10 แหล่งท่องเที่ยวแนะนำในจังหวัด Miyazaki เมืองแห่งธรรมชาติบนเกาะ Kyushu

จังหวัด Miyazaki ตั้งอยู่บนเกาะ Kyushu เกาะทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นซึ่งล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นต้นกำเนิดตำนานต่างๆ ของญี่ปุ่น แหล่งท่องเที่ยวใน Miyazaki หลายแห่ง นอกจากจะให้คุณได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ และยังได้สัมผัสกับตำนานเก่าแก่ของญี่ปุ่นอีกด้วย ครั้งนี้เราขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยว 10 แห่งในจังหวัดนี้ที่น่าไปเที่ยวซักครั้งกันค่ะ

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

1. Udo Jingu (鵜戸神宮) [Nichinan]

Udo Jingu เป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่บนหน้าผาเลียบชายฝั่ง โดยปกติแล้วเทพเจ้าในศาลเจ้าทั่วไปจะถูกบูชาอยู่บนที่สูง แต่ศาลเจ้าแห่งนี้จะต้องเดินลงบันไดตามหน้าผาเพื่อลงมากราบไหว้ เป็นเอกลักษณ์ที่ต่างไปจากที่อื่น ระหว่างทางไปยังศาลเจ้า ก็จะพบกับทัศนียภาพมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจ

อีกสิ่งที่น่าสนใจ คือ เทพเจ้าของศาลเจ้านี้ประดิษฐานอยู่ในถ้ำ เทพเจ้าในชุดสีสันสดใสในถ้ำมืดนั้นสื่อถึงแสงที่เปล่งประกายจากภายในตนเอง

ศาลเจ้าแห่งนี้โด่งดังเรื่องการขอพรเกี่ยวกับความรัก และการมีลูก แต่จะขอพรอย่างอื่นก็ได้เช่นกันค่ะ หากมีโอกาสมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้ อยากให้ลองโยนหินเสี่ยงทาย Undama-nage (運玉投げ)  โดยซื้อหินที่เขียนว่า 運 (Un) ในราคา 5 ก้อน 100 เยนจากที่สำนักงาน แล้วโยนเจ้าหินนี้ลงในหลุมหินที่ล้อมรอบด้วยเชือกกลมๆ ด้านล่างของหน้าผา หากหินเข้าหลุมแสดงว่า พรที่ขอจะเป็นจริง ยิ่งหินตกห่างจากหลุมไปไกลเท่าไหร่ พรที่ขอก็จะเป็นจริงยากเท่านั้น ลองมาเสี่ยงทายกันดูสิคะ ถ้าเป็นผู้หญิงให้โยนด้วยมือขวา ส่วนถ้าเป็นผู้ชายให้ใช้มือซ้ายค่ะ

~ให้ก้อนหินทำนายกัน~

2. ช่องเขา Takachiho (高千穂峡 ) [Takachiho]

ช่องเขา Takachiho เป็นจุดแรกที่เทพเจ้าต่างๆ ลงจากฟ้ามาสร้างเกาะตามตำนานญี่ปุ่นโบราณ หุบเหวเหล่านี้เกิดจากกิจกรรมของภูเขาไฟในอดีตและการกัดเซาะของน้ำ เกิดเป็นหุบเหวที่ลึกถึง 100 เมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันเปี่ยมไปด้วยพลังความขลังของตำนานเก่าแก่ และความงามอย่างน่าอัศจรรย์ของธรรมชาติ

สามารถพายเรือชมหุบเหวจากด้านล่างได้ ด้วยเรือพายเล็กๆ สำหรับ 3 คน ค่อยๆ พายลอดผ่านหุบเหวไปช้าๆ วิวทิวทัศน์ที่ประทับใจจนแทบลืมหายใจให้ความรู้สึกเหมือนได้เป็นตัวละครในเทพนิยาย หรือภาพยนตร์ผจญภัยสักเรื่องเลยทีเดียวค่ะ

หากเดินตามทางชมช่องเขา Takachiho ไป จะพบกับจุดที่ว่ากันว่าเป็นที่เดียวในญี่ปุ่นที่สามารถเห็นสะพานโค้งได้พร้อมๆ กันทีเดียวทั้ง 3 สะพาน จุดนี้จึงกลายเป็นมุมยอดนิยมที่ใครๆ ก็ต้องหยุดถ่ายภาพ  ช็อตเด็ดหายากแบบนี้ พลาดไม่ได้เลยนะคะ

3. ศาลเจ้า Amanoiwato (天岩戸神社) [Takachiho]

หากคุณสนใจในตำนานของญี่ปุ่น นอกจากจะไปเที่ยวช่องเขา Takachiho แล้ว หากมีเวลาก็ควรจะแวะไปยังศาลเจ้า Amanoiwato ด้วย

ตามตำนานว่ากันว่า เมื่อครั้งที่เทพธิดาแห่งแสงอาทิตย์ Amaterasusume Okami (天照皇大神) ไม่พอใจพฤติกรรมอันโหดเหี้ยมของเทพแห่งพายุซึ่งเป็นเทพผู้น้อง เทพธิดาแห่งแสงอาทิตย์ได้หนีลงมาซ่อนตัวอยู่ในถ้ำแห่งนี้ Amano Iwato (天岩戸) ทำให้โลกทั้งใบตกอยู่ในความมืดมิด สร้างความเดือดร้อนทั่วไปหมด เทพองค์อื่นๆ ต่างก็พยายามจะให้เทพธิดาแห่งแสงอาทิตย์กลับออกมา จนกระทั่งเทพองค์หนึ่งเริ่มเต้นระบำด้วยท่าทางตลกๆ ทำให้บรรดาเทพพากันหัวเราะเสียงดัง เทพธิดาแห่งแสงอาทิตย์ได้ยินเสียงหัวเราะก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงยอมออกมาจากถ้ำและทำให้โลกกลับมาสว่างอีกครั้งหนึ่ง

ภายในศาลเจ้า โดยเฉพาะในถ้ำ Amano Iwato อันศักดิ์สิทธิ์นั้น หากไม่มีนักบวชมานำทางให้ก็ไม่สามารถเข้าได้ และน่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายภาพได้ด้วยค่ะ แต่หากออกมาที่ Amanoyasugawara (天安河原) ซึ่งเป็นที่ที่เหล่าเทพเจ้ามานั่งปรึกษาหาวิธีทำให้เทพธิดาแห่งแสงอาทิตย์ออกจาก Amano Iwato แล้ว ไม่ต้องมีนักบวชนำทางก็สามารถเข้าชมได้ และสามารถถ่ายภาพได้ค่ะ

ใกล้กับศาลเจ้า Amanoyasugawara มีหินก้อนเล็กเรียงซ้อนกันอยู่มากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่คนมาบูชาทำขึ้น อย่าไปหยิบเล่นหรือทำลายนะคะ หินจำนวนมากเหล่านี้ให้บรรยากาศที่พิเศษไปอีกแบบ ลองไปขอพรแล้วเรียงหินที่นี่กันดูนะคะ

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

4. Obi Jokamachi (飫肥城下町) [Nichinan]

Obi (飫肥) เป็นเมืองรอบปราสาทที่รุ่งเรืองมายาวนานกว่า 280 ปี ตั้งแต่ครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 ปัจจุบันก็ยังคงลักษณะดั้งเดิมทั้งตัวอาคาร และกำแพงหินโดยรอบ และยังสามารถมองเห็นปราสาท Obi ได้อีกด้วย ในตัวเมืองมีหอสมุดสำคัญที่สามารถเข้าไปศึกษาประวัติศาสตร์เมืองนี้ได้

แม้แต่สถานีที่เป็นประตูสู่เมืองนี้ก็ยังมีกลิ่นอายบรรยากาศเมืองนี้อยู่อย่างเต็มเปี่ยม สถานีนี้สร้างตามแบบปราสาท Obi (飫肥城) ถ้ามีโอกาสแวะไป ลองสังเกตรายละเอียด แล้วนำไปเปรียบเทียบสถานีกับตัวปราสาทจริงกันดูนะคะ

เมือง Obi Jokamachi มีสิ่งก่อสร้างอันมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งอยู่เรียงราย บรรยากาศราวกับเราได้เผลอนั่งเครื่องไทม์แมชชีนกลับไปยังสมัย Edo (江戸時代) ยังไงยังงั้นเลยค่ะ ในคลองที่ไหลผ่านกลางเมืองมีปลาคาร์ปสีสันสวยงามว่ายไปมาอย่างสงบ เป็นเมืองที่เหมาะกับการเดินเล่นชมวิวสวยๆ ชิลๆ เป็นที่สุดค่ะ

Klook.com

5. Aoshima (青島) [Miyazaki]

Aoshima เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีเส้นรอบวงเพียง 1.5 กิโลเมตร สามารถข้ามสะพานที่เชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ไปยังเกาะได้โดยตรง รอบเกาะมีหินรูปทรงเหมือนกระดานซักผ้าในอดีตเรียงรายอยู่ จึงเรียกกันว่า 'กระดานซักผ้าปีศาจ'

ปกติตู้ไปรษณีย์ของญี่ปุ่นจะเป็นสีแดง แต่ที่เกาะ Aoshima มีตู้ไปรษณีย์สีเหลือง

ใน Kokiji (古事記) บันทึกประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีตำนานเกี่ยวกับตู้ไปรษณีย์สีเหลืองแห่งความสุขบันทึกเอาไว้ นอกจากจะเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมแล้ว เจ้าตู้ไปรษณีย์สีเหลืองยังเป็นตู้ไปรษณีย์ที่ใช้งานจริงๆ ด้วย ส่งจดหมายกลับบ้านจากที่นี่ก็เป็นความทรงจำที่น่าสนุกดีเหมือนกันนะ

Aoshima เป็นเกาะเล็กๆ แต่มีศาลเจ้าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ศาลเจ้า Aoshima (青島神社) เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงสำหรับการบูชาเรื่องความรัก หากได้มาขอพรที่นี่อาจจะได้เจอความรักดีๆ ก็ได้นะคะ ที่สำคัญอย่าลืมแวะไปชมประตู Torii (鳥居) ที่ตั้งอยู่เลียบชายทะเลด้วยนะ

6. น้ำตก Sekino-o (関之尾の滝) [Miyakonojo]

น้ำตก Sekino-o ตั้งอยู่ในสวน Kirishima Geopark (霧島ジオパーク) มีน้ำตก 3 แห่ง แบ่งออกเป็น น้ำตกใหญ่ น้ำตกชาย และน้ำตกหญิง น้ำตกใหญ่นั้นมีขนาดใหญ่ที่สุดตามชื่อ กว้างถึง 40 เมตร และสูงถึง 18 เมตร ระหว่างน้ำตกมีสะพานแขวน ให้ทุกท่านสามารถชมทัศนียภาพสุดประทับใจจากบนสะพานได้

เมื่อน้ำไหลผ่านชั้นดินที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟในอดีต น้ำจะพาเศษหินก้อนเล็กๆ กลิ้งมาด้วย เมื่อหินเหล่านี้สะดุดเข้ากับร่องในชั้นดิน น้ำจะลงไปหมุนวนในร่องนั้น และขุดให้เกิดเป็นรูรูปร่างคล้ายหม้อในชั้นดิน

รูเหล่านี้เรียกว่า Oketsugun (甌穴群) หรือกุมภลักษณ์ (รูรูปหม้อ) ในภาษาไทย หรือโบกในภาษาอีสาน ภูมิลักษณ์นี้เกิดยาวต่อเนื่องกว่า 600 เมตร ซึ่งหาได้ยากที่จะเจอกุมภลักษณ์ที่มีความยาวขนาดนี้ จึงได้รับการยกย่องให้เป็นเขตรักษาธรรมชาติของประเทศที่ได้รับการสงวนตามกฎหมาย เป็นสถานที่ที่จะพาคุณไปสัมผัสกับความลึกลับอันทรงเสน่ห์ของธรรมชาติจริงๆ ค่ะ

ทางเดินรอบๆ น้ำตก มีต้น Momiji (紅葉) หรือต้นเมเปิ้ลญี่ปุ่นปลูกเรียงรายอยู่ตามทาง ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ต้นไม้เหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงสะพรั่ง นับได้ว่าเป็นจุดชมใบไม้แดงที่น่าประทับใจอีกแห่งหนึ่ง

7. Kirishima Factory Garden (霧島ファクトリーガーデン)[Miyakonojo]

ที่ทางตอนใต้ของ Kyushu นั้นมีการผลิตเหล้าญี่ปุ่น Shochu (焼酎) อยู่มากมายจากการหมักธัญพืช หัวมัน และกากน้ำตาล และกลั่นเป็นเหล้า ที่จังหวัด Miyazaki มี Shochu ขึ้นชื่อระดับประเทศคือแบรนด์ Kirishima จากบริษัท Kirishima Shuzo (霧島酒造) ซึ่งเป็นผู้ผลิต ใกล้กับโรงกลั่นเหล้านี้มี Kirishima Factory Garden ซึ่งสามารถชมกรรมวิธีการผลิต Shochu และศึกษาประวัติศาสตร์ของ Shochu ได้อีกด้วย

ทัวร์ชมโรงงานนั้นมีรอบ 11:00 และ 13:30 ทุกวัน หลังจากเรียนรู้วิธีการผลิตจนมาเป็น shochu แล้วยังสามารถลองดื่ม shochu ได้มากถึง 9 ชนิด แบบที่ชอบนี่ก็ติดใจจนอยากดื่มอีกเลยค่ะ แต่ระวังอย่าดื่มมากจนเมากันนะคะ

ภายในยังมีร้านอาหารและเบเกอรี่ ศาลเจ้า Shochu และอื่นๆ คนที่ไม่ดื่มเหล้าก็สามารถสนุกกับที่นี่ได้ค่ะ ที่ร้านอาหารนี้ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลของท้องถิ่น ให้รสชาติสดใหม่อร่อยจริงๆ ค่ะ

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

8. ที่ราบสูง Ebino (えびの高原) [Ebino]

ที่ราบสูง Ebino อยู่ทางตอนใต้ของเมือง Ebino (えびの市) เป็นจุดชมทัศนียภาพที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1200 เมตร ดื่มด่ำกับธรรมชาติมากมาย ทั้งภูเขา Karakunidake (韓国岳) และ Koshikidake (甑岳) บ่อน้ำสีน้ำเงินเข้มสวยงาม บ่อน้ำพุร้อน และอื่นๆ มาสนุกไปกับการเดินเขาได้เลยค่ะ 

หากมาเที่ยว Miyazaki ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน ห้ามพลาด Tsutsujigaoka บนที่ราบสูง Ebino เลยนะคะ ที่นี่เต็มไปด้วยดอก Miyamakirishima (ミヤマキリシマ) เป็นดอก azalea พันธุ์หนึ่ง ซึ่งขึ้นเองอยู่ประมาณ 3 หมื่นต้น ภาพทุ่งดอกไม้ทั้งทุ่งถูกย้อมเป็นสีชมพูอ่อนปนม่วงอ่อน เป็นภาพที่สวยงามมากๆ ค่ะ

สามารถดูสัตว์ป่าตามธรรมชาติที่นี่ได้ด้วย โดยเฉพาะกวาง จะชอบเดินออกมาถึงถนนให้เราเห็นได้เลย เจ้ากวางเหล่านี้คุ้นเคยกับคนดี เข้าไปใกล้ก็ไม่วิ่งหนี ทำให้สามารถถ่ายภาพดีๆ เก็บกลับบ้านได้หลายใบเลยค่ะ

9. Toimisaki (都井岬) [Kushima]

Toimisaki เป็นแหลมที่ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของ Miyazaki อยู่ทางฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ประภาคารสีขาวที่อยู่สุดปลายแหลมนั้น เป็นประภาคารแห่งเดียวใน Kyushu ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมด้านในได้

ที่แหลม Toimisaki นั้นมีม้า Misaki (御崎馬) อาศัยอยู่ เป็นม้าญี่ปุ่นพันธุ์หนึ่งที่สูงเพียง 130 ซม. วันๆ มันจะนอนเล่นหรือเล่นกันเองให้เราเห็นภาพน่ารักๆ แต่ต้องระวังนะคะ มันไม่ใช่ม้าเลี้ยง อย่าเข้าไปใกล้พวกมันเกินไปล่ะ

จากแหลมนี้ซึ่งไม่มีอะไรขวางกั้น เราสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม ที่แหลม Toimisaki นี้มีที่ให้พักค้างคืนด้วย ไหนๆ มาแล้ว มาลองพักและชมความงามของทัศนียภาพที่เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาต่างๆ ก็ดีนะคะ

10. ทางรถไฟ Amaterasu Takachiho (高千穂あまてらす鉄道) [Takachiho]

ทางรถไฟ Amaterasu เป็นทางรถไฟเก่าที่นำรถไฟเล็กๆ ที่เรียกว่า Grand Super Cart มาวิ่ง ด้วยระยะทางไปกลับ 5.1 กิโลเมตร วิ่งช้าๆ จะใช้เวลาประมาณ 30 นาที เป็นรถแบบเปิดไม่มีหลังคา เวลานั่งก็ตากลมชิลๆ กันไปค่ะ

อาจจะดูเหมือนของเล่นเด็กก็จริง แต่ระหว่างทางมีผ่านสะพานเหล็กที่ความสูงกว่า 105 เมตร ก็ให้ความรู้สึกตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน สามารถชมทัศนียภาพเฉพาะตัวของฤดูกาลนั้นๆ ได้ หากโชคดีอาจจะได้เห็นนกหายากด้วย จะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สนุกได้นะคะ

ภายในบริเวณยังมีคาเฟ่และร้านจำหน่ายของที่ระลึกด้วย ของฝากยอดฮิตคือ Cookippu เป็นคุกกี้รูปตั๋ว ที่สกรีนชื่อสถานี Takachiho และกล่องก็มีภาพให้ระบายสี เป็นของฝากที่เด็กๆ ต้องชอบใจแน่นอน

 

เราได้แนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่คุณจะได้ดื่มด่ำกับสเน่ห์ของจังหวัด Miyazaki กันไปแล้ว 10 แห่งด้วยกัน มาลองสัมผัสกับทัศนียภาพแห่งธรรมชาติอันเป็นต้นกำเนิดของตำนานต่างๆ ที่ไม่ธรรมดา แล้วรีเฟรชจิตใจกันให้สดชื่น ท่ามกลางธรรมชาติที่มีเฉพาะที่ Miyazaki เท่านั้นกันดูนะคะ

มนต์เสน่ห์คิวชู
เช่ารถได้ในราคาที่คุณต้องการ รถเช่า หากคุณต้องการเช่ารถในญี่ปุ่น ต้องที่นี่เลย! ดูข้อมูลเพิ่มเติม

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

tsunagu
tsunagu Japan
นี่คือแอ็คเคาท์ทางการของ tsunagu japan
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร