โออุจิจูคุ - ย้อนเวลาสู่ยุคซามูไรที่หมู่บ้านอันน่าหลงใหลในฟุกุชิมะ

หากจะมีสถานที่ใดที่คุณสามารถสัมผัสถึงเสน่ห์ของญี่ปุ่นโบราณและวิถีชีวิตที่เก่าแก่แบบญี่ปุ่นได้ ที่แห่งนั้นก็ต้องเป็น โออุจิจูคุ (大内宿) หมู่บ้านขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยบ้านหลังคาฟางน่าถ่ายรูปนี้ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่าเขาของจังหวัดฟุกุชิมะ สถานที่นี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในยุคซามูไรเลยทีเดียว เราจะพาคุณไปออกสำรวจโออุจิจูคุ พร้อมสัมผัสบรรยากาศและวัฒนธรรมที่ไม่มีที่ไหนในญี่ปุ่นเหมือน อ่านต่อเลยเพื่อพบว่าโออุจิจูคุมีวิวที่มีเอกลักษณ์และกิจกรรมน่าสนใจอะไรรอคอยคุณอยู่บ้าง!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

*บทความนี้เขียนขึ้นในความร่วมมือกับจังหวัดฟุกุชิมะ

ประวัติศาสตร์ของโออุจิจูคุ - เมืองที่พักเก่าแก่จากยุคเอโดะ

โออุจิจูคุเคยเป็นเมืองที่พักที่เฟื่องฟูอยู่ในช่วงยุคเอโดะ (1603-1868) เมืองนี้สร้างขึ้นพร้อมกับ ไอสีนิชิไคโด (会津西街道) เส้นทางแลกเปลี่ยนสินค้าที่ในตอนนั้นได้ทำหน้าที่เชื่อมแคว้นไอสีในฟุกุชิมะตะวันตกเข้ากับนิกโก้ และต่อไปยังเมืองหลวงเอโดะ (โตเกียว) อีกทอดหนึ่ง โออุจิจูคุเคยเป็นส่วนหนึ่งของระบบถนนอันยิ่งใหญ่ของยุคเอโดะ ที่ช่วยให้รัฐบาลโชกุนควบคุมเหล่าผู้ครองแคว้นได้ง่ายขึ้น โออุจิจูคุไม่เพียงแต่ให้บริการกับนักเดินทางทั่วไปเท่านั้น แต่ยังให้บริการอาหาร ที่พัก และจุดพักผ่อนกับซามูไรยศสูงที่จำเป็นต้องเดินทางไปเมืองหลวงเป็นระยะๆ เนื่องจาก "ซันคินโคไท (参勤交代)" ซึ่งเป็นคำสั่งที่ออกโดยรัฐบาลให้บุคคลเหล่านั้นมีบ้านสองแห่ง ในแคว้นของตัวเองและในเอโดะ และให้เปลี่ยนที่อยู่อาศัยระหว่างบ้านสองแห่งนั้นทุกๆ ปี เพื่อสร้างภาระทางการเงินที่จะทำให้พวกเขาไม่สามารถก่อสงครามกับโชกุนได้

อะไรที่ทำให้โออุจิจูคุพิเศษ? การย้อนมองอดีตยุคศักดินาของญี่ปุ่น

เมื่อในอดีต หลังคาฟางที่ปัจจุบันเป็นจุดเด่นของโออุจิจูคุนั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ความยากจนของย่านห่างไกลความเจริญนี้ของจังหวัดฟุกุชิมะ เนื่องจากชาวบ้านไม่มีเงินที่จะเปลี่ยนหลังคาฟางยุคเอโดะให้กลายเป็นวัสดุที่ทันสมัยกว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ช่วยให้ทิวทัศน์บ้านเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ไม่สูญหายไปกับความทันสมัย และจนท้ายที่สุดก็ได้ส่งผลให้โออุจิจูคุเป็นที่จับตามองในระดับชาติ และได้รับการกำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์ที่มีความสำคัญในปี 1981 ปัจจุบันนี้ โออุจิจูคุยืนหยัดในฐานะตัวอย่างที่หายากของเมืองที่พักยุคเอโดะ และให้โอกาสนักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ราวกับย้อนเวลามาในอดีตด้วยทิวทัศน์หมู่บ้านที่คงไว้ซึ่งความดั้งเดิมด้วยส่วนประกอบที่ลงตัวระหว่างถนนดินกับสายน้ำที่ไหลอยู่ข้างๆ สภาพแวดล้อมธรรมชาติที่ดูยิ่งใหญ่ การที่ไม่มีเสาไฟฟ้าให้เห็น และอาคารหลังคาฟางอายุกว่า 300 ปีที่ภายในมีร้านค้าและร้านอาหารอยู่มากมาย

6 สิ่งน่าดูและทำในโออุจิจูคุ

1. Ouchijuku Food Hall Soba Dojo - สวมบทนักทำโซบะมือโปร

โออุจิจูคุเป็นที่รู้จักจากบะหมี่โซบะแสนอร่อยที่ทำจาก "โซบะ" (บักวีต) ที่ปลูกในท้องที่ ดังนั้น การสัมผัสประสบการณ์ทำโซบะและเรียนรู้เกี่ยวกับความลับของบะหมี่อันน่ารับประทานของโออุจิจูคุ จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดื่มด่ำประเพณีและวัฒนธรรมอาหารของหมู่บ้านนี้ เราจะพาคุณเดินทางไปที่ Ouchijuku Food Hall Soba Dojo สถานที่ซึ่งเชฟโซบะใจดีจะคอยต้อนรับคุณด้วยผ้ากันเปื้อนและอุปกรณ์ของทางร้าน เตรียมพร้อมที่จะสอนเทคนิคพิเศษของโออุจิจูคุในการทำโซบะที่แสนเพอร์เฟค ขั้นตอนการทำจะเริ่มตั้งแต่ศูนย์ รับรองได้ว่าคุณจะสนุกไปกับการนวดแป้งโซบะและจดจำการเคลื่อนไหวที่จำเป็นต่อการทำโซบะที่สมบูรณ์แบบ

จากวิธีการนวดแป้งที่ถูกต้อง ไปจนถึงขั้นตอนที่ถูกต้องในการพับแป้ง คุณจะพบว่าการทำโซบะนั้นน่าผ่อนคลาย แต่ในขณะเดียวกันก็ท้าทายเป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้ว ด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดของเชฟท้องถิ่น คุณก็จะได้สัมผัสขั้นตอนที่น่าสนุกที่สุด ซึ่งก็คือการตัดโซบะ คุณจะถูกทดสอบสมาธิโดยต้องตัดแป้งให้เป็นเส้นโซบะขนาดบาง 2 มม. หลังจากจบคอร์สนี้แล้ว คุณจะได้รับรางวัลเป็นเส้นโซบะหอมกรุ่นและสดใหม่ที่คุณเพิ่งทำเองกับมือ พร้อมที่จะนำไปต้มและรับประทานได้ทันที

2. เนกิโซบะ (ネギそば) - ทดสอบสกิลตะเกียบของคุณด้วยเมนูท้องถิ่นแสนอร่อย

หลังจากลงแรงไปกับเส้นโซบะแฮนด์เมดแล้ว คุณก็จะท้องร้องพร้อมที่จะรับประทานมื้อกลางวันแสนอร่อยที่ Ouchijuku Food Hall Soba Dojo ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอร์สสัมผัสประสบการณ์ทำเส้นโซบะ จานหลักของมื้ออาหารนี้คือเมนูท้องถิ่นที่ชื่อว่า "เนกิโซบะ" (โซบะต้นหอม) โซบะแบบพิเศษที่ไม่มีให้เห็นในที่อื่นๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งใช้ต้นหอมแทนตะเกียบ และให้คุณค่อยๆ กัดต้นหอมไปในระหว่างรับประทาน ธรรมเนียมที่มีเสน่ห์ของโออุจิจูคินี้จะทำให้มื้ออาหารของคุณสนุกและน่าจดจำยิ่งขึ้น! เนกิโซบะสามารถรับประทานได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น สำหรับแบบเย็น คุณจะได้ซอสเย็นๆ สำหรับจิ้มสูตรเข้มข้น พร้อมกับของทานเล่นเป็นผักกรุบกรอบและเทมปุระกุ้ง โรยหน้าด้วยเกลือมัทฉะที่เป็นผลผลิตของท้องถิ่น

3. จุดชมวิวโออุจิจูคุ - ชื่นชมทิวทัศน์ที่ราวกับภาพเขียนยุคโบราณ

หลังจากที่ลิ้มรสอาหารแสนอร่อยของโออุจิจูคุแล้ว เราขอแนะนำให้ลองออกไปเดินเล่นเพื่อสูดอากาศดู จุดชมวิวของโออุจิจูคุใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีจาก Soba Dojo ซึ่งเป็นที่เดินเล่นหลังอาหารกลางวันที่เหมาะมาก ระหว่างกลับจากร้านอาหารคุณจะพบกับซุ้มโทริอิ (ซุ้มประตูแบบญี่ปุ่น) ที่ทำจากหินและบันไดสูงชันซึ่งเป็นทางเข้าสู่จุดชมวิว เมื่อเดินขึ้นไปจนสุด คุณจะพบกับวิวพาโนราม่าของอาคารเก่าแก่และถนนของหมู่บ้าน รวมถึงธรรมชาติรอบข้างที่จะเปลี่ยนสีสันไปตามฤดูกาล จุดชมวิวนี้ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า Itsukushima ที่เก่าแก่แต่สวยงาม และวัด Koyasu Kannondo ที่ปกคลุมไปด้วยมอส ก่อนจะกลับไปยังถนนสายหลัก อย่าลืมดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เก่าแก่และดูศักดิ์สิทธิ์ของบริเวณนี้ด้วยล่ะ!

4. Ouchijuku Honjin Machinami Tenjikan - สัมผัสวิถีชีวิตยุคเอโดะ

Ouchijuku Honjin ตั้งอยู่ใกล้กับกลางถนนสายหลัก ที่นี่เคยเป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดของเมืองที่พักแห่งนี้ โดยให้บริการที่พักแรมแก่เหล่าเจ้าครองแคว้นชั้นสูง ปัจจุบัน Ouchijuku Honjin เปิดให้บริการในฐานะพิพิธภัณฑ์ ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของซามูไรและนักเดินทางในยุคเอโดะ รวมถึงชมการตกแต่งภายในที่หรูหราของช่วงปี 1600 ในส่วน Ouchijuku Townscape Exhibition Hall จะมีการจัดแสดงเครื่องมือและวัตถุโบราณของยุคเอโดะมากมาย รวมถึงมีการอธิบายให้นักท่องเที่ยวเข้าใจวิธีการที่เหล่าช่างฝีมือดีสร้างหลังคามุงฟางอันสวยงามดั้งเดิมของโออิจูคุในปัจจุบันอีกด้วย ทันทีที่คุณเดินเข้าไป คุณจะถูกโอบล้อมด้วยกลิ่นฟางและควันจากเตาบนพื้นดินที่ลอยขึ้นสู่อากาศ ทำให้รู้สึกราวกับได้ย้อนเวลาไปในอดีตเลยทีเดียว

5. เมนูทานเล่นพื้นเมืองของโออุจิจูคุ - ตระเวนกินทั่วเมืองที่พัก

ด้วยการใช้วัตถุดิบแสนหลากหลายที่ผลิตได้ในท้องที่ โออุจิจูคุจึงมีของทานเล่นไม่จำกัดชนิดให้เหล่านักเดินทางหิวโซได้ลิ้มลอง เราขอเริ่มทริปเที่ยวกินขนมพื้นเมืองที่ Yamamotoya ด้วยโมจิมันหวานทอดกรอบ เมนูที่อร่อยจนทำให้อยากขอเพิ่มอีกไม้ทันทีที่รับประทานหมด ต่อด้วยดังโงะคอนเนียคคุของร้าน Yorozuya เมนูลูกชิ้นแป้งเคี้ยวสนุกที่ทำขึ้นจากพืชตระกูลเผือกชนิดหนึ่ง นำไปต้มในซุปรสเข้มข้น และเสิร์ฟพร้อมกับคาราชิ (มัสตาร์ดญี่ปุ่น) นอกจากนี้ เมนูพื้นเมืองอื่นๆ ก็มีทั้ง "ชินโกโร (しんごろう)" ที่เป็นข้าวก้อนเหนียวนุ่มเสียบไม้ปรุงรสด้วยมิโสะ โชยุ และเมล็ดงาป่า (ร้านที่เราขอแนะนำสำหรับเมนูนี้คือ Minatoya) รวมถึงยังมีเมนูง่ายๆ แต่อร่อยอย่างปลาอิวานะย่างที่คุณสามารถพบได้ในหลายร้านบริเวณถนนสายหลักอีกด้วย

ขอแนะนำให้ปิดท้ายด้วยสุดยอดของหวานแห่งโออุจิจูคุ "โทจิโมจิ (栃餅)" ซึ่งเป็นเค้กข้าวผสมเกาลัดญี่ปุ่น มีวิธีการทำที่แสนพิเศษด้วยการนำเกาลัดท้องถิ่นขมๆ ไปแช่ในน้ำอุ่นจนมีรสอ่อนลง และนำไปทำเป็นโมจิที่มีรสชาติเข้มข้น ที่ร้าน Yamagataya มีเมนูนี้ให้คุณได้ลองรับประทาน หรือจะซื้อเป็นแพ็คกลับบ้านก็ได้ สุดท้ายแล้ว หากคุณอยากนั่งชิมขนมที่ซื้อชิวๆ ผ่อนคลายร่างกาย คุณก็สามารถใช้บริการคาเฟ่แบบโคมินกะ (บ้านโบราณ) ของโออุจิจูคุอย่าง Yamadaya และเพลิดเพลินไปกับการตกแต่งภายในแบบพื้นเมืองพลางจิบมัทฉะลาเต้ได้

Klook.com

6. งานฝีมือพื้นเมืองของโออุจิจูคุ - เลือกซื้อของฝากที่แสนเพอร์เฟค

ทัวร์ดีๆ จะไม่สมบูรณ์ได้เลยหากไม่มีการช็อปของฝาก! โออุจิจูคุมีของฝากให้คุณเลือกมากมาย ตั้งแต่อาหารท้องถิ่นไปจนถึงงานฝีมือพื้นเมือง ลองเตร่ไปตามร้านต่างๆ และซื้อแยมแฮนด์เมดที่ทำจากพลับ (ผลไม้ที่มีมากในพื้นที่นี้ของฟุกุชิมะ) ซื้อโซบะชา (そば茶) ชาที่ทำจากเมล็ดโซบะคั่วชื่อดังของโออุจิจูคุ หรือมิโสะท้องถิ่นกลับไปทำซุปอุ่นๆ ดื่มเองที่บ้าน หากคุณชื่นชอบเครื่องปรุงรสเผ็ด ก็ไม่ควรพลาด บาซาชิมิโสะ (馬刺し味噌) แม้ว่าซอสมิโสะนี้จะทำขึ้นมาเพื่อรับประทานกับเนื้อโดยเฉพาะ แต่ก็สามารถให้รสจัดจ้านกับทุกเมนูที่คุณต้องการได้เช่นกัน

ในกรณีที่คุณชอบงานฝีมือมากกว่าอาหาร ร้าน Honke Kanoya จะตอบโจทย์ของคุณได้อย่างแน่นอน งานฝีมือสีสันสดใสมากมายที่ห้อยลงมาจากเพดานและเรียงอยู่ตามระเบียงทำให้คุณสังเกตเห็นร้านที่โดดเด่นนี้ได้ง่ายๆ เลย Honke Kanoya ได้นำผ้าเครปญี่ปุ่น (ผ้าที่มีลักษณะนุ่ม เนื้อผ้ามีความลื่นมือ) มาสร้างเป็นถุงถั่ว (เก้าอี้โซฟาวางพื้น นั่งแล้วยุบตามรูปร่าง) และของประดับรูปสัตว์ พืชญี่ปุ่น รวมถึงผักอย่างไดคอน (ไชเท้าญี่ปุ่น) และโฮซูคิ (ดอกไม้ที่มีรูปทรงคล้ายตะเกียง)

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

3 สิ่งน่าทำใกล้โออุจิจูคุ

1. Aizuwakamatsu - สัมผัสจิตวิญญาณซามูไร

Aizuwakamatsu เป็นอดีตเมืองปราสาทที่เป็นที่รู้จักจากวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ซามูไรที่ยาวนาน บริเวณกลางเมืองเป็นที่ตั้งของปราสาท Tsurugajo ปราสาทญี่ปุ่นสีขาวที่สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1384 ปราสาทนี้จะงดงามเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ผลิที่ซากุระออกดอก และในฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีปกคลุมไปทั่วพื้นที่ปราสาท นอกจากปราสาทแล้ว Aizuwakamatsu ยังมีสถานที่ที่ข้องเกี่ยวกับซามูไรหลายแห่ง มีร้านค้ามากมายที่เน้นอาหารท้องถิ่นแสนพิถีพิถัน และออนเซ็นที่แสนโดดเด่น ในบรรดาจุดชื่อดังทั้งหลาย สถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดก็ได้แก่ Aizu Bukeyashiki บ้านซามูไรที่จะช่วยให้คุณเข้าใจชีวิตประจำวันของเหล่าซามูไรมากขึ้น และสวน Oyakuen สวนญี่ปุ่นน่าหลงใหลที่สร้างขึ้นโดยเจ้าครองแคว้นเพื่อปลูกพืชที่มีสรรพคุณทางยา

2. Yunokami Onsen - เยี่ยมชมสถานีหลังคาฟางแห่งเดียวของญี่ปุ่น

Yunokami Onsen เป็นหมู่บ้านออนเซ็นน่ารักๆ ที่เป็นที่ตั้งของสถานีหลังคาฟางแห่งเดียวของญี่ปุ่น อาคารสถานีที่แปลกตานี้ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีทั้งต้นซากุระและต้นโมมิจิ (เมเปิลญี่ปุ่น) ปลูกอยู่ใกล้ๆ จึงมีวิวอลังการให้รับชมตลอดปี ทั้งซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ ภูเขาสีเขียวชอุ่มเป็นพื้นหลังในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีแดงสดในฤดูใบไม้ร่วง และวิวหิมะในฤดูหนาว ทำให้มันกลายเป็นจุดถ่ายรูปที่แสนเพอร์เฟค บริเวณข้างสถานีก็ยังมี อาชิยุ (足湯) หรือบ่อแช่เท้า ให้นักท่องเที่ยวได้ผ่อนคลายพลางแช่เท้าในน้ำออนเซ็นจากบริเวณนี้อีกด้วย

3. To-no-Hetsuri - ชื่นชมวิวที่น่าตื่นตาจากสะพานแขวน

To-no-Hetsuri เป็นอุทยานแห่งชาติที่โด่งดังจากวิวอันสวยงามที่มีหน้าผารูปหอคอยริมแม่น้ำโอคาวะเป็นส่วนประกอบ กล่าวกันว่าหน้าผารูปทรงน่าสนใจเหล่านี้ก่อตัวขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน ทำให้มันเป็นสถานที่ที่มีเอกลักษณ์และน่าแวะไปชมอย่างยิ่ง ทิวทัศน์ของบริเวณนี้จะน่าประทับใจเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่ใบไม้สีแดงและทองจะตัดกันอย่างลงตัวกับหน้าผาสีขาว สะพานแขวนที่อยู่ใกล้กันจะช่วยให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับทั้งวิวพาโนราม่า และความตื่นเต้นจากการข้ามหุบเขาที่อยู่เบื้องล่าง

Klook.com

วิธีเดินทางไปโออุจิจูคุ

คุณสามารถเดินทางไปโออุจิจูคุได้ง่ายๆ โดยขับรถประมาณ 45 นาทีจาก Aizuwakamatsu หากคุณไม่ได้วางแผนที่จะเช่ารถก็ไม่ต้องกังวลไป โออุจิจูคุก็มีการคมนาคมสายท้องถิ่นให้บริการอยู่เช่นกัน เริ่มด้วยการนั่งรถไฟประมาณ 25 นาทีจากสถานี Aizuwamakatsu ไปสถานี Yunokami Onsen จากนั้นให้นั่งรถบัสสายท้องถิ่นที่ชื่อ Saruyu-go และคุณก็จะถึงโออุจิจูคุในประมาณ 20 นาที รถบัสท้องถิ่นเหล่านี้ให้บริการเฉพาะช่วงเมษายนถึงพฤศจิกายน โดยจะออกวิ่งประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อคัน และมีค่าตั๋ว 1,000 เยนสำหรับตั๋วแบบ 1 วัน

พร้อมหรือยังที่จะย้อนเวลากลับไปในยุคของซามูไร?

โออุจิจูคุได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงาม ถึงขนาดที่วัฒนธรรมและบรรยากาศแบบโบราณจะทำให้คุณรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลาไปในอดีต ไม่เพียงแต่โอกาสในการดื่มด่ำวัฒนธรรมที่โดดเด่นและลิ้มลองอาหารพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ แต่สถานที่แห่งนี้ก็ยังให้คุณได้สัมผัสกับวิถีชีวิตยุคเอโดะ พลางชื่นชมทิวทัศน์ที่หาใครเหมือนได้ยาก

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์โทโฮคุ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Stefania
Stefania Sabia
เกิดและโตในอิตาลี ช่วง 10 ขวบได้ใช้ชีวิตอยู่ในไอร์แลนด์ ปัจจุบันอาศัยอยู่ในโตเกียว ชอบการสำรวจสถานที่ลับๆ หรือสถานที่ที่มีความเป็นญี่ปุ่น รวมถึงสิ่งที่สัมผัสได้ถึงความงามแบบย้อนยุค เนื่องจากชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาตั้งแต่วัยเด็ก หลังจากย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นจึงออกสำรวจญี่ปุ่น และตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเผยแพร่ความสวยงามเหล่านั้นผ่านทางอินสตาแกรม
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร