้วยดอกซากุระ เป็นภาพที่งดงามไร้ที่ติเลยล่ะค่ะ

ก่อนที่พระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าไป พวกเราก็ได้กลับมาที่เรียวคังคะซุยเคียว

ทิวทัศน์ตรงหน้าเป็นภาพที่แสนงดงามของภูเขาฮาคุซังที่อาบแสงอาทิตย์ยามโพล้เพล้ โอบล้อมด้วยทะเลสาบชิบะยามะกะตะที่ดูราวกับว่ากำลังผ่อนคลายรอรับแสงจันทร์ เหมือนกับตัวฉันที่กำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศแสนงดงามนี้ ขณะแช่อยู่ในออนเซ็น 

ในตอนนั้นฉันก็คิดได้ว่า การใช้เวลาผ่อนคลายไปอย่างที่ใจต้องการนั้น เป็นรางวัลตอบแทนความเหนื่อยยากที่ผ่านมาได้ดีที่สุดเลยล่ะค่ะ 

คำเตือน : ห้ามถ่ายรูปในบ่อน้ำร้อนรวม ภาพถ่ายข้างต้นเป็นภาพถ่ายที่ได้รับอนุญาตจากทางเรียวคังแล้ว

ที่เรียวคังคะซุยเคียวนี้มีหลายห้องที่สามารถมองเห็นทะเลสาบชิบะยามะกะตะได้ จึงสามารถชมทิวทัศน์ทะเลสาบที่เปลี่ยนสีทั้งเจ็ดสีจากหน้าต่างในห้องได้เลยล่ะค่ะ

... แล้วทุกท่านจะต้องตกตะลึงกับความงามของธรรมชาติจากที่แห่งนี้อย่างแน่นอน

หลังจากได้ผ่อนคลายสักหน่อยแล้ว พวกเราก็ไปรับประทานอาหารเย็นกันต่อที่ห้อง 'คากะ' บริเวณชั้นหนึ่ง 

เนื่องจากเป็นห้องส่วนตัว พวกเราจึงเพลิดเพลินกับอาหารเย็นที่มีเพียงสองเรา ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครเข้ามารบกวน

อาหารของที่นี่ใช้วัตถุดิบอาหารทะเลสดใหม่จากทะเลญี่ปุ่น แต่ละจานจะมีความโดดเด่นแบบเฉพาะตัวของภูมิภาคโฮคุริคุ มีสัมผัสที่นุ่มละมุนไปถึงส่วนลึกของหัวใจ ทำให้รับประทานเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ

รายการอาหารจะแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับประทานอาหารที่ดีที่สุดของช่วงเวลานั้นๆ อย่างแน่นอน 

※ภาพถ่ายข้างต้นคือชุดอาหารในฤดูหนาว

ห้องโถงอุคิมิโด (浮御堂)

หลังรับประทานมื้อเย็น พวกเราก็เดินย่อยอาหารโดยมุ่งหน้าไปที่ห้องโถงกลางทะเลสาบชิบะยามะกะตะ 'อุคิมิโด'

โถงนี้เชื่อมต่อกับสวนยุโนะโมโตะ (湯の元公園) ด้วยสะพานลอยน้ำซึ่งจะเปิดไฟยามค่ำคืน งดงามราวกับมีมนตร์สะกดให้ผู้คนที่ผ่านมาหลงใหล

Next: วันที่สอง

มนต์เสน่ห์ชูบุ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

KAEI
KAEI LIN
ดิฉันเป็นชาวไต้หวันค่ะ อาศัยอยู่ที่่โตเกียวมาเป็นปีที่ 4 แล้วค่ะ อยากจะถ่ายทอดเสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่นผ่านบทความภาษาจีนของดิฉัน
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ความสนใจที่เกี่ยวข้อง

ค้นหาร้านอาหาร