15 ซูชิแปลกตาที่ควรลองให้ได้สักครั้งในชีวิต!

ซูชิเป็นอาหารญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมไปทั่วโลก นอกจากรสชาติที่อร่อย ขนาดที่พอดีคำ และหน้าตาที่สวยงามแล้ว ยังมีความหลากหลายที่ทำให้ทานได้อย่างไม่มีเบื่อด้วย หากคุณเดินทางมาเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นก็จะพบว่าความสร้างสรรค์ในการทำซูชินั้น เรียกได้ว่า "ไร้ขอบเขต" เลยทีเดียว! บทความนี้จะมาแนะนำซูชิสุดแปลกตาที่ควรลองให้ได้สักครั้งในชีวิต ตั้งแต่ซูชิที่คุณอาจจะเคยพบเห็นอยู่บ้าง (แต่ไม่กล้าลอง) ไปจนถึงเมนูที่จะแหวกทุกกรอบความคิดของคุณเลยทีเดียว

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

เมื่อพูดถึงอาหารญี่ปุ่น "ซูชิ" (寿司) ก็มักจะเป็นเมนูแรกที่หลายๆ คนนึกถึง จนสามารถกล่าวได้ว่าเป็นอาหารประจำชาติของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ในปัจจุบัน คุณเราสามารถหาซื้อซูชิได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกประเทศญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ซูชิในญี่ปุ่นจะมีความหลากหลายกว่าซูชิในต่างประเทศอยู่มาก

หากคุณเป็นแฟนซูชิและมีโอกาสได้มาญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ เมนูที่จะเราจะนำเสนอต่อไปนี้จะช่วยเปิดโลกซูชิของคุณให้กว้างขึ้นอย่างแน่นอน  

1. อินาริซูชิ (いなり寿司)

มาเริ่มกันด้วยซูชิที่หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นแต่ก็ยังไม่เคยลอง อินาริซูชิจะมีการซ่อนข้าวซูชิไว้ในแผ่นเต้าหู้ทอดบางๆ รสชาติหวานปนเค็มเล็กน้อย แผ่นเต้าหู้ทอดกับข้าวซูชิที่มีรสเปรี้ยวอ่อนๆ นี้เข้ากันได้ดีมาก คุณจะได้รสหวานกลมกล่อมแผ่ซ่านไปทั่วปากทันทีที่กัดลงไป เป็นรสชาติที่บอกได้เลยว่าไร้ที่ติ
 

ถึงแม้ว่ามันจะอร่อยในตัวเองอยู่แล้ว แต่หากคุณชอบทานเค็มก็สามารถทานคู่กับโชยุได้เช่นกัน อินาริซูชิถือเป็นหนึ่งในเมนูมาตรฐานของญี่ปุ่นที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ทั้งตามร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านซูชิ ที่สำคัญคือ ราคาย่อมเยาสบายกระเป๋าด้วย

2. อูนิ (ウニ)

อูนิหรือหอยเม่นทะเลจัดเป็นเมนูที่โด่งดังมากในฐานะหน้าซูชิสุดหรูหรา มีจุดเด่นอยู่ที่รสหวานเข้มข้น กลิ่นของทะเลที่ชวนให้รู้สึกชื่นใจ และรสสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ เปรียบเสมือนท้องทะเลอัดเม็ดเลยทีเดียว

เนื่องจากอูนิเป็นวัตถุดิบที่มีความสดใหม่เป็นหัวใจสำคัญ อูนิในต่างประเทศจึงมีราคาสูงจนอาจทำให้หลายๆ คนไม่กล้าลอง แต่ในกรณีของประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าอูนิจะมีภาพลักษณ์ของวัตถุดิบสุดหรู แต่หากคุณคอยติดตามโปรโมชั่นดีๆ แล้วล่ะก็ การรับประทานซูชิหน้าอูนิในราคาหลักร้อยเยนก็จะไม่เป็นเพียงความฝันอีกต่อไป
 

3. ชิราอุโอะ (白魚)

ชิราอุโอะเป็นปลาขนาดเล็กสีขาว ลำตัวเรียวยาว และมีจุดเด่นอยู่ที่ความโปร่งใส ยิ่งปลาสดมากเท่าไรก็จะยิ่งใสขึ้นเท่านั้น ขนาดเล็กๆ ของมันอาจทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นลูกปลา แต่ชิราอุโอะที่นำมารับประทานก็เป็นปลาที่โตแล้วทั้งนั้น ดังนั้น ต่อให้โตเต็มที่แล้วก็จะมีความยาวไม่เกิน 10 ซม. อยู่ดี

ปลาชิราอุโอะเป็นวัตถุดิบที่คนญี่ปุ่นคุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ บ้างก็กล่าวว่าเป็นปลาชนิดแรกๆ ที่ถูกนำมาทำเป็นหน้าซูชิ คุณสามารถลิ้มลองชิราอุโอะได้ตามร้านซูชิทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ชิราอุโอะเป็นวัตถุดิบที่เสียง่ายจึงไม่ค่อยมีให้เห็นในต่างประเทศสักเท่าไร ดังนั้นหากเจอในเมนูแล้วล่ะก็ไม่ควรพลาด รสขมอ่อนๆ หวานจางๆ และเนื้อสัมผัสที่เด้งดึ๋งเคี้ยวสนุกของมันจะทำให้คุณติดใจอย่างแน่นอน

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

4. มิคังบุริ (みかんぶり)

มิคังบุริมีแหล่งผลิตหลักอยู่ในจังหวัดเอฮิเมะ ภูมิภาคชิโกกุ เป็นปลาบุริที่เลี้ยงโดยผสมเปลือกส้มลงไปในอาหารปลาเพื่อช่วยลดกลิ่นคาว เป็นหนึ่งในอาหารที่ถูกเรียกว่า ‘ปลาผลไม้’ ปลาผลไม้พวกนี้เป็นวัตถุดิบที่ค่อนข้างใหม่ เริ่มมีให้เห็นครั้งแรกในปี 2007 ที่จังหวัดโคจิ จากนั้นมาก็เป็นที่แพร่หลายและได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะไม่คาวแล้วยังมีกลิ่นของผลไม้จางๆ ด้วย เมื่อนำมาทำเป็นหน้าซูชิจึงได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้หญิง

ถึงแม้จะเป็นเมนูยอดฮิตแต่เนื่องจากต้องพึ่งพิงอยู่กับปริมาณการผลิตผลไม้จึงไม่สามารถรับประทานได้ตลอดปี ในกรณีของซูชิหน้ามิคังบุรินี้ เป็นเมนูที่ร้านซูชิสายพานชื่อดังอย่าง Kurasushi มักจะจัดโปรโมชั่นเพื่อให้มีโอกาสได้ลิ้มลองกันอยู่บ่อยๆ

Klook.com

5. นัตโตะ (納豆)

นัตโตะหรือถั่วหมักนั้นเป็นอาหารญี่ปุ่นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพมาก และอัดแน่นไปด้วยวิตามินเคที่ส่งเสริมระบบการไหลเวียนโลหิต ไฟเบอร์ที่ช่วยเรื่องเส้นผมและผิวหนัง และที่สำคัญคือเป็นแหล่งโปรตีนชั้นยอดที่หาคู่แข่งได้ยาก อย่างไรก็ตาม กลิ่นและรสสัมผัสเฉพาะตัวของนัตโตะอาจจะทำให้มันเป็นอาหารที่ทานยากอยู่สักหน่อย แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ยังมีหลายคนที่ไม่ชอบนัตโตะ ทำให้มีการพยายามดัดแปลงกันมากมายเพื่อให้ผู้คนสามารถทานนัตโตะได้ง่ายขึ้น

หนึ่งในนั้นคือ การทำซูชิหน้านัตโตะอย่างที่คุณเห็นในรูปด้านบน สาหร่าย ข้าวซูชิ ต้นหอมซอย และโชยุจะช่วยทำให้รสชาติของนัตโตะกลมกล่อมขึ้นอย่างน่าไม่น่าเชื่อ เป็นซูชิที่แม้แต่ร้านซูชิสายพานชื่อดังอย่าง Sushiro ก็ยังใส่ไว้ในเมนู คนที่อยากพิชิตถั่วหมักชื่อดังนี้ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

6. อะโวคาโด

การนำอะโวคาโดมาใช้เป็นวัตถุดิบทำซูชินั้นเกิดขึ้นครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกาในรูปแบบของแคลิฟอร์เนียโรล จากนั้นจึงเผยแพร่เข้ามาสู่ญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าช่วงแรกๆ จะได้รับเสียงตอบรับไม่ดีนัก แต่ในปัจจุบันก็ได้กลายเป็นวัตถุดิบซูชิยอดฮิตที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เคล็ดลับของความนิยมนั้นอยู่ที่รสสัมผัสที่คล้ายกับปลาทูน่า ซึ่งเข้ากับข้าวซูชิได้ดีอย่างน่าประหลาด อีกทั้งให้กลิ่นหอมที่สดชื่นและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

ปัจจุบันนอกจากแคลิฟอร์เนียโรลแล้วก็ยังมีรูปแบบอื่นอีกมากมาย เช่น "มากิซูชิ" ที่ใส่อะโวคาโดเพียงอย่างเดียว หรือ "นิกิริซูชิ" ที่มีหน้าเป็นอะโวคาโดฝานบางๆ ดังที่เห็นในภาพด้านบน    

7. วาซาบินาซุ (わさびなす)

วาซาบินาซุเป็นมะเขือม่วงที่นำไปดองด้วยวาซาบิ โดดเด่นด้วยผิวนอกสีน้ำเงินเข้ม เมื่อผ่าออกจะเห็นการไล่สีจากฟ้าไปขาวอย่างสวยงาม หน้าตาอย่างนี้อาจทำให้บางคนไม่กล้าทาน แต่มันกลับเป็นหน้าซูชิที่ได้รับความนิยมอย่างผิดคาดเลยทีเดียว คุณสามารถลิ้มลองได้ง่ายๆ ที่ร้านซูชิสายพานชื่อดังอย่าง Kappa Sushi, Hamasushi, Sushiro

วาซาบินาซุมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน รสเปรี้ยวในแบบของผักดอง และแฝงไปด้วยรสเผ็ดฉุนขึ้นจมูกของวาซาบิ เหมาะสำหรับเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยหรือรับประทานเพื่อล้างปากจากซูชิที่มีรสชาติเข้มข้น หากคุณเป็นแฟนผักดองแล้วล่ะก็ไม่ควรพลาด

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

8. ชิราชิซูชิ (ちらし寿司)

ชิราชิซูชิเป็นเมนูสุดโอ่อ่าที่อัดแน่นไปด้วยปริมาณ ทำขึ้นโดยใส่ข้าวซูชิลงในชามหรือลังไม้ แล้วโปะด้วยหน้าซูชิอย่างปลาดิบและไข่หวาน ดูเผินๆ อาจเหมือนกับไคเซนด้ง (ข้าวหน้าอาหารทะเล) แต่ก็มีข้อแตกต่างง่ายๆ คือ ไคเซนด้งจะใช้ข้าวขาวที่ไม่ผ่านการปรุงรส ในขณะที่ชิราชิซูชิจะใช้ข้าวซูชิที่ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู เกลือ และน้ำตาล เป็นเมนูที่เหมาะกับทั้งผู้ที่อยากรับประทานให้อิ่มท้องและผู้ที่ไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรดี ชิราชิซูชิมีความหลากหลายมาก วัตถุดิบที่ใช้จึงมักจะต่างกันไปตามร้านค้า พื้นที่ และฤดูกาล

อย่างไรก็ตาม หากเป็นเมนูที่ผ่านการคัดสรรของทางร้านแล้วล่ะก็ มีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะได้ลิ้มลองวัตถุดิบที่อร่อย เข้ากันได้ดี และสดใหม่ตามฤดูกาล ส่วนใหญ่แล้วคุณจะพบเมนูนี้ตามร้านอาหารเฉพาะทางและร้านซูชิในท้องถิ่นมากกว่าซูชิจานหมุนหรือร้านแฟรนไชส์

9. ชิมะซูชิ (島寿司)

ชิมะซูชิเป็นอาหารพื้นเมืองของ "เกาะฮาจิโจ" (Hachijo) ที่อยู่ในหมู่เกาะอิซุของโตเกียว มีจุดเด่นอยู่ที่การนำหน้าซูชิไปหมักอ่อนๆ ด้วยโชยุ การใช้ข้าวซูชิที่มีรสหวานกว่าปกติ และใช้ "คาราชิ" (มัสตาร์ดญี่ปุ่น) แทนวาซาบิ ลักษณะเด่นทั้งสามนี้ทำให้ชิมะซูชิมีรสชาติเข้มข้นกว่าซูชิทั่วไป และให้ความเผ็ดที่ต่างจากปกติ

ชิมะซูชิมีการใช้หน้าแปลกๆ ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นในพื้นที่อื่นของญี่ปุ่น เช่น ปลาบิน ปลาเมได และสาหร่ายโขดหิน นอกจากนี้ เนื่องจากนำไปหมักด้วยโชยุก่อน ซูชิที่ได้ออกมาจึงมีความแวววาว น่าถ่ายรูปมากๆ เป็นเมนูที่ต้องลองให้ได้หากคุณมีโอกาสเดินทางมาแถวโซนหมู่เกาะของโตเกียว 

10. ชาคินซูชิ (茶巾寿司)

ชาคินซูชิเป็นเมนูที่นำ "โกโมคุซูชิ" (ข้าวซูชิที่คลุกกับวัตถุดิบต่างๆ) ไปห่อด้วยไข่และผูกด้วยบวบแห้ง ต้นมิตสึบะ หรือสาหร่าย เนื่องจากมีหน้าตาน่ารักจึงเป็นเมนูที่นิยมรับประทานกันในวันมงคลและเทศกาลชมดอกไม้  การที่ดัดแปลงง่ายยังทำให้มันเป็นเมนูที่นิยมทำกันตามครัวเรือนอีกด้วย

เดิมที เมนูนี้คิดค้นขึ้นเพื่อเป็นอาหารประกอบพิธีชงชา จึงเป็นที่มาของชื่อ "ชาคิน" (ผ้าสำหรับเช็ดถ้วยชา) สำหรับผู้ที่อยากลองเมนูนี้ เราขอแนะนำชาคินซูชิของร้าน Kyotaru ที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ          

11. บัตเตระ (バッテラ)

บัตเตระเป็น "โอชิซูชิ" (ซูชิแบบกด) ประเภทหนึ่งที่มีต้นกำเนิดในโอซาก้า ทำโดยนำข้าวซูชิ เนื้อปลาซาบะ และสาหร่ายแบบพิเศษที่เรียกว่า "ชิโรอิตะคอมบุ" ไปใส่ในแม่พิมพ์ กดเบาๆ แล้วปล่อยทิ้งไว้ระยะหนึ่ง บัตเตระต่างกับซูชิหน้าซาบะทั่วไปตรงที่มีรูปร่างเหลี่ยมกว่า มีสัดส่วนของข้าวมากกว่า และมีชั้นสาหร่ายบางๆ อยู่ด้านบนซึ่งคุณสามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องลอกออก เนื่องจากใช้เนื้อปลาน้อยจึงมีราคาถูกกว่าซาบะซูชิทั่วไปและได้รับความนิยมมากในหมู่ชาวบ้าน ส่วนชื่อ "บัตเตระ" นั้นมีที่มาจากภาษาโปรตุเกสที่แปลว่า ‘เรือเล็ก’ เนื่องจากในอดีตมักจะใช้วัตถุดิบเป็นเนื้อส่วนท้ายของปลาโคโนชิโระที่มีรูปร่างคล้ายเรือนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการเปลี่ยนมาใช้ซาบะแทนแล้ว เนื่องจากปลาโคโนชิโระในตลาดมีราคาสูงขึ้น     

Klook.com

12. เมฮาริซูชิ (めはり寿司)

เมฮาริซูชิเป็นเมนูท้องถิ่นในละแวกคุมาโนะและโยชิโนะ โด่งดังเป็นพิเศษในฐานะข้าวกล่องสถานีของ "เมืองชินงู" (Shingu) เมฮาริซูชิเป็นเมนูง่ายๆ ที่ทำขึ้นโดยห่อข้าวปั้นด้วย "ใบทาคานะ" (ผักกาดญี่ปุ่น) ที่ผ่านการดองมาแบบอ่อนๆ ข้าวที่ใช้สามารถเป็นได้ทั้งข้าวขาวและข้าวซูชิ โดยทั่วไปจะไม่มีไส้ใน แต่ก็มีแบบที่ใส่ไส้อยู่เหมือนกัน เช่น แกนทาคานะดองสับ งา ปลาซิว หรือ "คัตสึโอะบุชิ" (ผงปลาแห้ง)

เมฮาริซูชิในปัจจุบันมีขนาดตั้งแต่เล็กเท่านิ้วโป้งไปจนถึงขนาดใหญ่เท่ากำปั้น ว่ากันว่าในอดีตเคยมีขนาดใหญ่เท่าซอฟต์บอล ถึงขนาดต้องอ้าปากกว้างและถ่างตา (Me wo Miharu แปลว่า ถ่างตา) ขณะทานเลยทีเดียว และเนื่องจากเป็นเมนูที่ทำง่าย ระยะหลังมานี้จึงเริ่มมีจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อด้วยเช่นกัน   

13. เทมปุระ

กล่าวได้ว่าเทมปุระเป็นหนึ่งในอาหารญี่ปุ่นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางที่สุด แต่ก็มีน้อยคนที่จะรู้ว่าเมนูทอดกรอบแสนอร่อยนี้สามารถรับประทานแบบซูชิได้ด้วย

นอกจากเทมปุระกุ้งที่เราคุ้นเคยกันดีแล้วก็ยังมีทั้งปลาหมึก หอย ปู ไปจนถึงผักต่างๆ ส่วนวิธีรับประทานนั้นก็หลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการจิ้มโชยุ จิ้มซอสหวาน บีบมะนาว หรือโรยเกลือ เมนูนี้สามารถสั่งบ่อยๆ ได้โดยไม่ต้องกลัวเบื่อ และถึงแม้จะดูแปลกตาแต่ก็สามารถหารับประทานได้ง่ายๆ ที่ร้านซูชิสายพานชื่อดังอย่าง Hamasushi และ Sushiro  

14. นาเรซูชิ (なれずし)

นาเรซูชิเป็นเมนูที่นำปลาไปหมักกับเกลือและข้าวหุงสุกเพื่อเป็นการถนอมอาหาร นับว่าเป็นบรรพบุรุษของซูชิที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน เมนูนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก โดยมีต้นกำเนิดอยู่ในบริเวณภาคเหนือของไทยไปจนถึงมณฑลยูนนานของจีน และได้เผยแพร่จากจีนมาสู่ญี่ปุ่นในยุคยาโยอิ (300 ปีก่อนคริสต์ศักราช) พร้อมๆ กับศาสตร์การปลูกข้าว ปัจจุบันยังคงหลงเหลืออยู่ตามส่วนต่างๆ ของญี่ปุ่นในฐานะเมนูท้องถิ่น และแต่ละพื้นที่ก็มักจะใช้ปลาต่างชนิดกัน

นอกจากเนื้อปลาแล้ว ก็ยังมีนาเรซูชิที่ทำจากผักอีกด้วย รสชาติเปรี้ยวที่เกิดจากการหมักนั้นจะค่อนข้างแตกต่างจากรสเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชูที่เราคุ้นเคยกันในซูชิทั่วไป ทั้งยังมีนาเรซูชิอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า "อิซูชิ" (飯寿司) ซึ่งเป็นการนำ "โคจิ" (หัวเชื้อหมักที่ทำจากข้าว) มาช่วยในการหมักซึ่งส่งผลให้มีรสหวานเพิ่มขึ้นมาด้วย เป็นเมนูที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่อยากลองสัมผัสกับรากเหง้าของซูชิดู

15. เมเนงิ (芽ねぎ)

เมเนงิ หมายถึง ต้นอ่อนของต้นหอมญี่ปุ่น มีรูปร่างเรียวเล็ก ด้วยความกว้างประมาณ 1 มม. และความยาวประมาณ 6 - 10 ซม. มีจุดเด่นเป็นรสสัมผัสอันอ่อนนุ่ม รสเผ็ดจางๆ และกลิ่นหอมที่ชวนให้รู้สึกสดชื่น อีกทั้งยังเป็นวัตถุดิบที่ไม่ค่อยมีให้เห็นตามท้องตลาดเนื่องจากไม่นิยมรับประทานกันในครัวเรือนด้วย 

เมเนงิเป็นผักที่รักษาความสดยาก อีกทั้งยังต้องตัดแต่งส่วนหัวและท้ายก่อนวางจำหน่าย อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบนี้ได้รับความนิยมในฐานะหน้าซูชิอย่างน่าประหลาด รสชาติและกลิ่นของเมเนงิเข้ากันได้ดีกับข้าวซูชิ เมื่อรับประทานแล้วจะเกิดความรู้สึกที่สดชื่นจึงเหมาะสำหรับเวลาที่ต้องการล้างปากจากซูชิที่มีรสชาติเข้มข้นเอามากๆ แม้ว่าเมเนงิจะหารับประทานยากอยู่สักหน่อย แต่ก็เป็นหนึ่งในเมนูมาตรฐานของ Sushizanmai ร้านซูชิที่มีหลายสาขาอยู่ในโตเกียว 

ส่งท้าย

นอกเหนือจากซูชิที่เราเลือกมานำเสนอในครั้งนี้ ญี่ปุ่นก็ยังมีซูชิแปลกๆ อีกมากมายรอให้คุณไปลิ้มลองอยู่ ตั้งแต่ซูชิเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ไปจนถึงซูชิแปลกใหม่ที่คิดค้นขึ้นท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนซูชิตัวยงหรือคนที่เคยลองซูชิแล้วแต่ไม่ค่อยชอบสักเท่าไร เมนูเหล่านี้ก็จะช่วยเปิดโลกของคุณได้อย่างแน่นอน 

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Panawat
Panawat
นักแปลฟรีแลนซ์ประสบการณ์กว่า 5 ปี เริ่มสัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาตั้งแต่วัยเด็กผ่านทางเกมและมังงะ หลังจากนั้นก็ได้ศึกษาภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเองเรื่อยมา และได้รับการศึกษาอย่างจริงจังอีกครั้งในช่วงมหาวิทยาลัย ปัจจุบันมีความสนใจในวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ด้านอาหาร การท่องเที่ยว ไปจนถึงประวัติศาสตร์
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร