แนะนำ "ภูมิภาคชูบุ" ย่านเมืองเก่าสุดคลาสสิกและวิวภูเขาอันยิ่งใหญ่ตระการตา!

ภูมิภาคชูบุ (中部) เป็นพื้นที่บริเวณตอนกลางของเกาะฮอนชูที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์มากมาย เช่น "จังหวัดคานาซาว่า" ที่มีทั้งเมืองโบราณและภูเขาไฟฟูจิอันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น, หมู่บ้านหลังคามุงจาก "ชิราคาวาโกะ - โกคายาม่า" ที่เป็นหนึ่งในมรดกโลกขององค์การ UNESCO และ "คามิโคจิ" ย่านรีสอร์ทบนภูเขาระดับชั้นแนวหน้า ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปชมประวัติศาสตร์ของภูมิภาคชูบุกันอย่างคร่าวๆ พร้อมแนะนำจุดท่องเที่ยวและสภาพอากาศในแต่ละฤดูกาล รวมถึงวิธีเดินทางจากโตเกียวและโอซาก้าด้วย!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

"ภูมิภาคชูบุ" อยู่ตรงไหน?

ภูมิภาคชูบุ อยู่ในบริเวณตอนกลางของเกาะฮอนชู พื้นที่ประกอบไปด้วย 10 จังหวัด ได้แก่ นีกาตะ, โทยาม่า, อิชิคาว่า, ฟุคุอิ, ยามานาชิ, นากาโนะ, กิฟุ, ชิซูโอกะ, ไอจิ และมิเอะ รวมแล้วมีขนาดกว่า 72,580 ตารางกิโลเมตร ซึ่งนับเป็นพื้นที่ประมาณ 20% ของประเทศญี่ปุ่น

ทางเหนือของภูมิภาคชูบุจะหันหน้าออกสู่ทะเลญี่ปุ่น (日本海) ในขณะที่ทางใต้หันไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนตรงกลางของภูมิภาคนั้นเป็นที่ตั้งของ "เทือกเขาฮิดะ" (飛騨山脈) "เทือกเขาคิโซ" (木曽山脈) และ "เทือกเขาอาคาอิชิ" (赤石山脈) ซึ่งมักจะถูกเรียกรวมกันว่า เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ อย่าง "ภูเขาไฟฟูจิ" ที่ได้รับเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นไปใน ค.ศ. 2013 รวมถึง "ภูเขาอาซามะ" (浅間山) และ "ภูเขาออนทาเกะ" (御嶽山) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญในญี่ปุ่น เช่น "แม่น้ำชินาโนะ" (信濃川) และ "แม่น้ำคิโสะ" (木曽川) ส่งผลให้เกิดเป็นที่ราบบริเวณกว้างบนชายฝั่งทั้งด้านเหนือและใต้

ภูมิภาคชูบุกินพื้นที่ทั้งในแถบคันโต โทโฮคุ และคันไซ ในอดีต ที่นี่เคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะเส้นทางคมนาคมสายสำคัญที่เชื่อมระหว่างพื้นที่ฝั่งตะวันออกและตะวันตกของญี่ปุ่น และในปัจจุบันก็กลายเป็นศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่ยังมีอาคารบ้านเรือนแบบเก่าๆ ให้ได้ชมกันอยู่ ตัวอย่างเช่น เมืองไปรษณีย์ที่เรียกว่า "ชุคุบะ" (宿場町) 

จุดท่องเที่ยวในภูมิภาคชูบุ

จังหวัดนีกาตะ (新潟)

จังหวัดนีกาตะตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเกาะฮอนชู มีลักษณะทอดตัวยาวในแนวเหนือ - ใต้ โดยหันหน้าออกสู่ทะเลญี่ปุ่น จังหวัดนี้มีพื้นที่ทั้งหมดราว 12,584 ตารางกิโลเมตรซึ่งนับว่าใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศเลยทีเดียว

นีกาตะเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "ช่องเขาคิโยสึ" (清津峡) หนึ่งในสามหุบเขาลึกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น, จุดถ่ายรูปที่มีชื่อเสียงอย่าง "นาขั้นบันไดโฮชิโทเกะ" (星峠の棚田), จุดรับพลังธรรมชาติที่ดีที่สุดอย่าง "ศาลเจ้ายาฮิโกะ" (彌彦神社) และเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง "เหมืองทองซาโดะคินซัง" (佐渡金山)

นอกจากนี้ นีกาตะก็ยังเป็นพื้นที่ที่มีหิมะตกหนักที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นด้วย จึงมีกีฬาฤดูหนาวให้ไปสนุกกันได้มากมาย เช่น สกี สโนว์บอร์ด ฯลฯ อีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตข้าวชั้นนำที่มีปริมาณการผลิตสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศด้วย โดยเฉพาะสายพันธุ์โคชิฮิคาริ (コシヒカリ) ของแบรนด์อุโอนูมะ (魚沼産) ที่ว่ากันว่าเป็นแบรนด์ข้าวที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น

ในอีกด้านหนึ่ง จังหวัดนีกาตะก็ขึ้นชื่อในเรื่องการผลิตสาเกญี่ปุ่นชั้นนำและเป็นอันดับ 1 ของประเทศทั้งในด้านจำนวนโรงหมักและปริมาณการบริโภค แถมยังมีการเปิดโรงหมักสาเกให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมด้วย

จังหวัดโทยาม่า (富山)

จังหวัดโทยาม่าตั้งอยู่ทางเหนือของบริเวณตอนกลางของเกาะฮอนชู มีพื้นที่รวมประมาณ 4,248 ตารางกิโลเมตรซึ่งนับว่ากว้างเป็นอันดับที่ 33 ของประเทศ ทิศเหนือหันไปทาง "อ่าวโทยามะ" (富山湾) ในขณะที่อีกสามด้านแวดล้อมไปด้วยภูเขาสูงชัน เช่น "เทือกเขาทาเตยามะ" (立山連峰) ที่ได้ชื่อว่าเป็นแอลป์ภาคเหนือของญี่ปุ่น และในบริเวณอ่าวเองก็ถูกล้อมด้วยที่ราบขนาดใหญ่เช่นกัน

ที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ คุณสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทั้งสี่ได้อย่างชัดเจน แถมยังมีสัตว์ป่าและพืชพรรณหลากชนิดให้ได้ชมกันด้วย นอกจากนี้ก็มีเส้นทางเดินเขาที่ดังไกลระดับโลกอย่าง "เส้นทางแอลป์ทาเตยามะคุโรเบะ" (立山黒部アルペンルート) รวมถึง "รถไฟชมวิวหุบเขาคุโรเบะ" (黒部峡谷) หนึ่งในสามหุบเขาขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นที่คุณสามารถชมทิวทัศน์สุดตระการตากันได้อย่างจุใจ, "ชายฝั่งอะมะฮาราชิ" (雨晴海岸) ที่มีทัศนียภาพของเทือกเขาทาเตยามะที่ทอดตัวยาวอยู่เหนือน้ำทะเล และ "หมู่บ้านหลังคามุงจากกัสโชสึคุริ" (合掌造り集落) ในจังหวัดโกคายาม่าซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด

นอกจากนี้ อ่าวโทยามะเองก็เต็มไปด้วยปลานานาชนิดจนได้ฉายาว่าเป็นตู้ปลาธรรมชาติด้วย รับรองว่าคุณจะได้เพลิดเพลินกับรสชาติอาหารทะเลสดใหม่กันอย่างเต็มที่แน่นอน 

จังหวัดอิชิคาว่า (石川)

จังหวัดอิชิคาว่ามีลักษณะเรียวยาว ทอดตัวในแนวเหนือ - ใต้อยู่ในบริเวณที่เกือบจะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคชูบุ จังหวัดนี้มีพื้นที่รวมประมาณ 4,186 ตารางกิโลเมตรซึ่งถือเป็นอันดับที่ 35 ของญี่ปุ่น

นอกจากนี้ คาบสมุทรที่อยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดนี้เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยภูเขาและทะเล ทำให้คุณสามารถสนุกกับการชมวิวอันสวยงามของแนวชายฝั่งได้หลากหลายรูปแบบด้วย

ในสมัยเอโดะ คานาซาว่าเคยเจริญรุ่งเรืองขึ้นในฐานะเมืองปราสาทของแคว้นซางะ ที่นี่จึงมีทัศนียภาพแบบเมืองเก่าที่มีเสน่ห์อยู่หลายจุด ตัวอย่างเช่น เมืองที่เต็มไปด้วยที่พักสำหรับซามูไรและโรงน้ำชาที่ดูมีรสนิยม และจุดท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง "เค็นโรคุเอ็น" (兼六園) หนึ่งในสามสวนญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ อีกทั้งยังมีงานฝีมือดั้งเดิมแบบต่างๆ ให้คุณได้เที่ยวชมด้วย เช่น เครื่องเขินวาจิมะ (輪島塗) เครื่องปั้นดินเผาคุทานิ (九谷焼) และการวาดลายบนผืนผ้าย้อมที่เรียกว่า "คางะยูเซ็น" (加賀友禅) 

นอกจากนี้ พื้นที่คางะที่อยู่ทางตอนใต้ของอิชิคาว่าก็เป็นทั้งแหล่งออนเซ็นและจุดชมเมืองโบราณที่มีเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็น "ภูเขาฮาคุซัง" (白山) หนึ่งในสามภูเขาชื่อดังของญี่ปุ่น หรือบ่อน้ำพุร้อนอย่าง "ยามานากะออนเซ็น" (山中温泉) "ยามาชิโระออนเซ็น" (山代温泉) และ "คาตายามาซึออนเซ็น" (片山津温泉)

จังหวัดฟุคุอิ (福井)

จังหวัดฟุคุอิก็ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางภูมิภาคชูบุเช่นกัน โดยทางเหนือจะหันไปทางทะเลญี่ปุ่นและ "อ่าววาคาสะ" (若狭湾) ที่เต็มไปด้วยคาบสมุทรและอ่าวขนาดเล็กอีกมากมาย พื้นที่ชายฝั่งของทะเลญี่ปุ่นนี้มีชื่อเสียงในฐานะชายฝั่งแบบเรีย (Ria Coast) ที่ใหญ่เป็นพิเศษและหาชมได้ยาก ทั้งจังหวัดมีพื้นที่รวมประมาณ 4,190 ตารางกิโลเมตรซึ่งถือเป็นอันดับที่ 34 ของประเทศ

ฟุคุอิเต็มไปด้วยจุดท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์มากมาย อย่างหน้าผาที่มีชื่อเสียงในฐานะจุดชมวิวสุดสวยอย่าง "โทจินโบ" (東尋坊) และ "มิคาตะ โกะโคะ" (三方五湖) ทะเลสาบห้าแห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น Ramzar Site* รวมถึง "วัดไดฮอนซัง เอเฮย์จิ" (永平寺) ที่มีประวัติยาวนานกว่า 700 ปี และ "ปราสาทเอจิเซ็น โอโนะ" (越前大野城) ที่ดูราวกับลอยอยู่ท่ามกลางสายหมอกบนฟ้า เป็นทัศนียภาพที่สวยงามมากทีเดียว

นอกจากนี้ "เมืองซาบา" (鯖江市) ยังมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งผลิตกรอบแว่นที่มีปริมาณการผลิตมากถึง 90% ของประเทศ เป็นสินค้าคุณภาพสูงที่ดังไกลระดับโลกด้วย

*Ramzar Site = การทำอนุสัญญารักษาพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ ณ เมืองแรมซาร์

จังหวัดยามานาชิ (山梨)

จังหวัดยามานาชิอยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของภูมิภาคชูบุ ที่นี่มี "แอ่งโคฟุ" (甲府盆地) อยู่ตรงกลางและล้อมรอบด้วยภูเขาที่สูงชัน เช่น "กลุ่มภูเขาไฟยัตสึกาทาเกะ" (八ヶ岳) และเทือกเขาแอลป์ภาคใต้ ที่นี่มีที่ราบสูงอยู่เพียงเล็กน้อยและพื้นที่ส่วนใหญ่ก็เป็นเขตภูเขาสูงซึ่งกินบริเวณกว่า 80% ของพื้นที่ทั้งจังหวัดซึ่งมีอยู่ราว 4,465 ตารางกิโลเมตร ส่งผลให้ยามานาชิมีความกว้างเป็นอันดับที่ 32 ของประเทศ

เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของยามานาชิ ก็แน่นอนว่าต้องเป็นจุดชมวิวธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นมรดกโลกอย่าง "ภูเขาไฟฟูจิ" (富士山), "ทะเลสาบทั้ง 5 แห่งภูเขาไฟฟูจิ" (富士五湖) ที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟในอดีต, "หุบเขามิตาเกะโชเซ็นเคียว" (昇仙峡) ที่ได้ชื่อว่าเป็นหุบเขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น หรือแหล่งรวมรีสอร์ทออนเซ็นที่มีชื่อเสียงอย่าง "ฮาโกเน่" (箱根)

จังหวัดยามานาชิเป็นแหล่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และเฟื่องฟูในการปลูกผลไม้เอามากๆ มีทั้งองุ่น ลูกท้อ และลูกพลัมสุโมโมะ ปริมาณการผลิตของจังหวัดนี้ถือเป็นอันดับ 1 ของประเทศเลยทีเดียว นอกจากนี้ ที่นี่ก็เป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่นที่โด่งดังมากๆ ด้วย คุณสามารถมาเพลิดเพลินกับรสชาติของไวน์ยามานาชิได้ถึงโรงบ่มเลยทีเดียว

Klook.com

จังหวัดนากาโนะ (長野)

จังหวัดนากาโนะเป็นจังหวัดที่อยู่ลึกเข้าไปในเกาะฮอนชู โดยจะอยู่บริเวณตอนกลาง และล้อมรอบไปด้วยภูเขาที่มีความสูงเกิน 3,000 เมตรหลายลูกซึ่งกินพื้นที่ไปประมาณ 84% ของจังหวัด  นากาโนะมีพื้นที่รวมกว่า 13,561 ตารางกิโลเมตรซึ่งถือเป็นอันดับ 4 ของประเทศ

สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดนี้ก็มีทั้ง "ปราสาทมัตสึโมโตะ" (松本城) ทรัพย์สินประจำชาติญี่ปุ่นที่มีการทาสีขาวดำตัดกันอย่างสวยงาม และ "ศาลเจ้าสุวะไทฉะ" (諏訪大社) ที่เป็นหนึ่งในจุดรับพลังธรรมชาติชั้นแนวหน้าของทางจังหวัด นอกจากนี้ก็ยังมี "วัดเซ็นโคจิ" (善光寺) มรดกทางวัฒนธรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,400 ปี และแหล่งรวมรีสอร์ทบทที่ราบสูงอย่าง "คามิโคจิ" (上高地) "คารุอิซาว่า" (軽井沢) และกลุ่มภูเขาไฟยัตสึกาทาเกะ

หากคุณชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ที่นี่ก็มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ให้คุณไปสนุกกันอย่างเต็มที่ได้เช่นกัน ทั้งการปีนเขา เดินป่า พายเรือแคนูในช่วงฤดูร้อน และเล่นสกีกับสโนว์บอร์ดในฤดูหนาว

จังหวัดกิฟุ (岐阜)

กิฟุเป็นจังหวัดหนึ่งในฝั่งตะวันตกของภูมิภาคชูบุที่อยู่ติดกับอีก 7 จังหวัด มีพื้นที่รวมประมาณ 10,621 ตารางกิโลเมตรซึ่งนับว่ากว้างเป็นอันดับ 7 ของญี่ปุ่น

พื้นที่ทางตอนเหนือของกิฟุมีภูเขาที่สูงเกิน 3,000 เมตรที่เรียงรายกันอยู่มากมาย เช่น "ภูเขาโฮทากะ" (奥穂高岳) ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และ "ภูเขาโนริคุระ" (乗鞍岳) กล่าวได้ว่าพื้นที่กว่า 80% ของจังหวัดนี้เป็นภูเขานั่นเอง นอกจากนี้ ที่นี่ก็ยังมี "แม่น้ำนาการะ" (長良川) ที่โด่งดังในฐานะหนึ่งในสามแม่น้ำที่ใสสะอาดที่สุดในประเทศ รวมถึงมีการจับปลาด้วยนกกาน้ำ ซึ่งเป็นวิธีโบราณที่มีอายุกว่า 1,300 ปีด้วย 

จังหวัดกิฟุก็มีแหล่งท่องเที่ยวดังๆ อยู่หลายแห่งเช่นกัน อย่าง " หมู่บ้านชิราคาวาโกะ - กัสโชสึคุริ" (白川郷合掌造り集落) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และ "สถานีมาโกเมะจูกุ" (馬籠宿) ที่ยังคงเหลือสถาปัตยกรรมเมืองโบราณให้ได้ชมกันอยู่ แต่หากคุณเป็นสายรักการผจญภัยล่ะก็ ที่นี่ก็มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ให้คุณไปปีนเขาอย่างเต็มรูปแบบได้ หรือจะไปเดินป่าและล่องแพก็ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรมการผลิตงานฝีมือที่เจริญรุ่งเรือง และเป็นต้นกำเนิดของ "เครื่องปั้นดินเผามิโนะ" (美濃焼) ที่เป็นตัวแทนสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น กับ "เครื่องเขินชุนเค" (飛騨春慶) ที่สืบทอดอยู่ในพื้นที่ฮิดะมาตั้งแต่สมัยโบราณด้วย นับเป็นหนึ่งในของฝากยอดนิยมของกิฟุเลยทีเดียว

จังหวัดชิซูโอกะ (静岡)

จังหวัดชิซูโอกะตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของภูมิภาคชูบุ พื้นที่ทางตอนใต้จะหันออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันออกอยู่ติดกับ "คาบสมุทรอิซุ" (伊豆半島) อันกว้างใหญ่ ในขณะที่ทิศเหรือของจังหวัดจะเป็นทิศเดียวกับภูเขาไฟฟูจิ นอกจากนั้นก็ยังมีเทือกเขาอีกมากมายที่พาดผ่านในแนวทิศตะวันออก - ตะวันตกเป็นทางยาวด้วย พื้นที่รวมของชิซูโอกะอยู่ที่ประมาณ 7,777 ตารางกิโลเมตรซึ่งถือเป็นอันดับที่ 13 ของประเทศ

จุดท่องเที่ยวหลักของจังหวัดนี้ คือ ภูเขาไฟฟูจิที่เป็นมรดกโลก และ "มิโฮะ โนะ มิตสึบาระ" (三保松原) สถานที่ที่ได้รับการกำหนดเป็นจุดชมวิวระดับชาติแห่งแรกในญี่ปุ่น อีกทั้งยังมี "ปราสาทฮามามัตสึ" (浜松城) ที่สร้างขึ้นภายใต้การบังคับบัญชาของโทคุกาว่า อิเอยาสุ ผู้ก่อตั้งรัฐบาลเอโดะรุ่นแรก และเมืองออนเซ็นออนเซ็นที่มีชื่อเสียงอย่าง "อาตามิ" (熱海) กับพื้นที่บริเวณอิซุที่ได้รับการกำหนดให้เป็น UNESCO World Geopark ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ชิซูโอกะยังเป็นแหล่งผลิตชาที่มีชื่อเสียง คุณสามารถสัมผัสกับประสบการณ์พิธีชงชาและการเด็ดใบชาได้อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งยังจะได้อิ่มอร่อยไปกับเมนูอาหารท้องถิ่นมากมาย เช่น ปลาไหลจากทะเลสาบอามานะ (浜名湖) และกุ้งซากุระจากอ่าวซึรุกะ (駿河湾) 

จังหวัดไอจิ (愛知)

จังหวัดไอจิตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูมิภาคชูบุ พื้นที่รวมอยู่ที่ประมาณ 5,172 ตารางกิโลเมตรซึ่งจัดเป็นอันดับที่ 27 ของประเทศ ทางตะวันตกเป็น "ที่ราบโนบิ" (濃尾平野) อันกว้างใหญ่ ส่วนตะวันออกเป็นที่ตั้งของ "ที่ราบสูงมิโนมิคาวะ" (美濃三河高原) ที่มีภูเขาอยู่ทางทิศตะวันออก นอกจากนี้ก็ยังมี "อ่าวอิเสะ" (伊勢湾) และ "อ่าวมิคาวะ" (三河湾) ที่แผ่กว้างออกไปทางทิศใต้ ซึ่งตัวอ่าวมิคาวะนี้ก็ถูกล้อมไว้ด้วย "คาบสมุทรชิตะ" (知多半島) และ "คาบสมุทรอัตสึมิ" (渥美半島) ที่ขยายตัวไปไกลถึงมหาสมุทรแปซิฟิกด้วย

ไอจินับเป็นพื้นที่ที่เป็นทั้งศูนย์กลางอุตสาหกรรมและวัฒนธรรมของภูมิภาคนี้ โดยมีสำนักงานใหญ่ของทางจังหวัดตั้งอยู่ในเมืองใหญ่อย่างนาโกย่า 

นอกจากนี้ จังหวัดไอจิก็เป็นบ้านเกิดของสามขุนศึกชื่อดังแห่งยุคสงครามเซ็นโกคุ ได้แก่ โอดะ โนบุนากะ, โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ, โทคุกาว่า อิเอยาสุ ด้วย ที่นี่จึงมีความเกี่ยวข้องกับสมบัติประจำชาติมากมาย เช่น "ปราสาทอินุยามะ" (犬山城) ปราสาทนาโกย่า (名古屋城) สวนโทคุกาวะเอ็น (徳川園) ฯลฯ อีกทั้งยังมีสถานที่อย่าง "ที่ราบสูงชาอุสุยามะ" (茶臼山高原) ที่คุณสามารถไปเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีพื้นที่ที่โดดเด่นในฐานะจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอย่าง "หุบเขาโครังเค" (香嵐渓) ด้วย

อีกหนึ่งสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนไอจิ คือ วัฒนธรรมอาหารที่โดดเด่นแม้กระทั่งในญี่ปุ่นเอง อย่าง "มิโซะทงคตสึ" (味噌カツ หมูชุบเกล็ดขนมปังทอดราดซอสมิโซะ) "คิชิเมง" (きしめん ก๋วยเตี๋ยวที่มีเส้นกว้างเป็นจุดเด่น) และ "โอกุระโทสต์" (小倉トースト ขนมปังปิ้งราดถั่วแดงต้มน้ำตาลที่นำไปบด)

จังหวัดมิเอะ (三重)

จังหวัดมิเอะตั้งอยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทรคิอิ (紀伊半島) โดยตัวจังหวัดจะหันไปทางมหาแปซิฟิก พื้นที่รวมของมิเอะอยู่ที่ประมาณ 5,774 ตารางกิโลเมตรซึ่งจัดเป็นอันดับที่ 25 ของประเทศ

มิเอะเป็นที่ตั้งของ "ศาลเจ้าอิเสะจิงกู" (伊勢神宮) ศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดในบรรดาศาลเจ้าชินโตในญี่ปุ่นที่มีอยู่กว่า 80,000 แห่ง อีกทั้งยังมีจุดท่องเที่ยวมากมายที่จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่นกันอย่างเต็มที่ เช่น มรดกโลกแสนสำคัญอย่าง "เส้นทางแสวงบุญคุมาโนะโคโดะ" (熊野古道), จุดปีนหน้าผาหินบน "ภูเขาโกะไซโชะ" (御在所岳), "น้ำตกอากาเมะชิจูฮาจิทาคิ" (赤目四十八滝) และ "อ่าวอะโก" (英虞湾) ที่ได้รับการกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของ "อุทยานแห่งชาติอิเสะ - ชิมะ" (伊勢志摩国立公園) เนื่องจากเป็นหนึ่งในพื้นที่ชายฝั่งแบบเรียที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นนั่นเอง

นอกจากนี้ มิเอะก็ยังมีอาหารเลิศรสมากมายรอให้คุณไปชิม ไม่ว่าจะเป็นกุ้งมังกรญี่ปุ่น หอยนางรม หรือ "เนื้อมัตสึซากะ" (松坂牛) ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามเนื้อวัวชั้นยอดของญี่ปุ่น!

ประวัติศาสตร์ชูบุ : พื้นที่ทำศึกและยุทธการชื่อดังมากมาย!

ในปัจจุบัน มีการขุดพบซากอารยธรรมญี่ปุ่นโบราณในพื้นที่ของภูมิภาคชูบุ ทั้งชิ้นส่วนจากโครงกระดูกมนุษย์ที่เรียกว่า "มิคคาบิ แมน" (Mikkabi Man) ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้เมื่อประมาณ 7,500 – 9,500 ปีก่อน และ "ซากปรักหักพังจากยุคหินโทไกชิ" (Togaishi Stone Age Ruins) ในจังหวัดนากาโนะ นอกจากนี้ก็ยังมี "โบราณสถานโทโระ" (Toro Remains) ในจังหวัดชิซูโอกะ กับเศษซากอารยธรรมอื่นๆ อีกมากมายจากยุคโจมงและยุคยาโยอิด้วย

เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์ภูมิภาคชูบุ อีกหนึ่งหัวข้อที่จะข้ามไปไม่ได้เลยก็คือ แม่ทัพแห่งยุคสงครามเซ็นโกคุ เนื่องจากผู้นำทางทหารหลายคนในยุคนั้นมักจะมีความเกี่ยวข้องกับภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะ 3 ขุนศึกผู้มีชื่อเสียง ได้แก่ โอดะ โนบุนากะ, โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ และโทคุกาว่า อิเอยาสุ ที่มีบทบาทในสงครามครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์อย่าง "ยุทธการที่โอเกฮาซามะ" (桶狭間の戦い) และ "ยุทธการที่เซกิงาฮาระ" (関ヶ原の戦い) ที่ส่งผลให้โอดะ โนบุนากะ รวมแผ่นดินญี่ปุ่นเป็นหนึ่งเดียวกันได้สำเร็จ ดังนั้น หากคุณเป็นแฟนประวัติศาสตร์ยุคเซ็นโกคุของญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ ไม่ควรพลาดการท่องเที่ยวในภูมิภาคชูบุเด็ดขาด!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

สภาพอากาศอันหลากหลาย : พื้นที่หิมะตกหนักและบริเวณที่อบอุ่น

พื้นที่ภูมิภาคชูบุแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ พื้นที่ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกที่เรียกว่า "โทไก" (東海), ที่ราบสูงในใจกลางภูมิภาค, และพื้นที่ในภูมิภาคโฮคุริคุที่อยู่ฝั่งทะเลญี่ปุ่น แต่ละที่ล้วนมีสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกัน

อากาศในพื้นที่โทไกจะมีฝนตกชุกในฤดูร้อนและค่อนข้างอบอุ่นในฤดูหนาว ในขณะที่โฮคุริคุจะมีทั้งฝนและหิมะตกหนักในฤดูหนาวเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมที่มีความชื้นสูงซึ่งพัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนบริเวณที่ราบสูงทางตอนกลางของภูมิภาคนั้นจะมีจุดเด่นอยู่ที่อุณหภูมิช่วงกลางวันและกลางคืนที่ต่างกันอย่างสุดขั้ว ซึ่งเป็นผลจากการเป็นดินแดนปิดที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลนั่นเอง

ต่อไป เราจะมาแนะนำสภาพอากาศในฤดูกาลต่างๆ กันอย่างคร่าวๆ โดยใช้แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างอิชิคาว่าและคานาซาว่าเป็นตัวอย่าง

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม)

ช่วงเดือนมีนาคมของจังหวัดคานาซาว่าจะเป็นฤดูหิมะละลาย อากาศตอนเช้าและเย็นจะค่อนข้างหนาวเย็น และมีความแตกต่างของอุณหภูมิอย่างสุดขั้ว ด้วยเหตุนี้ เสื้อโค้ทและผ้าพันคอหนาๆ กับอุปกรณ์กันหนาวต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย และหากคุณต้องการชมซากุระสวยๆ ในฤดูนี้ล่ะก็ เราขอแนะนำให้ไปที่ "สวนเค็นโรคุเอ็น" (หนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น) ในช่วงปลายเดือนมีนาคม - ต้นเมษายน

เมื่อเข้าสู่เดือนเมษายน อากาศจะค่อยๆ อุ่นขึ้นในตอนกลางวัน โดยจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 15 - 18 องศาเซลเซียส แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่วงเช้าและเย็นยังคงมีอากาศที่หนาวเย็นอยู่ เราจึงขอแนะนำให้สวมเสื้อโค้ท เสื้อคลุมฮาโอริแบบญี่ปุ่น หรือผ้าคลุมไหล่เพื่อให้ความอบอุ่นด้วย

ในเดือนพฤษภาคม อากาศก็จะอุ่นขึ้นไปอีก โดยอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงกลางวันจะอยู่ที่ 20 องศาเซลเซียส ในขณะที่อากาศช่วงเช้าและเย็นอาจลงไปอยู่ที่ 10 องศา เดือนนี้จึงเป็นช่วงที่อากาศค่อนข้างสบาย เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวในคานาซาว่าที่สุด

ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม)

เมื่อถึงเดือนมิถุนายน อุณหภูมิในคานาซาว่าจะสูงขึ้นไปถึง 22.2 องศาเซลเซียส และอาจลงไปต่ำสุดที่อุณหภูมิเฉลี่ย 19 องศา แต่อาจหนาวขึ้นอีกในวันที่ฝนตก ซึ่งก็จะมีค่อนข้างบ่อยในเดือนนี้

อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมจะเพิ่มสูงขึ้น โดยอยู่ที่ประมาณ 27 องศาเซลเซียสเท่ากับกรุงโตเกียว และบางครั้งก็อาจสูงถึง 30 องศาหรือมากกว่านั้นได้เช่นกัน นอกจากนี้ ความชื้นในอากาศก็จะเพิ่มสูงขึ้นด้วยจึงอาจทำให้คุณรู้สึกร้อนกว่าความเป็นจริง แต่เนื่องจากอุณหภูมิภายในและภายนอกอาคารจะแตกต่างกันพอสมควร เราจึงขอแนะนำให้คุณสวมแจ็คเก็ตที่ระบายอากาศได้ดี และพกร่มติดตัวไว้เสมอเพราะฤดูร้อนของคานาซาว่าจะมีฝนตกค่อนข้างบ่อย

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน)

หลังจากนั้น อุณหภูมิก็จะสูงขึ้นถึง 25 องศาเซลเซียสไปจนถึงกลางเดือนกันยายน คุณจึงสามารถใส่เสื้อแขนสั้นได้ทั้งวัน แต่เมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคม อากาศก็จะเริ่มเย็นลงอีกครั้ง โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 10 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่าในช่วงปลายตุลาคม

ในเดือนพฤศจิกายน อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 12 องศาเซลเซียส และจะรู้สึกหนาวขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน แต่ในขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นฤดูชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามด้วย ในช่วงเวลานี้ สถานที่ที่สวยที่สุดในโฮคุริคุ คือ "หุบเขาคาคุเซนเค" (鶴仙渓) และ "สวนเค็นโรคุเอ็น" ดังนั้น หากคุณต้องการจะไปเที่ยวแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำว่าเพียงสวมเสื้อแขนยาว หรือเสื้อคลุมแบบไม่มีฮู้ดและไม่หนาเกินไปก็เพียงพอแล้ว แต่อากาศในช่วงเช้าและเย็นจะค่อนข้างหนาวเย็นจึงควรสวมเสื้อเพิ่มอีกชั้นด้วย

Klook.com

ฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์)

อากาศของคานาซาว่าในช่วงเดือนธันวาคมจะค่อนข้างแปรปรวนและมีวันที่ลมหนาวพัดมาบ่อยพอสมควร อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงนี้จะอยู่ที่ 6 องศาเซลเซียสซึ่งจัดว่าค่อนข้างหนาว และเมื่อถึงเดือนมกราคม ลมมรสุมที่พัดเข้ามาทางตะวันตกเฉียงเหนือก็จะส่งผลให้เกิดหิมะตกหนัก โดยปริมาณหิมะตกในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์อาจหนาราว 20 - 60 เซนติเมตร และเมื่อละลายแล้วก็อาจทำให้ถนนกลายเป็นโคลนซึ่งเดินยาก เราจึงขอแนะนำให้คุณสวมรองเท้ากันน้ำ เช่น รองเท้าบู้ทหรือบู้ทกันฝนเมื่อออกไปข้างนอก และอย่าลืมสวมเสื้อคลุมหรือเสื้อดาวน์หนาๆ และพกอุปกรณ์ป้องกันความหนาวที่จำเป็น เช่น ถุงมือหรือถุงร้อนติดตัวไปด้วย


ด้านล่างนี้เป็นตารางข้อมูลเกี่ยวกับอุณหภูมิเฉลี่ยและปริมาณน้ำฝนในแต่ละฤดูกาลของจังหวัดต่างๆ ในภูมิภาคชูบุ คุณสามารถใช้เป็นคู่มือในการแพลนทริปเที่ยวของคุณได้เลย
 

Klook.com

การเดินทางสู่ภูมิภาคชูบุ

วิธีเดินทางไปยัง Chubu Centrair International Airport

ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ (中部国際空港セントレア) เป็นประตูสู่น่านฟ้าของภูมิภาคชูบุ มีเที่ยวบินประจำที่เดินทางไปมาจาก 17 จังหวัดในประเทศญี่ปุ่น และ 17 เมืองจากต่างประเทศ เที่ยวบินทั้งสองแบบอยู่ในอาคารผู้โดยสารหลังเดียวกันและคุณก็สามารถเปลี่ยนเครื่องได้อย่างสะดวกสบาย เพียงเดินจากชั้นผู้โดยสารขาเข้าไปยังชั้นผู้โดยสารขาออกเท่านั้น!

วิธีเดินทางจากโตเกียว

หากคุณต้องการเดินทางจากโตเกียวไปยังภูมิภาคชูบุ ก็สามารถขึ้นรถไฟชินคันเซ็นไปได้อย่างสะดวกสบาย หากคุณนั่งขบวน "โนโซมิ" (Nozomi) จากสถานีโตเกียวไปยังสถานีนาโกย่าจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 40 นาทีเท่านั้น แต่หากเป็นขบวน "โคดามะ" (Kodama) ก็จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที ค่าโดยสารแบบไม่จองที่นั่งมีราคาอยู่ที่ 10,560 เยน

หากคุณต้องการเดินทางไปยังคานาซาว่า เราขอแนะนำให้ใช่บริการ "โฮคุริคุ ชินคันเซ็น" (Hokoriku Shinkansen) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อ ค.ศ. 2015 ซึ่งหากคุณนั่งขบวน "คากายากิ" (Kagayaki) ใช้เวลาเดินทางจากสถานีโตเกียวไปคานาซาว่าเพียง 2 ชั่วโมง 30 นาที และมีค่าโดยสารอยู่ที่ประมาณ 14,380 เยน แต่หากเป็นขบวน "ฮาคุทากะ" (Hakutaka) ก็จะใช้เวลา 3 ชั่วโมง ในราคา 13,850 เยน

วิธีเดินทางจากโอซาก้า

คุณสามารถนั่งรถไฟชินคันเซ็นจากโอซาก้าไปนาโกย่าได้อย่างสะดวกสบายเช่นกัน โดยเริ่มต้นที่สถานีชินโอซาก้า หากคุณเดินทางด้วยขบวน "โนโซมิ" (Nozomi) จะใช้เวลา 50 นาที ส่วนขบวน "โคดามะ" (Kodama) จะใช้เวลา 70 นาที ค่าโดยสารของที่นั่งแบบไม่จองอยู่ที่ 5,940 เยน

หากคุณต้องการไปคานาซาว่า เราขอแนะนำให้ใช้รถไฟด่วนพิเศษที่ชื่อ "ธันเดอร์เบิร์ด" (Thunder Bird) ซึ่งจะพาคุณเดินทางจากสถานีชินโอซาก้าไปยังสถานีคานาซาว่าในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ค่าโดยสารของที่นั่งแบบไม่จองก็จะอยู่ที่ 7,260 เยน

การเดินทางไป "ภูเขาไฟฟูจิ" อ่านต่อได้ในบทความด้านล่างนี้

https://www.tsunagujapan.com/th/ultimate-guide-mt-fuji/

ส่งท้าย

เป็นอย่างไรกันบ้าง? ภูมิภาคชูบุเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์น่าสนใจ อีกทั้งยังมีทิวทัศน์ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ตระการตา และเป็นจุดที่ประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นเดินทางมาบรรจบกัน เพียงคุณแวะมาก็จะได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ มากมาย แม้กระทั่งรูปแบบความเชื่อของชาวญี่ปุ่น หากมีโอกาสก็อย่าลืมมาเยี่ยมชมภูมิภาคชูบุกันด้วยนะ!

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์ชูบุ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

okada
okada
เป็นคนโตเกียวที่ชอบอ่านหนังสือและเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ และหลงใหลในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศอื่นๆ หลังจากที่ตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากประวัติศาสตร์แล้ว ตอนนี้ก็กลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นและโลกอีกครั้ง
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร