แนะนำ 20 สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณต้องแวะหากได้ไปเที่ยว "ชินากาว่า" โตเกียว

สถานีชินากาว่า (Shinagawa) เป็นสถานีที่มีผู้ใช้บริการผ่านสาย JR หรือมาเพื่อเปลี่ยนสายรถไฟจาก Keikyu เป็น JR เป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากสถานีนี้ไม่ใช่แหล่งอาคารสำนักงานหรือเขตโรงเรียน ทำให้ผู้คนที่มาลงสถานีนี้มีไม่มากนัก แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีแหล่งช็อปปิ้ง แต่กลับมีสถานที่น่าสนใจมากกว่าที่คุณคิดเลยล่ะ เราจะมาเริ่มแนะนำจากสถานที่ที่เป็นที่รู้จักไปจนถึงสถานที่น่าสนใจที่หลบซ่อนอยู่ในเขตนี้กัน

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

แนะนำ 10 สถานที่ท่องเที่ยวของชินากาว่า

1. ศาลเจ้าชินากาว่า (Shinagawa Shrine)

ภายในเมืองหลวงนั้นมีสถานที่ที่ถูกเรียกว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ (หรือที่เรียกกันว่า power spot) มากมาย แต่สำหรับ ”ศาลเจ้าชินากาว่า” ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่มีตำนานเล่าขานว่าทำให้ มินาโมโตะ โนะ โยริโทโมะ (Minamoto no Yoritomo) นั้นรอดพ้นจากวิกฤต และเป็นฝ่ายพลิกกับมาชนะในการทำสงครามได้ ทั้งนี้ “บ่อน้ำอิจิริวมังไบ (Ichiryu Manbai)” บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ภายในศาลเจ้าย่อย ”อะนะอินาริ (Ana Inari)” ที่อยู่ภายในวัดนั้นขึ้นชื่อในเรื่องการเพิ่มโชคด้านการเงิน จึงทำให้มีผู้แวะเวียนมาสักการะอย่างไม่ขาดสาย

ศาลเจ้าชินากาว่า มีเนินฟุจิซึกะ (Fujizuka) ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงอยู่ ที่นี่เป็นเนินจำลองที่ถือเป็นตัวแทนของภูเขาไฟฟูจิในสมัยเอโดะ ซึ่งในแต่ละชั้นจะมีป้ายสลักแสดงตำแหน่งตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 9 ซึ่งบนยอดของฟุจิซึกะเองก็มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเลยทีเดียว แม้จะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลเพียงแค่ 15 เมตร ก็ถือว่าเป็นภูเขาไฟฟูจิจำลองที่สามารถเดินไปได้จากสถานี Shimbaba สาย Keikyu ทางออกทิศเหนือ

2. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชินากาว่า (Shinagawa Suizokukan)

หากพูดถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำของเขตชินากาว่านั้นหลายคนมักจะสับสบระหว่าง แมกซ์เซล อควอ พาร์ค (Maxell Aqua Park) กับ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชินากาว่า (Shinagawa Suizokukan) สำหรับ “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชินากาว่า” นั้น เป็นพิพิธภัณฑ์เก่าแก่ เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1991 ภายในสวนสาธารณะของเขตชินากาว่า (Shinagawa Ward Residents' Park) บริเวณโอโมริไคกัง (Omorikaigan) ปัจจุบันนี้ทางเดินของอุโมงค์ใต้น้ำในพิพิธภัณฑ์กลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชินากาว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชินากาว่าคือมีการเน้นจัดนิทรรศการด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีการจำลองแม่น้ำที่ไหลลงสู่อ่าวโตเกียว หรือระบบนิเวศของชายฝั่งและหาดใต้ทะเลต่างๆ ที่เริ่มสูญพันธุ์ ซึ่งเป็นสื่อการเรียนรู้แก่ผู้เข้าชมเป็นอย่างมาก ทั้งนี้คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับโซนของแมงกระพรุน การแสดงปลาโลมา แมวน้ำ และเพนกวินได้อีกด้วย

3. ชินากาว่าจูคุ โคริวคัง (ศูนย์แลกเปลี่ยนข่าวสารชินากาว่า)

ชินากาว่าเคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะที่เป็นเมืองสัญจรแรกในโทไกโด (ฝั่งทะเลตะวันออกของญี่ปุ่น) ของเอโดะในอดีต จากสถานี Keikyu-Kitashinagawa ถึงสถานี Oomori-Kaigan ในปัจจุบันนี้ยังมีร้านค้าเรียงรายมากมายในถนนเส้นเดิม และยังคงพัฒนาสิ่งต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ชินากาว่าเป็นเขตสัญจรแม้ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงก็ตาม ซึ่ง “ศูนย์แลกเปลี่ยนข่าวสารชินากาว่าจูคุ หรือชินากาว่าจูคุโคริวคัง (Shinagawa-Shuku Koryukan)” นั้นจะทำหน้าที่คอยเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนข่าวสาร

หากพูดถึงสิ่งที่คอยช่วยเหลือนักท่องเที่ยวหรือผู้มาเยือนที่สำคัญนั้นก็คือ สมาคมการท่องเที่ยวและศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวนั่นเอง ที่ “ชินากาว่าจูคุ โคริวคัง” นั้นเป็นอีกหนึ่งที่ที่มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับร้านค้าและสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณรอบๆ คอยให้บริการ และหากคุณเหนื่อยกับการเดินเที่ยวแล้ว ยังมีร้านขนมและร้านกาแฟมากมายที่เปิดต้อนรับให้คุณแวะเข้าไปพักผ่อนด้วยนะ

4. พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยฮารา (Hara Museum of Contemporary Art)

“พิพิธภัณฑ์ฮารา” เป็นพิพิธภัณฑ์เฉพาะทางของศิลปะร่วมสมัย เปิดในปี 1979 แต่เดิมสถานที่นี้สร้างขึ้นในปี 1938 และถูกปรับแต่งให้กลายเป็นที่อยู่อาศัยของ ฮาระ คุนิโซ (Hara Kunizo) นักธุรกิจในสมัยนั้น ดังนั้นไม่เพียงแค่ผลงานที่จัดแสดงเท่านั้น แม้แต่ตัวอาคารและสวนนั้นก็ควรค่าแก่การเข้าชม ไม่เพียงเท่านี้ คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับการชมสวนบริเวณรอบๆ ไปพร้อมกับรับประทานอาหารและจิบน้ำชาที่ “Cafe d’Art" ได้อีกด้วย

 

น่าเสียดายที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะปิดทำการในปลายเดือนธันวาคม 2020 เนื่องจากความเสื่อมโทรมของตัวอาคารและกฎข้อบังคับต่างๆ จึงทำให้สถานที่แห่งนี้เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว เราจึงอยากแนะนำให้คุณได้ไปลองเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ก่อนที่จะปิดตัวลง ส่วนของสะสมภายในทั้งหมดจะถูกย้ายไปยัง “Hara Museum ARC” ที่เมืองอิเซซากิ จังหวัดกุนมะ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีการจัดการอาคารและสวนที่นี่ต่อไปอย่างไร

5.พิพิธภัณฑ์ยาแผนจีน Nihondo Kampo Museum

แม้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถึงแม้จะตั้งอยู่ในเขตมินาโตะ แต่สามารถเดินจากสถานีชินากาว่าโดยใช้เวลาเพียง 4 นาที ภายในพิพิธภัณฑ์นั้นประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ “แกลเลอรี่ยาแผนจีน” “ร้านขายยาแผนจีน” และร้านอาหารสมุนไพร “จูเซ็น (10ZEN)” ที่สามารถให้คุณได้ศึกษาเกี่ยวกับโลกของยาแผนจีนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ อีกทั้งยังมีโรงเรียน Kampo ที่สามารถให้คุณเข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับยาแผนจีนได้อีกด้วย 

คุณสามารถหาซื้อชาสุขภาพหรือเครื่องสำอางจากธรรมชาติได้ที่ ”Nihondo Kampo Boutique” แต่ก่อนที่จะซื้อสินค้าใดๆ เราแนะนำให้คุณขอเข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรก่อน ซึ่งตรงนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพราะอาจทำให้คุณเข้าใจสาเหตุของปัญหาสุขภาพและอารมณ์ของตัวเองมากขึ้น หากคุณต้องการปรึกษาอย่างจริงจัง ขอแนะนำให้โทรไปจองล่วงหน้า

Klook.com

6. สะพานยัตสึยามะ (Yatsuyama Bridge)

สะพานยัตสึยามะนั้นได้กลายมาเป็นจุดศูนย์กลางของคนทั้งประเทศเนื่องจากความนิยมของเทศกาลวิ่งผลัด Hakone Ekiden ในวันขึ้นปีใหม่ และที่นี่ยังเป็นที่จดจำเนื่องจากเป็นสถานที่ปรากฎตัวของก๊อตซิล่าตอนบุกโตเกียว ใน “ก๊อตซิล่า” ผลงานชิ้นเอกที่ติดอันดับตลอดกาลของญี่ปุ่น อีกทั้งที่นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการออกเดินสำรวจเมืองชินากาว่าในอดีต และยังมีมีป้ายสลักว่าอดีตเส้นทางโทไกโดอยู่ที่เชิงสะพานอีกด้วย

จริงๆ แล้วสะพานยัตสึยามะนี้ยังเป็นจุดชมรถไฟที่โดดเด่นในโตเกียว ซึ่งสามารถมองเห็นรถไฟสาย JR Yamanote สาย Keihin Tohoku สาย Tokaido สาย Yokosuka และคุณยังสามารถมองเห็นรถไฟ Narita Express และ ชินคันเซ็นวิ่งผ่านจากบนสะพานได้ อีกทั้งด้านข้างของสะพานนั้นยังมีขบวนรถไฟหลากหลายหน้าตาของ Keikyu Express ผ่านไปมาอีกด้วย สิ่งนี้ไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับแค่ผู้ที่คลั่งไคล้ในรถไฟเท่านั้นแต่รวมถึงเด็กๆ ที่ชื่นชอบรถไฟด้วยเช่นกัน

7. พิพิธภัณฑ์นิคอน (Nikon Museum)

พิพิธภัณฑ์นิคอน (Nikon Museum) ในอาคาร Shinagawa Intercity ที่สถานีชินากาว่า ทางออกฝั่งโคนัน (Konan) นั้น สร้างโดยบริษัทกล้องนิคอนเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี และไม่ได้มีแค่กล้องเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์วิทยศาสตร์เกี่ยวกับแสงและการมองเห็นที่มีบทบาทสำคัญในวงการอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่เทคโนโลยีทางการแพทย์ไปจนถึงเทคโนโลยีทางอวกาศ คุณสามารถเข้าไปดูสินค้าลิมิเต็ดที่น่าสนใจใน museum shop และซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านได้อีกด้วย

Shinagawa Intercity นั้น จะหันหน้าเข้าหาอาคาร Grand Commons ซึ่งมี Central Garden คั่นกลาง และด้านข้างของ Grand Commons นี้เองก็มี Canon Tower ซึ่งมีการจัดนิทรรศการ “Canon Plaza” เพื่อแข่งขันกับพิพิธภัณฑ์นิคอน ถ้าหากคุณเป็นคนชื่อชอบกล้องนั้นเราขอแนะนำให้ลองไปดูเลยล่ะ

8. พิพิธภัณฑ์โลจิสติกส์ (Museum of Logistics)

ในฐานะที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการกระจายสินค้าทำให้ชินากาว่าเป็นพื้นที่ที่มีท่าบริการตู้สินค้าและโกดังกระจายสินค้ามากมาย พิพิธภัณฑ์โลจิสติกส์แห่งนี้ใช้เวลาเดิน 7 นาที จากสถานีชินากาว่า ทางออกทาคานาวะ (Takanawa exit) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงในหัวข้อโลจิสติกส์ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของญี่ปุ่น แม้ว่าที่แห่งนี้จะไม่ได้สะดุดตามากเท่าไร แต่ด้วยการจัดนิทรรศการต่างๆ ที่น่าสนใจ ทำให้มีผู้มาเยี่ยมชมซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นจำนวนมาก 

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในเครือของนิปปงเอ็กซ์เพรส (Nippon Express) ที่ชั้นใต้ดินมีโซนที่จะทำให้คุณได้เรียนรู้ระบบการขนส่งต่างๆ และยังมีมุมให้คุณได้ลองคอสเพลย์เป็นพนักงานของบริษัทจัดส่งพัสดุต่างๆ ได้อีกด้วย ซึ่งมีผู้เข้าชมหลายคนที่ลองแปลงโฉมตัวเองให้เป็นพนักงานขนส่ง “Sagawa Boy” ที่กำลังโด่งดังในขณะนี้และถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

9. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเลโตเกียว

มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางน้ำ (Tokyo Kaiyo Daigaku) นั้นก่อตั้งขึ้นในปี 2004 จากการรวมมหาวิทยาลัย Tokyo Suisan และ มหาวิทยาลัย Tokyo Shosen เข้าด้วยกัน และทำการเปิดพิพิธภัณฑ์วิทยศาสตร์ทางน้ำขึ้นในวิทยาเขตชินากาว่า (Museum of Marine Science, Tokyo University of Marine Science and Technology) ซึ่งมีตัวอย่างเชิงวิชาการที่น่าสนใจมากมาย ยกตัวอย่างเช่นวิทยาการการประมงและอาหารทะเลแปรรูป ทั้งนี้ยังมีการจัดแสดงโครงกระดูกวาฬไรต์แฟซิฟิกเหนือ และปลาวาฬสีเทาอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการนำเรือ “อุนโยมารุ (Unyo-maru)” หรือเรือบาร์จ (เรือท้องแบนที่ใช้ในการส่งสินค้าทั่วไป) มาตั้งไว้ที่ทางฝั่งใต้ของวิทยาเขตชินากาว่า ที่มีพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเลตั้งอยู่ และเรือ “เมจิมารุ (Meiji-maru)” ซึ่งเป็นเรือใบที่ถูกเลือกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมนั้น ตั้งไว้ที่วิทยาเขตเอจจูจิมะ (Etchujima) ซึ่งคุณจะสามารถเข้าเยี่ยมชมภายในของเรือได้ โดยเรือ “เมจิมารุ” นั้น ยังเป็นที่มาของ ”วันทะเล” ซึ่งเป็นวันหยุดประจำชาติอีกด้วย

10. คิตะชินากาว่า ออนเซ็น เท็นจิน-ยุ (Kitashinagawa Onsen Tenjinyu)

คิตะชินากาว่า ออนเซ็น เท็นจิน-ยุ (Kitashinagawa Onsen Tenjinyu) ตั้งอยู่ใจกลางอดีตเขตที่พักนักเดินทางโทไกโดชินากาว่าจูคุ เดินจากสถานี Keikyu Shimbaba เพียง 3 นาที ความพิเศษของออนเซ็นแห่งนี้อยู่ที่ คุโระ-ยุ เป็นน้ำสีดำซึ่งเต็มไปด้วยแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและชุ่มชื่น ที่เกิดจากพืชในยุคพาลีโอโซอิก (250 ล้านปีก่อน) ที่ถูกย่อยสลายและซึมลงสู่น้ำใต้ดิน ถือเป็นออนเซ็นที่จะทำให้คุณประทับใจแน่นอน ลองแวะไปที่นี่ซักหน่อยตอนที่คุณไปเดินเล่นในเมืองนี้ดูสิ!

 

คุณสมบัติของออนเซ็นแห่งนี้คือเป็นบ่อน้ำแร่ที่มีโซเดียมไบคาร์บอเนต ซึ่งว่ากันว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาอาการปวดเส้นประสาท ปวดข้อเข่า ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อต่างๆ และเพราะเป็นน้ำที่มีต้นกำเนิดจากพฤกษศาสตร์จึงรักษาโรคจากความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ค่าเข้าใช้บริการสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 460 เยน สามารถเตรียมของใช้ไปเองได้ หรือหากไปมือเปล่า ก็สามารถซื้อชุดอาบน้ำ ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดตัว สบู่อาบน้ำ หรือแชมพูสระผมต่างๆ ได้เช่นกัน

10 สถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสีสันของชินากาว่า

1. แม๊กซ์เซลล์ อควาพาร์ค ชินากาว่า (Maxcell Aqua Park Shinagawa)

แม็กซ์เซลล์ อควาพาร์ค ชินากาว่า ตั้งอยู่หัวมุมของโรงแรมชินากาว่า ปริ้นซ์ (Shinagawa Prince Hotel) ใช้เวลาเดินเพียง 2 นาที จากสถานีชินากาว่า ทางออกทานาคาวะ (Tanakawa exit) สำหรับค่าเข้าชมนั้น หากเทียบกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชินากาว่าแล้วถือว่ามีราคาที่สูงกว่า แต่การแสดงของที่นี่มีมากกว่า และแน่นอนว่าเหมาะสำหรับการมาเที่ยวกับครอบครัว รวมทั้งยังเป็นสถานที่ยอดนิยมของชินากาว่าในการมาเดทของคู่รักอีกด้วย

ในหน้าร้อนนี้ทางอควาพาร์คแห่งนี้จะมีการปรับปรุงส่วนของ Magical ground ที่ชั้น 1 ให้กลายเป็นสถานที่ที่จะเชื้อเชิญคุณให้เข้าสู่โลกแห่งฝันด้วยดิจิทัลอาร์ตหลากหลายรูปแบบ จึงทำให้ค่าธรรมเนียมของผู้ใหญ่ ขึ้นจาก 2,200 เยน เป็น 2,300 เยน แต่สำหรับทารก (700 เยน)  และเด็กนักเรียน (1,200 เยน) ค่าธรรมเนียมจะไม่เปลี่ยนแปลง

2. เทนโนสุไอล์ (TENNOZ ISLE)

เท็นโนสุไอล์ (TENNOZ ISLE) ตั้งอยู่ในบริเวณที่หันหน้าเข้าคลองเคฮิน (Keihin canal) และคลองเท็นโนสุ (Tennozu canal) จากคลังสินค้าธรรมดาถูกแปลงโฉมใหม่กลายเป็นเกาะแห่งศิลปะ หรือ Art Island แม้จะเป็นจุดท่องเที่ยวของคนเฉพาะกลุ่ม แต่ถ้าคุณได้มาสัมผัส เดินเล่นเลียบริมคลองพร้อมชื่นชมผลงานศิลปะอันหลากหลายจะต้องทำให้คุณรู้สึกสดชื่นและติดใจอย่างแน่นอน

เท็นโนสุไอล์นั้นมักถูกใช้ในการถ่ายทำละคร และมีจุดชมวิวยามค่ำคืนมากมายที่ไม่เหมือนที่ไหน นอกจากนี้ชายฝั่งบริเวณอ่าวยังเหมาะสำหรับการออกเดทเป็นอย่างมาก ในตอนกลางวันคุณยังสามารถเดินเล่นรอบๆ บอนด์สตรีท (Bond Street) ซึ่งถือว่าแหล่งกำเนิดวัฒนธรรมเท็นโนสุเลยทีเดียว เพียงแต่แถบนี้ถือเป็นย่านธุรกิจซะส่วนใหญ่ ดังนั้นขอให้คุณตรวจสอบรายละเอียดวันเปิดปิดของร้านคาเฟ่ หรือร้านอาหารต่างๆ ในวันเสาร์อาทิตย์ให้ละเอียดก่อน 

3. Flight Simulator Skyart JAPAN

หากคุณมีความคิดว่า "โปรแกรมจำลองการบินเป็นแค่เกม.....จะไปมีอะไรน่าสนใจล่ะ.." อาจทำให้คุณพลาดเรื่องสนุกนี้ไปเลยก็ได้ เพราะที่นี่ “Flight Simulator Skyart JAPAN” คุณจะสามารถสัมผัสประสบการณ์การขับเครื่องบินด้วยเครื่องจำลองล่าสุดที่ใช้สำหรับฝึกอบรมนักบินจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นความสุดยอดคือคุณจะได้นั่งในตำแหน่งนักบินและได้รับคำแนะนำจากนักบินตัวจริงที่มีใบอนุญาตการบินอีกด้วย

จากข้อมูลจากสนามบิน 4,500 แห่งทั่วโลกที่รวบรวมมา มีการจำลองทั้งฤดูกาล ช่วงเวลา สภาพอากาศต่างๆ เข้าไปด้วย จะทำให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ที่นี่มีให้เลือกทั้งแพลนครอบครัว และแพลนคู่ให้คุณได้สามารถแบ่งปันช่วงเวลาที่แสนวิเศษกับคนที่คุณรัก

Klook.com

4. Sporu Shinagawa Oimachi

ในฤดูร้อนปี 2018 ได้มีการเปิดให้บริการศูนย์กีฬาครบวงจร “Sporu Shinagawa Oimachi” ในโออิมาจิ สถานที่นี้ถูกสร้างขึ้นด้วยความมุ่งหวังที่จะให้เด็กๆ ได้มีโอกาสทำความคุ้นเคยกับกีฬาต่างๆ ในกีฬาโอลิมปิกที่กำลังจะมาถึง รวมถึงประเภทกีฬาใหม่ในโอลิมปิกครั้งนี้อย่างเช่นกระดานโต้คลื่นและการปีนผาต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่จะทำให้ผู้ใหญ่ได้เพลิดเพลินกับการเล่นกีฬาอีกด้วย

หนึ่งในจุดที่น่าสนใจของ “Sporu Shinagawa Oimachi” คือ City wave ซึ่งเป็นคลื่นเทียมที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเอเชีย ซึ่งสามารถเลือกระดับของคลื่นได้ตามใจชอบ ตั้งแต่คลื่นเล็กสำหรับผู้เริ่มเล่นไปจนถึงคลื่นใหญ่สำหรับมืออาชีพ และแน่นอนว่าที่นี่มีให้บริการเช่ากระดานโต้คลื่นหรือชุดดำน้ำ (wetsuit) ต่างๆ ด้วย ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเตรียมอุปกรณ์มา หรือมามือเปล่า คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับการโต้คลื่นได้อย่างแน่นอน

5. สวนโกเทนยามะ (Gotenyama Garden)

สวนโกเทนยามะ (Gotenyama Garden) ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ของอาคาร Gotenyama Trust City ซึ่งอยู่ทางฝั่งใต้ของโรงแรมโตเกียวแมริออท (Tokyo Marriot Hotel) สวนโกเทนยามะแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 6,800 ตารางเมตร มีพื้นที่เดินเล่น บ่อน้ำและน้ำตกต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการผ่อนคลาย และปลดปล่อยความคิดไปกับความเงียบสงบใจกลางเมืองหลวงที่คุณคาดไม่ถึงเลยล่ะ

โกเทนยามะนั้นเป็นสถานที่ขึ้นชื่อเรื่องซากุระในสมัยโชกุนโทกุกาว่า โยชิมูเนะ รุ่นที่ 8 (ช่วงศตวรรษที่ 18) โดยจะมีการจัดเทศกาลซากุระอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงฤดูกาล ในช่วงเวลานี้จะมีการจัดเทศกาลต่างๆ มากมาย สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจคือการผสมผสานระหว่างกลิ่นอายของยุคเอโดะผนวกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่

6.โรงละคร Shiki Theatre NATSU

โรงละคร Shiki Theatre NATSU (NATSU แปลว่าฤดูร้อนในภาษาญี่ปุ่น) เป็นหนึ่งในโรงละครเฉพาะของคณะละครชิกิ เปิดในปี 2010 โดยเปิดการแสดงด้วย “โฉมงามกับอสูร” ของดิสนีย์ เนื่องจากมีการปรับปรุงโปรเจคของที่ WATERS takeshiba ทำให้ทางคณะต้องปิดโรงละคร HARU (ฤดูใบไม้ผลิ) และ AKI (ฤดูใบไม้ร่วง) ไปด้วย ดังนั้นละครเวที “ไลอ้อนคิงส์” ซึ่งเป็นการแสดงระยะยาวจึงถูกย้ายมาแสดงที่โรงละคร Shiki Theatre NATSU แห่งนี้แทน

การแสดงของคณะละครชิกินั้นค่อนข้างยาว เราจึงขอแนะนำให้คุณทำธุระส่วนตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะช่วงก่อนการแสดงเริ่มและช่วงพักครึ่งนั้นห้องน้ำจะแออัดมาก และอีกสิ่งหนึ่งคือหากคุณต้องการซื้อสินค้าต่างๆ เราแนะนำให้ซื้อก่อนเริ่มการแสดง เพราะหลังจากการแสดงจบผู้คนมักจะหลั่งไหลไปที่ร้านขายสินค้า ทำให้ภายในร้านอัดแน่นไปด้วยผู้คน และต้องใช้เวลานานในการต่อแถวชำระเงิน 

7. สวนสาธารณะชิโอะคาเสะ (Shiokaze Park)

สวนสาธารณะชิโอะคาเสะ (Shiokaze Park) เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณ Tokyo Rinkai Fukutoshin ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ดี ที่จะทำให้คุณหลบหนีจากความวุ่นวายในแหล่งช็อปปิ้งของโอไดบะ คุณจะสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่คุ้นเคยของสะพานสายรุ้งและใจกลางเมืองหลวงเหนืออ่าวโตเกียวโดยไม่ต้องสนใจกับสิ่งรอบตัวเลย 

สวนสาธารณะชิโอะคาเสะนั้น จะเป็นสถานที่จัดแข่งกับวอลเล่บอลชายหาดในการแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิกปี 2020 ทำให้มีการปรับปรุงพื้นที่มากมายในปัจจุบัน ซึ่งอาจทำให้ไม่สะดวกสักเท่าไร แต่หากกล่าวในอีกนัยนึงนั้น การปรับปรุงนี้อาจทำให้คุณรู้สึกได้ถึงการแข่งขันโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นในไม่ช้านี้โดยตรงเช่นกัน

8. พื้นที่สีเขียวเรียบคลองทาคาฮามะ (Takahama Canalside Green Space)

จากทางออกโคนัน (Konan exit) สถานีชินากาว่า เดินตรงไปทางหน้าตึก KOKUYO ที่โดดเด่นก็จะพบกับ “พื้นที่สีเขียวเรียบคลองทาคาฮามะ” บริเวณรอบคลองจะมีม้านั่งวางอยู่ตรงนี้บ้าง ตรงนั้นบ้าง ซึ่งเหมาะสำหรับการมานั่งจิบกาแฟหลังมืออาหารกลางวันเป็นอย่างมาก  นอกจากนี้เส้นทางโดยรอบยังมีระยะยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร ซึ่งเหมาะกับการวิ่ง หรือเดินออกกำลังกายอีกด้วย

คลองแห่งนี้ยังอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลโตเกียวเพียงแค่คลองคั่นเท่านั้น ทำให้ง่ายต่อการแวะเยี่ยมชม “พิพิธภัณฑ์วิทยาศตร์ทางทะเล”  อีกทั้งบริเวณนี้ยังเป็นจุดชมวิวกลางคืนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเทโนสุไอล์ (Tennozu Isle) โดยเฉพาะที่ T.Y.HARBOR

9. T・​JOY PRINCE Shinagawa

ที่นี่เป็นโรงภาพยนตร์ที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมชินากาว่า ปรื๊นซ์ (Shinagawa Prince Hotel) โดยใช้เวลาเดินจากสถานีชินากาว่าเพียง 2 นาที ในปี 2016 โรงภาพยนตร์แห่งนี้ได้มีการเปลี่ยนชื่อจาก “Shinagawa Prince Cinema” เป็น “T・​JOY PRINCE Shinagawa” โดยมีโรงภาพยนตร์ทั้งหมด 11 โรง และยังมีโรงสำหรับเบาะคู่ (couple seat) อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมี ชินากาว่า ปริ๊นซ์ โฮเทล โบว์ลิ่งเซ็นเตอร์ อยู่ใน Annex tower ภายในโรงแรมแห่งนี้อีกด้วย โดยมีพื้นที่กว้างขวางถึงสองชั้น และมีรางโบว์ลิ่งถึง 60 ราง ซึ่งเพียงพอต่อการไปเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ๆ แน่นอน พร้อมทั้งมีโซนเกมส์ที่เป็นเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้สะดวกต่อการฆ่าเวลาเล่นรอบๆ สถานีได้ดีทีเดียว

10. สนามม้าโตเกียว (Tokyo City Keiba)

“Tokyo City Keiba” ได้รับความนิยมภายใต้คอนเซ็ปต์ “สวนสนุกยามค่ำคืนที่สามารถไปได้ทันทีจากเมืองหลวง” เพียงไม่กี่นาทีจากสถานี Oikeibamae ของโตเกียวโมโนเรล เมื่อพูดถึงสนามแข่งม้าคนส่วนใหญ่อาจคิดถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยนักพนันที่ดูไม่น่าไว้วางใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น ก็ไม่สามารถทราบได้เช่นกันว่าทำไม Twinkle Race ซึ่งเป็นโปรแกรมแข่งในตอนกลางคืนนั้นกลับมีผู้หญิงเข้าชมเป็นจำนวนมาก

มีหลายคนพูดว่า "ฉันไม่สนการพนัน แต่ชอบดูการแข่งม้าผ่านโทรทัศน์มาก" ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดแบบนั้นล่ะก็ ต้องมาสัมผัสความพิเศษของสนามแข่งม้าในยามค่ำคืน นั่นก็คือการที่เราได้เห็นม้าวิ่งผ่านแสงไฟจากไฟสนามแข่งซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกลุ้นระทึกและซึมซับบรรยากาศความสนุกกับผู้คนรอบข้างได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งที่นั่งข้างสนามมีทั้งที่นั่งคู่ที่เหมาะสำหรับคู่เดทอีกด้วยนะ แถมคุณยังสามารถเพลิดเพลินกับการแข่งขันด้วยค่าเข้าชมเพียง 100 เยนเท่านั้น!

ชินากาว่า เมืองธุรกิจแนวหน้าที่ยังคงเหลือกลิ่นอายของเอโดะ

ชินากาว่าซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองด่านของเส้นทางสายโทไกในสมัยเอโดะนั้น ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาที่สุดในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของพื้นที่ริมฝั่งน้ำของโตเกียว ในอีกด้านหนึ่งคือการสร้างภาพลักษณ์ให้ “โทไกโด ชินากาว่าจูกุในอดีต” และการสร้างเมืองใหม่ที่ผสมผสานกลิ่นอายเอโดะเข้ากับพื้นที่ธุรกิจชั้นนำ มาจับตาดูกันว่าชินากาว่าจะเปลี่ยนไปในแนวทางไหนในงานแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิกที่จะถึงนี้รวมทั้งพื้นที่ริมฝั่งน้ำทั้งหมดจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์คันโต

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

maa001
maa001
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร