[รีวิว!] 5 ร้านชานมไข่มุกอร่อยที่สุดดดดในฮาราจูกุ-โอโมเตะซันโด กินเองรีวิวเอง ไม่โม้!

"ฮาราจูกุ" ดินแดนวัยรุ่นสุดฮิปในโตเกียว ที่ที่มีทั้งเสื้อผ้าน่าช็อปและร้านอาหารแสนอร่อยมากมาย แน่นอนว่ารวมถึง "ชานมไข่มุก" ด้วย! สำหรับรีวิวในครั้งนี้ tsunagu Japan ได้ส่งทีมงานไปค้นหาร้านชานมไข่มุกทุกซอกทุกมุมในฮาราจูกุ-โอโมเตะซันโด และเลือก 5 ร้านที่อร่อยที่สุดพร้อมเมนูเด็ดที่พลาดไม่ได้มาให้แล้ว! สายกินรออะไรอยู่คะ เข้ามาจดลิสต์ได้เลย!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

ใครๆ ก็ไปเที่ยว "ฮาราจูกุ" ~

สวัสดีค่ะ~ กลับมาอีกครั้งกับบทความ #tsunaguพากิน วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปตะลุยกินกันที่ย่านฮาราจูกุ (原宿) และ โอโมเตะซันโด (表参道) ย่านช็อปปิ้งสุดชิคในโตเกียวที่คงไม่มีใครไม่รู้จัก วันนี้เราจะพาทุกคนไปกินชานมไข่มุก!!!! เมนูอร่อยแบบสวรรค์ทรงโปรดกัน ผู้เขียนเองก็อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีสิ่งนี้ เลยต้องไปคัดร้านเด็ดๆ มาฝากผู้อ่านกันสักหน่อย~

สำหรับวิธีการเดินทางไปฮาราจูกุก็ไม่ยากเลย แค่นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote มาลงที่สถานี Harajuku (原宿) หรือจะนั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Chiyoda หรือ Fukutoshin มาลงสถานี Meijijingu-mae (明治神宮前) ก็ได้เช่นกัน! 

หลังจากไปตระเวนชิมชานมไข่มุกในย่านฮาราจูกุและโอโมเตะซันโดจนครบทุกซอกทุกมุมแล้ว ทีมงานก็ได้เลือก 5 ร้านที่อร่อยที่สุดมารีวิวให้ผู้อ่านฟังกันแบบละเอียดยิบซึ่งจะเรียงลำดับตามตำแหน่งของร้านค้าในแผนที่ด้านล่างนี้ ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มกันเลยดีกว่า!

Xing Fu Tang ร้านชานมชื่อดังกลางถนน Takeshita

ขอเริ่มประเดิมกันที่ Takeshita Street ถนนช็อปปิ้งชื่อดังแห่งย่านฮาราจูกุ แค่ลงสถานี Harajuku มาก็เจอทันที! เดินเข้าซอยไปได้ไม่ไกล คุณก็จะพบกับร้านชานมร้านแรกของเรา Xing Fu Tang (幸福堂) หนึ่งในแบรนด์ชานมไข่มุกสัญชาติไต้หวันที่โด่งดังที่สุด เพิ่งมาเปิดสาขาในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว และที่นี่ยังเป็นเพียงสาขาเดียวในโตเกียวอีกด้วยค่ะ! (ทั่วญี่ปุ่นมีเพียง 3 สาขาเท่านั้น) 

โด่งดังขนาดนี้ ก็เลยมักจะมีคิวย้าวยาวอยู่แทบจะตลอดเวลา แต่อยู่กลางซอย Takeshita Street แบบนี้ ต่อคิวไปเล็งเสื้อผ้าร้านข้างๆ ไปพร้อมกันได้เลย 

จุดสังเกตง่ายๆ ของร้านนี้ คือ ป้ายร้านสีขาวโดดเด่น และไข่มุกในกระทะทองเหลืองร้อนๆ ที่นำมาเคี่ยวในน้ำตาลทรายแดงให้ดูกันแบบสดๆ ตักใส่แก้วให้ดูกันแบบจะจะ แถมข้างๆ ก็มีพนักงานมายืนทำไข่มุกให้ดูกันเพลินๆ ด้วย 

ภายในร้านตกแต่งอย่างน่ารักตามสไตล์ไต้หวัน ระหว่างรอคิวไปก็เลือกเมนูไป เพราะที่นี่มีเมนูเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายมาก แถมยังมีซอฟต์ครีม และขนมไต้หวันแบบต่างๆ ให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากกันด้วยนะ

แน่นอนว่ามาถึงแล้วก็ต้องขอลองเมนูขึ้นชื่อที่สุด Gold Foil Brown Sugar Boba Milk (850 เยนไม่รวมภาษี) มีแค่แบบเย็น ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องบราวน์ชูการ์อยู่แล้ว เพิ่มคอมบิเนชั่นด้วยนมสดฟินๆ เพิ่มครีมชีสเน้นๆ โรยน้ำตาลบราวน์ชูการ์ และปิดท้ายด้วยแผ่นทองคำเปลวโปะหน้าให้ดูกันแบบจะจะบนแท่นสุดอลังการ!

ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นป้ายเขียนว่าชานมแก้วนี้กินแล้วจะ "สวยขึ้นและรวยขึ้นด้วยแผ่นทองคำเปลว" เป็นอีกหนึ่งกิมมิคที่น่าสนใจสุดๆ เมื่อได้เครื่องดื่มมาแล้วก็ต้องคนให้เข้ากันทั้งหมด 18 รอบก่อนกิน เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยที่สุด ย้ำอีกครั้งนะคะว่า 18 รอบ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจริงไหมแต่ทีมงานก็จัดการตามนั้นเรียบร้อยค่ะ ฮ่าๆ 

 

มาถึงการรีวิวรสชาติ ก็ต้องบอกได้เลยว่าดีมากกก บราวน์ชูการ์รสหวาน เข้ากับนมอุ่นๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าไม่ชอบทานหวานก็อาจจะต้องขอให้ใส่บราวน์ชูการ์น้อยหน่อยเพราะหากเลือกแบบปกติจะค่อนข้างหวานเลยทีเดียวค่ะ ส่วนที่เด็ดที่สุดของแก้วนี้ คือ ไข่มุกที่เคี่ยวจนมีรสหอมหวานอ่อนๆ ดูจากในรูปด้านบนก็จะเห็นว่าน่ากินสุดๆ ใครที่ชอบไข่มุกนิ่มๆ เม็ดไม่ใหญ่ รับรองว่าถูกใจแน่นอน!

ส่วนตัวทองคำเปลวที่โปะบนแก้ว ลองดูดดีๆ จะได้รสสัมผัสที่แปลกออกไป แต่ไม่ได้มีรสชาติเด่นออกมา (ก็ทองคำเปลวอะเนอะ) และสำหรับเครื่องดื่มบางเมนูก็จะมีเมนูแบบร้อนให้เลือกอร่อยกันด้วย เหมาะสำหรับหน้าหนาวอากาศเย็นๆ แบบนี้ที่สุด เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เราอยากให้ไปลองกันค่ะ!
 

⭐️สรุปคอมเมนต์ร้าน Xing Fu Tang โดยทีมงาน⭐️
คนเยอะแต่บริการไว บราวน์ชูการ์หอมอร่อย ออกหวาน นมรสละมุน ไข่มุกอร่อยและนิ่ม เหมาะกับสายหวานสุดๆ

Tiger Sugar หาญกล้าเช่นเหล่าพยัคฆ์!

อ่านชื่อหัวข้อแล้วอาจจะงงกันเล็กน้อย แต่นี่คือสโลแกนของร้านที่ 2 ของเราซึ่งก็คือ ร้าน Tiger Sugar (東京老虎堂) Brave as a tiger นั่นเองค่ะ! ร้านนี้ก็มีสาขาอยู่ในหลายประเทศ มีจุดเด่นอยู่ตรงรสชาติบราวน์ชูการ์ที่เป็นเอกลักษณ์ และไข่มุกเคี่ยวหวานอร่อยนั่นเอง

สำหรับร้านนี้จะต้องเดินทะลุถนน Takeshita Street ออกมาก่อน เลี้ยวขวา เดินไปเรื่อยๆ จะเจอโซนที่รวมร้านค้าหลายๆ ร้านไว้เหมือนในภาพด้านบนค่ะ แม้ว่าร้านอื่นๆ จะดูเป็นสไตล์เกาหลีซะหมด แต่ Tiger Sugar หลุดธีมด้วยการเป็นร้านชานมไข่มุกแบรนด์ดังจากไต้หวัน

เมื่อเดินเข้าไปในร้านก็จะเจอเคาน์เตอร์ร้าน ก็เดินเข้าไปสั่งได้เลยค่ะ ช่วงที่ไปเป็นตอนบ่ายๆ วันธรรมดา จึงมีคนไม่เยอะมาก และในเมนูจะเขียนว่าทุกเมนูสามารถสั่งได้ทั้งแบบร้อนและเย็น ทีมงานจึงสั่งเมนูแบบร้อนมาลองกินคลายหนาวดูค่ะ

ตอนสั่งก็สามารถเลือกระดับความหวาน ปริมาณน้ำแข็ง และท็อปปิ้งต่างๆ ได้ตามใจชอบ สำหรับไข่มุกของร้านนี้จะมี 2 แบบให้เลือก คือ Boba (ไข่มุกเม็ดใหญ่) และ Pearl (ไข่มุกเม็ดเล็ก) 

เมนูที่ทีมงานของเราเลือก คือ Brown Sugar Boba + Pearl Milk with Cream (650 เยนรวมภาษี) เป็นเมนูยอดนิยมอันดับ 1 ของทางร้าน เราสั่งแบบร้อนเป็นนมอุ่นๆ ใส่บราวน์ชูการ์สูตรเด็ดของร้าน และไข่มุกทั้ง 2 แบบ ซึ่งต้องบอกเลยว่าผู้เขียนและทีมงานประทับใจไข่มุกของร้านนี้มาก เพราะรสสัมผัสของไข่มุกทั้ง 2 แบบจะไม่เหมือนกัน แต่เข้ากันดีสุดๆ ตัวไข่มุกจะนุ่มกว่าและหวานร้อนกว่าร้านแรก 

นมสดที่ให้มาก็เข้ากับบราวน์ชูการ์ได้ดีมาก เราสั่งแบบหวานน้อยไปและได้รสชาติที่คิดว่ากำลังดีเลยค่ะ กินเข้าไปก็จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีม (แอบอยากให้ใส่ครีมมากกว่านี้หน่อย แต่เท่านี้ก็อร่อยแล้วค่ะ) ที่นี่ใช้นมสดคุณภาพดี ดีต่อร่างกาย ส่วนน้ำตาลสูตรเด็ดของที่นี่ก็ต้มใหม่ทุกวัน ให้รสอร่อยที่แผ่ซ่านไปทั้วทั้งปาก และไม่หวานเลี่ยนหรือบาดคอเลย

และเคล็ดลับความอร่อยของที่นี่ก็คือ ต้องเขย่าแก้วให้ครบ 15 รอบก่อนกิน จะทำให้บราวนชูการ์ผสมเข้ากับนม ได้รสและกลิ่นหอมที่กำลังดี (เชื่อแล้วว่าอร่อยขึ้นจริง)

บางคนอาจจะสงสัยว่าชานมไข่มุกแบบร้อนจะอร่อยจริงๆ เหรอ!? ก็ขอตอบเลยค่ะว่าอร่อยจริงๆ ยิ่งในหน้าหนาวแบบนี้ก็ยิ่งฟิน เพราะนอกจากจะอุ่นไหลลื่นคอแล้ว ความร้อนก็ยิ่งทำให้ตัวไข่มุกอร่อยขึ้นไปอีก และเมนูร้อนของร้านนี้ก็ไม่ได้ร้อนมาก เรียกได้ว่าอุ่นกำลังดีเลย อยากให้ได้มาลองกัน!

บริเวณโซนร้านอาหารก็จะมีโต๊ะเก้าอี้ให้ได้นั่งกินกินชิลล์ๆ หรือจะซื้อของกินจากร้านใกล้ๆ มากินคู่กันก็ยังได้ อร่อยกันได้แบบยาวๆ ไปเลย
 

⭐️สรุปคอมเมนต์ร้าน Tiger Sugar โดยทีมงาน⭐️
สั่งแบบหวานน้อยแต่อร่อยมาก คนไม่เยอะ บราวน์ชูการ์หวานไม่เลี่ยนเข้ากับนม หอมครีมอ่อนๆ อุ่นกำลังดี ที่เด็ดสุดคือไข่มุก 2 แบบ อร่อยขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า

อยากจะแอบบอกว่าที่ฮาราจูกุ นอกจากจะมีร้านชานมไข่มุกเทพๆ มากมายแล้วก็ยังมีเมนูโด่งดังอีกอย่าง คือ "ชีสทอด" และในตึกเดียวกันกับ Tiger Sugar ก็มีร้านชีสทอดชื่อดังอย่าง Jongno Cheese Hatogu อยู่ด้วย ครั้งนี้ก็เลยจัดรีวิวชีสทอดด้วยซะเลย แบบว่ายืดดดดสุดๆ ~

ใครอยากไปชิมชีสทอดด้วยก็กดอ่านบทความนี้ได้เลยจ้าา

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

Chun Shui Tang ร้านชานมไข่มุกเจ้าแรกของไต้หวัน!

ต่อไปเราจะพาทุกคนไปเดินถนนฝั่งโอโมเตะซันโดกันบ้าง ตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ยิ่งเป็นช่วงหน้าหนาวอุณหภูมิก็ลดฮวบฮาบทำให้หนาวขึ้นแบบสุดๆ ถึงเวลาของชานมไข่มุกร้อนแล้วค่ะ! สำหรับร้านชานมไข่มุกแห่งที่ 3 นี้ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่โด่งดังแบบสุดๆ และมีสาขาอยู่มากมายทั่วญี่ปุ่น 

Chun Shui Tang (春水堂) สาขาโอโมเตะซันโด แบรนด์นี้เป็นร้านต้นตำรับของเมนูชานมไข่มุกไต้หวัน มีชื่อเสียงจนมีสาขามากมายหลายประเทศ และแน่นอนว่าย่านวัยรุ่นสุดจ๊าบอย่างฮาราจูกุเองก็หนีไม่พ้นเช่นกัน

ร้านนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร มีที่นั่งแบบ Eat In ในร้านค่อนข้างเยอะ เพราะนอกจากเมนูเครื่องดื่มต่างๆ รวมถึงชานมไข่มุกแล้วก็ยังมีเมนูอาหารอื่นๆ อย่างก๋วยเตี๋ยวไต้หวัน เมนูติ่มซำ รวมไปถึงของหวานสไตล์ไต้หวันต่างๆ ที่การันตีว่าอร่อยได้รสชาติและบรรยากาศเหมือนกับกำลังอยู่ไต้หวันจริงๆ ใครที่กำลังหิวก็สามารถกินอาหารเป็นมื้อแบบจริงจังแล้วตบท้ายด้วยชานมไข่มุกแสนอร่อยได้เลยค่ะ

แต่ในครั้งนี้ขอมาลองแค่ชานมไข่มุกก่อน ว่าแล้วก็เดินเข้าไปสั่งเมนู Take Out กับพนักงานที่เคาท์เตอร์กันเลย!

เมนูที่ได้ลิ้มลองไปเป็นเมนูยอดนิยมอันดับ 1 ของทางร้าน นั่นก็คือ Pearl Milk Tea (500 เยนไม่รวมภาษี) เลือกได้ทั้งแบบร้อนและเย็น แต่สำหรับอากาศหนาวๆ แบบนี้ก็ต้องแบบร้อนสิถึงจะฟิน! 

เนื่องจากเราสั่งเป็นแบบ Take Out จึงได้ชานมใส่แก้วกระดาษมา พร้อมฝาปิดและหลอดดูด สำหรับรสชาติก็ต้องบอกได้เลยว่าสมแล้วที่เป็นร้านชานมไข่มุกต้นตำรับ เพราะชานมหอมมากกก ไม่หวานจนเกินไป ส่วนตัวไข่มุกจะค่อนข้างหนึบ เม็ดไม่ใหญ่มาก เคี้ยวเพลินๆ เข้ากับชานมร้อนๆ แต่ถ้าทิ้งไว้นานก็จะหนึบน้อยลง คิดว่าน่าจะเป็นเพราะโดนความร้อนจากชาค่ะ

ชานมไข่มุกร้านนี้นอกจากอร่อยแล้วก็ยังดีต่อสุขภาพด้วย เพราะที่นี่ใช้ใบชาคุณภาพดี มั่นใจได้เลยว่าอร่อย ปลอดภัย ไร้สารเติมแต่งและสารกันบูดแน่นอน

คำเตือน! ชานมแบบร้อนมันร้อนสะใจจริงๆ จิบทีแรกก็ลวกปากลวกลิ้นได้เลยค่ะ เพราะฉะนั้นควรรอสักครู่ก่อนแล้วค่อยๆ กิน แต่ยังไงก็ควรกินให้หมดก่อนชาจะเย็นชืดนะคะ จะได้อร่อยจนหยดสุดท้ายแบบที่ทีมงานเราการันตีค่ะ อิอิ

ระหว่างรอชานมให้หายร้อนก็มาเก๊กท่าถ่ายรูปหน้าร้านกันเพลินๆ ก่อน แอบกระซิบว่าร้านนี้เขามีเมนูประจำฤดูกาลต่างๆ ด้วยนะคะ อย่างในช่วงที่ทีมงานไปลองก็จะมีเมนูประจำฤดูใบไม้ร่วงเป็น ชาโฮจิเกาลัดกับชาจัสมินส้มยูสุ เห็นว่าในฤดูใบไม้ผลิก็จะมีเมนูชาซากุระที่มีขายแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้นด้วย อร่อยได้หลากหลายรูปแบบตลอดปีเลยทีเดียว

แน่นอนว่าที่นี่ไม่ได้มีทีเด็ดแค่เครื่องดื่มร้อน แต่เครื่องดื่มเย็นก็น่าลองเช่นกัน ที่นี่มีเมนูเครื่องดื่มเองให้เลือกมากมายหลายแบบมากๆ ใครมีโอกาสได้มาญี่ปุ่นก็ต้องมาเก็บแต้มลองร้านนี้ให้ได้เลยนะคะ~
 

⭐️สรุปคอมเมนต์ร้าน Chun Shui Tang โดยทีมงาน⭐️
ชาหอมมากแต่ก็ร้อนมากด้วย เหมาะกับหน้าหนาวเป็นที่สุด รสหวานอ่อนๆ ไข่มุกหนึบเม็ดเล็ก เคี้ยวเพลินแต่ไม่ควรกินนานเกินไป

Klook.com

Gong Cha ชานมไข่มุกขวัญใจทุกคน!

เดินต่อไปอีกไม่ไกลก็จะเจอกับร้านที่ 4 ของเรา เป็นแบรนด์ที่คนญี่ปุ่นทุกคนต้องรู้จัก นั่นก็คือ Gong Cha (อ่านว่า กงฉะ) อีกร้านชานมไข่มุกรุ่นบุกเบิกจากไต้หวัน ตอนนี้โด่งดังจนมีสาขากว่า 1,300 สาขาทั่วโลก! ร้องหูวววยาวๆ กันเลยทีเดียว และแน่นอนว่าที่ญี่ปุ่นเองก็เป็นที่นิยมมากเช่นกัน ไม่ว่าไปสาขาไหนก็ต้องเจอแถวยาวเหยียด ขอแนะนำให้มาในช่วงมืดๆ ของวันธรรมดาคนจะไม่เยอะมากค่ะ

กงฉะมีสาขาอยู่ในหลายประเทศ เมื่อก่อนเคยมาเปิดที่ไทยอยู่ครั้งหนึ่งแต่สุดท้ายก็ปิดตัวไป บอกได้คำเดียวว่าเสียดายมากก ต้องมากินที่ญี่ปุ่นแทน

และร้านนี้ถือว่าเป็นร้านโปรดอันดับ 1 ของผู้เขียนเลยทีเดียว มีสาขาเยอะ และก็อร่อยทุกที่ มาถึงก็เจอคิวนิดหน่อยให้พอรอไหว แต่พนักงานบริการเร็วมากค่ะ รอแป๊ปเดียวก็ได้สั่งแล้ว

สเต็ปการสั่งชานมของที่นี่ถ้าไปครั้งแรกก็อาจจะงงๆ หน่อย โดยต้องเริ่มจากชนิดเครื่องดื่ม → เลือกแบบร้อนหรือเย็นและไซส์ S, M, L (ถ้าไซส์ L จะสั่งได้แค่แบบเย็นเท่านั้น) → เลือกระดับความหวาน → เลือกปริมาณน้ำแข็ง (ถ้าไม่ใส่น้ำแข็งเพิ่ม 70 เยน) → เลือกท็อปปิ้งชนิดละ 70 เยน

เอาล่ะ เรามาสั่งกันเลยดีกว่า! เมนูวันนี้ คือ เมนูประจำใจของผู้เขียน (และของใครหลายๆ คน) Black Milk Tea + Pearl ไซส์ M (490 เยนไม่รวมภาษี) แบบเย็น หวานธรรมดา เป็นเมนูแนะนำของทางร้านและก็เป็นเมนูโปรดของทีมงานด้วย พูดถึงกงฉะก็ต้อง Black Tea ไง! ชาที่นี่เขาเด็ดจริงๆ ด้วยรสชาที่หอมนุ่มลึก แนะนำให้เลือกแบบใส่น้ำแข็งน้อย ก็จะเย็นนิดๆ กำลังดี อร่อยแบบดีไปหมด

ส่วนไข่มุกของที่นี่จะค่อนไปทางหนึบ เคี้ยวมันส์จนหมดแก้ว ใครชอบไข่มุกเคี้ยวหนึบๆ นี่ห้ามพลาดเลยนะคะ

 

นอกจากท็อปปิ้งไข่มุกแล้ว ที่นี่ก็ยังมีท็อปปิ้งทีเด็ดเป็นมิลค์โฟมที่นุ่มอร่อยถูกใจคนทุกเพศทุกวัย ว่านหางจระเข้ เม็ดแมงลัก วุ้นมะพร้าว และเฉาก๊วยให้เลือกอีกด้วย ใครชอบอะไรก็เติมไปเพิ่มความอร่อยได้เลยค่ะ

ตัวร้านจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ (สำหรับรองรับลูกค้าที่บางทีก็จะมีคิวยาวมว๊ากก) และมีพื้นที่ให้ได้กินชานมกันชิลล์ๆ สบายๆ ในร้าน แถมยังมีเก้าอี้ที่หน้าร้านอีกด้วย แต่ตอนนี้มืดแล้วและหนาวพอสมควร กินในร้านก็คือฟินสุดๆ เลยล่ะค่ะ

อีกจุดหนึ่งที่ผู้เขียนชอบเกี่ยวกับร้านนี้ คือ ไซส์ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย หิวน้อยสั่ง S หิวมากสั่ง L แต่ขนาดที่กำลังดีเข้ากับปริมาณไข่มุกสุดๆ ก็คงจะเป็นไซส์ M นี่แหละค่ะ 

และอย่างที่บอกไปว่า Gong Cha เป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่น ที่สาขาโอโมเตะซันโดนี้ก็มักจะมีคิวยาวเหยียดอยู่ตลอด เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2019 จึงได้เปิดเพิ่มอีกสาขาใกล้ๆ สาขานี้เลย เรียกว่าสาขา 2nd โอโมเตะซันโด (ゴンチャ 原宿表参道 2nd店) เดินไปแค่แป๊ปเดียว แถมคนน้อยกว่าด้วย ใครเจอคนเยอะก็ไปที่สาขานี้แทนได้นะคะ อร่อยเหมือนกันแน่นอน!
 

⭐️สรุปคอมเมนต์ร้าน Gong Cha โดยทีมงาน⭐️
ชาดำหอมอร่อย เลือกระดับความหวาน เย็น และไซส์ได้ตามใจชอบ แนะนำแบบใส่น้ำแข็งน้อย ไข่มุกหนึบเคี้ยวเพลิน ท็อปปิ้งเยอะยิ่งเติมยิ่งอร่อย! เมนูดูธรรมดาแต่รสชาติไม่ธรรมดาเลยจ้า

The Alley LuJiaoXiang ปิดท้ายด้วยแบรนด์ดังเจ้าประจำ

มาถึงร้านสุดท้ายแต่ความอร่อยไม่รั้งท้ายใคร เพราะร้านนี้ก็เด็ดไม่แพ้ร้านอื่นๆ 

The Alley LuJiaoXiang ชานมแบรนด์รูปกวาง ที่แม้จะเป็นแบรนด์น้องใหม่ แต่ก็มีสาขามากมายตั้งอยู่ในหลายประเทศ เคล็ดลับอยู่ที่ชาหอมคุณภาพดี ไข่มุกแสนอร่อย และน้ำตาลทรายสูตรเฉพาะของทางร้าน!

นอกจากการตกแต่งร้านด้วยสีโทนอุ่นสบายตาน่านั่งแล้ว ที่นี่ก็ยังมีเมนูเครื่องดื่มให้เลือกมากมาย ทั้งยังมีเมนูเครื่องดื่มใหม่ๆ ออกมาให้ได้ลิ้มลองกันอยู่เรื่อยๆ โดยไข่มุกของทางร้านจะเรียกว่า Deerioca ที่มาจาก Deer + Tapioca นั่นเอง น่ารักสุดๆ ไปเลย

และในบรรดาเมนูที่มีให้เลือกมากมาย ทางทีมงานก็ได้สั่ง Brown sugar Tapioca Matcha Latte ไซส์ M (650 เยนไม่รวมภาษี) มาลิ้มลองความอร่อยของบราวน์ชูการ์สูตรเด็ด ผสมผสานกับชาเชียวที่ใครๆ ก็บอกกันว่าอร่อยสุดๆ

เครื่องดื่มของที่นี่มี 2 ไซส์คือ M และ L และเลือกได้ทั้งแบบ Hot, Mild Hot, และ Cold (แบบ Hot, Mild Hot จะสั่งได้แค่ไซส์ M เท่านั้น) ตอนแรกก็ลังเลว่าจะสั่งแบบร้อน (เพราะข้างนอกมืดแล้วหนาวมากก) แต่ก็อยากลองแบบที่คนนิยมที่สุด ก็เลยได้แบบเย็นมานั่นเองค่ะ
 

ระหว่างรอเครื่องดื่มก็ชมบรรยากาศร้านไปเพลินๆ ร้านนี้ตกแต่งได้น่ารักสุดๆ มีการประดับด้วยหลอดไฟและหัวกวางน้อยเป็นสัญลักษณ์ประจำร้าน รอไม่นานก็ได้เครื่องดื่ม ต้องบอกเลยว่าที่นี่ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ ทั้งใบชาที่คัดมาอย่างพิถีพิถัน น้ำตาลทรายเคี่ยวเอง และไข่มุกสูตรพิเศษโดยจะเสิร์ฟแบบที่ทำสดๆ ไม่เกิน 3 ชั่วโมงเท่านั้น! 

พนักงานทุกคนจะเชคชานมไข่มุกทุกแก้วอย่างตั้งใจโดยไม่ใช้เครื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าจะดึงกลิ่นหอมของชาออกมาได้ดีที่สุด และได้ชานมไข่มุกที่อร่อยที่สุด โดยแนะนำว่าจะต้องกินให้หมดภายในครึ่งชั่วโมง ห้ามเกินนะคะเดี๋ยวไม่อร่อย!

ถึงเวลาชิมแล้ว! เนื่องจากเป็นเมนูบราวน์ชูการ์ รสชาติก็จะออกหวานหน่อยๆ แต่อร่อยและเข้ากับชาเขียวได้ดีมากๆ ค่ะ ถึงจะกินชานมบราวน์ชูการ์มาหลายร้านแล้วก็ไม่เบื่อเลย ส่วนไข่มุกก็หนึบแบบกำลังดี ยิ่งเคี้ยวยิ่งเพลิน มีรสหวานหน่อยๆ สมกับเป็น Deerioca จริงๆ! ให้คะแนนเต็มไปเลยค่าา

แอบกระซิบว่าตอนนี้ The Alley ก็กำลังมีแคมเปญพิเศษร่วมกับ Line Friends ด้วยนะ เป็นเครื่องดื่มรสพิเศษที่เสิร์ฟมาในแก้วลาย Line Friends สุดน่ารัก และมีแก้วแบบใช้ซ้ำได้ขายในราคา 1,000 เยนด้วยนะคะ! เหล่าสาวกต้องไปตำ!
 

⭐️สรุปคอมเมนต์ร้าน The Alley LuJiaoXiang โดยทีมงาน⭐️
แนะนำเมนูบราวน์ชูการ์กับมัทฉะลาเต้ หวานหอมอร่อย ไข่มุกหนึบเคี้ยวเพลิน เมนูเยอะจนเลือกไม่ถูกมีทั้งร้อนและเย็น ร้านสวย แก้วชาก็สวย อย่าลืมเตรียมกล้องไปถ่ายกันด้วยนะ!

ไปกินชานมไข่มุกที่ฮาราจูกุ - โอโมเตะซันโดกันดีกว่าา~

จบกันไปแล้วกับ 5 ร้านชานมไข่มุกที่อร่อยที่สุดในย่านฮาราจูกุ-โอโมเตะซันโด ย่านสุดคูลของโตเกียวที่คัดสรรมาอย่างดีโดยทีมงาน tsunagu Japan ทั้ง Xing Fu Tang - Tiger Sugar - Chun Shui Tang - Gong Cha และ The Alley LuJiaoXiang เราขอการันตีว่าอร่อยทุกร้าน เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องคิดมาก ไปลองให้หมดเลยค่าา

ใครที่เดินทางไปช็อปปิ้งแถวนั้นก็อย่าลืมแวะไปชิมชานมไข่มุกอร่อยๆ กันด้วยนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน และถ้าหากไปช่วงฤดูหนาว ก็จะได้ชมไฟประดับอิลลูมิเนชั่นสุดอลังการที่ถนนช็อปปิ้งสายโอโมเตะซันโดด้วยนะ บรรยากาศดีสุดๆ

สำหรับบทความนี้ เราก็ขอลาไปก่อน ถ้าอยากรู้ว่าครั้งหน้าเราจะพาไปช็อปหรือไปชิมอะไรที่ไหนก็สามารถไปติดตามกันได้ที่เว็บไซต์นี้นะคะ~

 

 

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์คันโต

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

eve_elmt
eve_elmt
เราเป็นนักเรียนไทยอาศัยอยู่ในโตเกียว อยู่ญี่ปุ่นมาก็สามปีกว่าแล้ว ชอบเที่ยว ชอบลองสิ่งใหม่ๆ และชอบประเทศญี่ปุ่นมากๆ ก็อยากจะแชร์ประสบการณ์ดีๆ ที่ญี่ปุ่นให้ทุกคน หวังว่าจะชอบบทความของเรานะ :)
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร