พาเที่ยว "Goshikinuma" บึงน้ำสีรุ้งในฟุกุชิม่า สวยเหมือนอยู่อีกโลก!

หากคุณเคยเห็นภาพของบึง Goshikinuma ก็อาจจะคิดว่าเป็นภาพตัดต่อ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่! บึงในจังหวัดฟุกุชิม่า (Fukushima) แห่งนี้ได้มีสีสันสวยงามเหมือนมาจากอีกโลก ตั้งแต่สีฟ้าน้ำทะเลจนถึงสีแดงสนิม บอกเลยว่าสวยจนต้องตะลึง! บทความนี้ขอพาชมบึง Goshikinuma สัมผัสบรรยากาศป่าคึกคัก แล้วไปแช่ออนเซ็นท่ามกลางทิวทัศน์สุดงดงาม! อ่านต่อที่นี่แล้วเราจะพาคุณไปพบกับความน่าทึ่งในการเกิดขึ้นของบึงแห่งนี้ รวมถึงเส้นทางปีนเขาและกิจกรรมน่าสนใจอื่นๆ ที่สามารถทำได้ที่นี่อีกด้วย!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

*บทความนี้ถูกเขียนขึ้นด้วยความร่วมมือจากจังหวัดฟุกุชิม่า 

"Goshikinuma" คืออะไรและทำไมถึงเป็นสีรุ้ง

Goshikinuma (五色沼) แปลตรงตัวได้ว่า บึงน้ำห้าสี แต่จริงๆ แล้วที่มาของชื่อกลับไม่ได้เกิดจากความหมายที่ตรงตัว แต่คำว่า Goshikinuma เป็นคำโบราณที่ใช้เรียกหนองน้ำที่สวยมากเป็นพิเศษ ที่นี่ประกอบไปด้วยหนองน้ำจากภูเขาไฟ ทะเลสาบ และบึง รวมกันมากกว่า 30 แห่ง โดยจะถูกแบ่งตามขนาด สีสัน และลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละหนองน้ำ

บึง Goshikinuma ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Bandai-Asahi ที่บริเวณตีนเขา Bandai ในจังหวัดฟุกุชิม่า เชื่อหรือไม่ว่าบึงแห่งนี้เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน นั่นคือตอนที่ภูเขาไฟ Bandai ระเบิดในปีค.ศ. 1888 ทำให้เกิดการไหลหลากของกรวดต่างๆ ลงไปปิดทางแม่น้ำ จึงเกิดเป็นทะเลสาบและบึงที่สวยงามหลายแห่งให้เราเห็นกันทุกวันนี้

สาเหตุที่ Goshikinuma มีสีที่น่าตื่นตาตื่นใจเช่นนี้ เกี่ยวข้องกับการระเบิดของภูเขาไฟ เนื่องจากแร่ธาตุจากการระเบิดของภูเขาไฟยังคงหลงเหลืออยู่ในน้ำ เกิดเป็นหลากหลายสีสันนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยทั้งธรรมชาติโดยรอบ ฤดูกาล สภาพอากาศ และช่วงเวลาในแต่ละวันที่ช่วยยกระดับความงดงามของบึง Goshikinuma ไปสู่อีกขั้น

Goshikinuma Nature Trail เส้นทางเดินเขาที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ

เส้นทางธรรมชาติ Goshikinuma Nature Trail เป็นเส้นทางเดินป่าที่ผ่านบึง และทะเลสาบหลักๆ ในพื้นที่ ทางเดินไม่ชันจนเกินไป โดยทอดตัวผ่านที่ลาด สะพาน หนองบึง และบันไดหินหลายแห่งในสวนที่เต็มไปด้วยน้ำตกเล็กๆ จำนวนมาก ทำให้แม้แต่มือใหม่ก็สามารถเดินได้สบายๆ ตอนที่พวกเราไปเราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง และได้แวะถ่ายรูปหลายจุดเลยทีเดียว

ถึงแม้ตัวทางจะไม่ได้เดินยากมาก แต่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอาจจะค่อนข้างลื่นและมีโคลนเยอะสักหน่อย และในฤดูหนาวอาจจะมีหิมะถมหนา ดังนั้นเราขอแนะนำให้ใส่รองเท้ากันลื่นพร้อมเลอะ และเช่าหรือพกรองเท้าลุยหิมะมาด้วยหากมาในฤดูหนาว นอกจากนี้ทางยังเต็มไปด้วยหิน ดังนั้นถ้าคุณยังไม่ชินกับการเดินบนทางหิน หรือเดินเขาเป็นเวลานาน ควรพกไม้เท้าเดินป่ามาด้วย

ที่นี่มีศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว 2 แห่งอยู่ที่ปลายทั้ง 2 ฝั่งของเส้นทางธรรมชาติ Goshikinuma Nature Trail แห่งแรกคือศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว Urabandai (Urabandai Visitor Center) ที่สามารถเช่าอุปกรณ์ปีนเขา รวมถึงเรียนรู้ธรณีวิทยา ประวัติศาสตร์ และความหลากหลายทางชีวภาพของบริเวณ Urabandai และ Goshikinuma ได้

และอีกแห่งคือ Urabandai Bussankan ซึ่งจะเน้นไปที่ของฝาก งานฝีมือ และอาหารอร่อยในท้องถิ่นมากกว่า

เหล่าบึง Goshikinuma ระหว่างเส้นทางเดินเขา

・Bishamonnuma (毘沙門沼)

เราเริ่มเดินเขาจากฝั่งศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว Urabandai และบึงแรกที่เราเจอคือบึง Bishamonnuma ในบริเวณนี้ถือว่าค่อนข้างเข้าถึงง่าย เนื่องจากยังเป็นตอนต้นของทางอยู่ มีการปูทางถนน มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร และมีแม้กระทั่งท่าเรือเล็กๆ ที่สามารถเช่าเรือพายได้ ซึ่งยังถือเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมในหมู่คนในท้องที่อีกด้วย

ขอแนะนำให้ลองเข้าไปใกล้ๆ ทะเลสาบ ชมปลาคาร์ฟ (Koi) หลากสีที่กำลังแหวกว่ายในน้ำ แล้วอย่าลืมมองหาปลาคาร์ฟที่มีลายรูปหัวใจที่ข้างลำตัวด้วยนะ! ว่ากันว่าหากพบปลาคาร์ฟชนิดนี้แล้วจะเสริมโชคเรื่องความรักอีกด้วย

บึง Bishamonnuma เป็นบ่อน้ำที่ใหญ่ที่สุดในทุกบ่อตลอดทางเดิน และสามารถมองเห็นวิวภูเขา Bandai สุดอลังการจากระยะไกล รวมถึงใบไม้เปลี่ยนสีหากมาในฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย ชื่อของบ่อน้ำแห่งนี้มาจากชื่อของเทพเจ้า Bishamon ในตำนานของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งโชคในสงครามและการต่อสู้นั่นเอง

・Akanuma (赤沼)

หลังจากเดินมาเป็นเวลา 15 นาที บนสะพานไม้และทางหินแคบๆ ที่พาเราผ่านซอกหนึ่งของบึง Bishamonnuma พวกเราก็ได้พบกับบึง Akanuma ถึงแม้ว่าชื่อของบึงนี้จะแปลว่า “บึงน้ำสีแดง” แต่น้ำในบึงกลับเป็นสีเขียวมรกด แต้มด้วยสีส้มแดงเล็กน้อยจากปริมาณธาตุเหล็กที่เป็นองค์ประกอบตรงบริเวณขอบบ่อ ที่นี่ยังดูโดดเด่นออกมายิ่งกว่าเดิมเพราะสีของใบไม้รอบๆ ในฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย

・Midoronuma (深泥沼)

ห่างไปเพียงไม่กี่นาทีก็จะถึงบึง Midoronuma โผล่ออกมาจากทิวทัศน์ของสารทฤดูแห่ง Goshikinuma เราไม่คิดว่าบึงที่ชื่อมีความหมายว่า “บึงสีโคลน” จะมีสีที่สวยขนาดนี้ และอันที่จริงบ่อนี้เป็นบ่อที่สีแปลกที่สุดใน Goshikinuma แล้ว น้ำที่นี่มีสีเขียวนีออนแซมด้วยจุดสีแดงสนิมที่กระจายตัวอยู่ทั่วผิวน้ำ จุดเหล่านี้เกิดจากธาตุเหล็กที่รากของต้นกกได้ดูดซึมเอาไว้ได้ถูกปล่อยลงในน้ำนั่นเอง

・Tatsunuma (竜沼)

บึงถัดไปอาจต้องใช้ความพยายามในการเดินเขาขึ้นมาสักนิดหน่อย และถ้าไกด์ของพวกเราไม่ได้ชี้ผ่านพุ่มไม้ให้เราดู ก็คงจะพลาดบึงนี้ไปแล้ว Tatsunuma หรือ “บึงแห่งมังกร” มีลักษณะเด่นคือมีดงไม้อยู่ล้อมรอบ และน้ำสีเขียวเข้มในบ่อ พวกเราโชคดีมากที่ได้มาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทำให้ได้เห็นหมอกยามเช้าจากบนยอดเขาค่อยๆ เคลื่อนตัวลงมาปกคลุมที่บริเวณผิวน้ำอย่างช้าๆ

・Bentennuma (弁天沼)

บ่อต่อไป Bentennuma นับเป็นจุดกึ่งกลางของเส้นทางเดินเขา และมีขนาดใหญ่กว่า 3 บ่อที่ผ่านมา (Akanuma, Midoronuma และ Tatsunuma) น้ำในบึงนี้มีสีฟ้าเข้ม ขอบบึงมีสีเขียวมะนาว และแต่งแต้มไปด้วยจุดสีเหลืองทั่วผืนน้ำ Benten เป็นเทพเจ้าอีกองค์ในตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่น โดยเป็นเทพีแห่งโชคทางการเงิน พรสวรรค์ และสติปัญญา นอกจากนี้ยังเป็นผู้อุปถัมภ์ของศิลปิน นักเขียน และนักเต้นอีกด้วย

・Rurinuma (瑠璃沼)

บึง Rurinuma ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สูงกว่าทางเดินทำให้ผู้มาเยือนสามารถชื่นชมความงามของบึงนี้ได้จากแท่นไม้เท่านั้น พยายามมองหาบึงนี้ตอนคุณใกล้ถึงทางออกไม่อย่างนั้นอาจจะพลาดชมบึงงดงามแห่งนี้ได้ บึงนี้มีน้ำสีฟ้าน้ำทะเลตามชื่อ “Ruri” หรือแร่รัตนชาติสีน้ำเงินชนิดหนึ่ง เนื่องจากปริมาณของอัลโลเฟนที่สูง และยังถูกแซมไปด้วยเงาสะท้อนสีทองของต้นโยชิ (ต้นกกญี่ปุ่น) ที่ขึ้นอยู่บริเวณชายฝั่ง

・Aonuma (青沼)

มาถึงบึงสุดท้ายบนเส้นทางเดินเขาที่งดงามจนตกตะลึง เพราะในที่สุดท้องฟ้าก็เริ่มเปิดและดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงลงบนผิวน้ำอันสงบนิ่ง ทำให้มองดูเหมือนกับผ้าใบวาดรูปที่มีสีเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

บึง Aonuma (บึงสีฟ้า) นั้นเปล่งประกายจากสีส้มของต้นไม้รอบๆ จนเกิดการเปลี่ยนสีจากสีเขียวมรกตเป็นสีเหลือง และสีฟ้าน้ำทะเลตามลำดับ เนื่องจากบึงนี้เป็นบึงที่มีความเป็นกรดสูงสุดในทุกบึงใน Goshikinuma ทำให้ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะมีโอกาสเกิดปรากฎการณ์หายาก ที่ใบไม้บนกิ่งไม้รอบๆ จะถูกฟอกจนเป็นสีขาวจากความเป็นกรดของบึงอีกด้วย

กิจกรรมน่าทำที่บึง Goshikinuma

1. ปีนเขาและชมนก ผ่อนคลายจากป่าเขา

ทั้งตัวบึงและธรรมชาติที่ผู้มาเยือนสามารถชื่นชมได้ระหว่างการปีนเขามีความสวยงามตลอดทั้งปี และยังสามารถดื่มด่ำกับความงดงามที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละฤดู เนื่องจากพวกเรามาในเดือนพฤศจิกายน ใบไม้จึงมีสีแดงเพลิง ในขณะที่ดอกไม้ป่าในฤดูใบไม้ร่วงกำลังค่อยๆ แอบแทรกตัวออกมาจากพรมใบไม้สีแดงบนพื้น

เส้นทางเดินเขาให้ทิวทัศน์ที่งดงามเหลือเชื่อจนพวกเราใช้เวลาถ่ายรูปแต่ละจุดนานกันพอสมควร ดังนั้นถึงแม้ว่าจะใช้เวลาเดินจริงๆ เพียงแค่ประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่เราขอแนะนำว่าอย่ารีบร้อน แล้วดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติอันสมบูรณ์แบบของ Goshikinuma และเติมความสดชื่นของคุณด้วยพลังแห่งป่าเขาจะดีกว่า

อีกกิจกรรมที่โด่งดังและไม่ควรพลาดของที่นี่ก็คือการชมนก เนื่องจากที่นี่อยู่ภายในอุทยานแห่งชาติ จึงมีสัตว์ป่าและสัตว์หายากหลายชนิดอาศัยอยู่ ซึ่งคุณจะไม่ผิดหวังเป็นอย่างแน่นอน!

2. ชิมขนมพื้นเมืองของ Aizuwakamatsu และ Goshikinuma

แค่เดินเขาอย่างเดียวยังไม่พอ เพราะไกด์ของเราได้เตรียมขนมพื้นเมือง และเครื่องดื่มมาให้เราชิมระหว่างเส้นทาง 4 กิโลเมตรอีกด้วย! พวกเราเพลิดเพลินไปกับการจับคู่ทิวทัศน์สวยๆ กับขนมแสนอร่อยของ Aizuwakamatsu และ Goshikinuma นอกจากนี้ยังทำให้เราได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารท้องถิ่นของจังหวัดฟุกุชิม่าอีกด้วย

เริ่มด้วยขนมบามคูเฮน (Baum Kuchen เค้กขอนไม้) ที่ทำจากเกลือสินเธาว์ยามาชิโอะ (Yamajio เกลือที่แพงที่สุดในญี่ปุ่น ผลิตที่ Oshio Onsen Urabandai) ตามด้วยขนมสุดคลาสสิกอย่างมุชาเซมเบ้ (Musha senbei) ซึ่งเป็นเซมเบ้ที่ประกอบด้วยถั่วลิสงลักษณะคล้ายกับฝักดาบคาตานะ และโกโรเบะ อาเมะ (Gorobe Ame) หรือลูกอมหน้าตาคล้ายเยลลี่ทำจากข้าวเหนียว ว่ากันว่าสูตรของขนมชนิดนี้มีอายุกว่า 800 ปีเลยทีเดียว

ในช่วงท้ายของการเดินทางพวกเรายังได้มีโอกาสลองน้ำพีชชื่อดังของจังหวัดฟุกุชิม่า ซึ่งเป็น 1 ในสถานที่ผลิตลูกพีชที่สำคัญของญี่ปุ่นอีกด้วย

หากติดใจขนมพื้นเมืองแสนอร่อยเหล่านี้ ก็สามารถซื้อได้ทั้งที่ร้านขายของฝากที่ Urabandai Lake Resort และที่ร้านขายของฝากในสถานี Aizuwakamatsu

3. รับประทานอาหารเที่ยง จิบกาแฟที่ Urabandai Lake Resort

หลังจากอิ่มเอมกับเที่ยวศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว Urabandai Bussankan และบึง Yanaginuma (柳沼) ที่อยู่ปลายทางเดินเขา ขอให้ลองข้ามถนนแล้วมุ่งหน้าไปยัง Urabandai Lake Resort ที่นี่เป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ริมทะเลสาบที่อนุญาตให้แขกที่ไม่ได้เข้าพักสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกภายในได้ จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ชะล้างโคลนและความเหนื่อยล้าจากการเดินเขาไปกับการแช่ออนเซ็นกลางแจ้งที่ Nekoma Onsen อีก!

 

 

ออนเซ็นนี้หันหน้าเข้าหาทะเลสาบ Hibara (桧原湖) และจะช่วยเยียวยาใจอย่างแน่นอน หากคุณได้มาเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วงอย่างเรา ก็จะได้เห็นวิวต้นโมมิจิ (Momiji ต้นเมเปิ้ลญี่ปุ่น) เปลี่ยนสีที่ริมบ่อออนเซ็น รวมถึงใบไม้สีแดงที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ให้กลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นเป็นที่สุด

หลังจากแช่ออนเซ็นเสร็จแล้ว ก็อาจจะเริ่มหิวขึ้นมา ขอพาคุณไปลิ้มลอง “Kaiseki” หรืออาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่ร้านอาหารบนชั้น 5 ของรีสอร์ท โดยใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นประจำฤดูกาลต่างๆ ที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี หากได้นั่งในทำเลที่ดีอาจได้เห็นวิวของภูเขา Bandai ที่สวยจนจะต้องตะลึงได้อีกด้วย!

พวกเราไปชิมของขึ้นชื่อในท้องถิ่นกันต่อที่ Urabandai Cafe บริเวณชั้นแรกของรีสอร์ท ที่นี่มีกาแฟสูตรพิเศษเฉพาะอย่างกาแฟ Aizu Yamajio โดยเป็นกาแฟดริปด้วยมือที่มีการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างเกลือสินเธาว์ และน้ำผึ้งชื่อดังของเมือง Aizu พลางนั่งพักผ่อนชมบรรยากาศชิลๆ ภายในร้าน

4. ปีนภูเขา Bandai ชมธรรมชาติสุดมหัศจรรย์แห่ง Urabandai

เส้นทางปีนเขาไม่ได้มีเพียงแค่บึง Goshikinuma แต่ยังมีเส้นทางลุ่มน้ำ Oguninuma (雄国沼湿原) ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติแห่งชาติ (Natural National Monument) ที่มีทิวทัศน์น่าตื่นตาตื่นใจ และยังมีพืชพรรณหายากที่ควรค่าแก่การมาเยือนเป็นอย่างยิ่ง!

นอกจากนี้ยังมีทางเดินริมทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณ Urabandai อย่างทะเลสาบ Hibara ที่คุณสามารถชื่นชมความงามในแต่ละฤดูกาล รวมถึงชายฝั่งของทะเลสาบได้ หากคุณเป็นนักปีนเขามืออาชีพ ก็ขอแนะนำให้ลองปีนภูเขา Bandai ซึ่งเป็น 1 ใน 100 ภูเขาชื่อดังของญี่ปุ่น

คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางการปีนเขาและเดินป่าได้ที่เว็บไซต์ของการท่องเที่ยว Urabandai

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

วิธีการเดินทางมาที่บึง Goshikinuma

สำหรับวิธีการเดินทางมายัง Goshikimuma จะใช้เวลาประมาณ 40 นาทีจากสถานี Aizuwakamatsu โดยรถยนต์ หรือจะเดินทางมาด้วยรถขนส่งสาธารณะก็ได้เช่นกัน

จากโตเกียวให้นั่งรถไฟชินกันเซนจากสถานี Ueno มาลงที่สถานี Koriyama (1 ชั่วโมง 30 นาที ราคา 7,930 เยน) แล้วเปลี่ยนไปยัง Banetsu West Line ไปลงที่สถานี Inawashiro (45 นาที ราคา 680 เยน) จากนั้นนั่งบัสปลายทางสถานี Urabandai Kogen ไปลงที่ป้าย Active Resort Urabandai (35 นาที ราคา 780 เยน)

Klook.com

ดื่มด่ำบรรยากาศสุดอลังที่บึง Goshikinuma

Goshikinuma เรียกได้ว่าเป็นสถานที่มหัศจรรย์ทางธรรมชาติอันแปลกใหม่และชวนให้หลงใหล คุณจะไม่เพียงแต่รู้สึกสดชื่นไปกับการเดินป่าที่เต็มไปด้วยบึงน้ำสีรุ้ง แต่จะยังได้สัมผัสอาหารพื้นเมืองและแช่ออนเซ็น ที่จะเป็นหนึ่งในออนเซ็นงดงามที่สุดที่คุณจะได้พบเห็น 

รีบปักหมุดที่นี่ไว้สำหรับทริปญี่ปุ่นทริปหน้า มาสัมผัสประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืมด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ของ Goshikinuma กันดีกว่า!

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์โทโฮคุ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Stefania
Stefania Sabia
เกิดและโตในอิตาลี ช่วง 10 ขวบได้ใช้ชีวิตอยู่ในไอร์แลนด์ ปัจจุบันอาศัยอยู่ในโตเกียว ชอบการสำรวจสถานที่ลับๆ หรือสถานที่ที่มีความเป็นญี่ปุ่น รวมถึงสิ่งที่สัมผัสได้ถึงความงามแบบย้อนยุค เนื่องจากชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาตั้งแต่วัยเด็ก หลังจากย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นจึงออกสำรวจญี่ปุ่น และตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเผยแพร่ความสวยงามเหล่านั้นผ่านทางอินสตาแกรม
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร