เที่ยวสนุกไปกับ 9 สถานที่ห้ามพลาด ด้วย SEIBU 1 Day Pass!

เบื่อไหมกับเหล่าตึกสูงและผู้คนในโตเกียว? หากคุณมีอาการเช่นนี้ เราขอแนะนำให้ลองออกไปเที่ยวแถวชานเมืองโดยใช้ “Seibu 1 Day Pass” พาสแสนสะดวกและคุ้มค่าที่จะพาคุณไปสู่จุดชมวิวสวยๆ และทำกิจกรรมสนุกๆ ไม่แพ้ที่เที่ยวฮิตๆ เช่น ชมวิวธรรมชาติอย่างซากุระในฤดูใบไม้ผลิและพลับพลึงแดงในฤดูใบไม้ร่วง เพลิดเพลินไปกับ “Moomin Valley Park” ธีมปาร์คที่เหมาะกับทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ไปจนถึงชมทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกดินที่มีภูเขาไฟฟูจิเป็นพื้นหลัง!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

SEIBU 1 Day Pass

SEIBU 1 Day Pass เป็นตั๋วสุดคุ้มสำหรับนักท่องเที่ยวที่ออกโดย Seibu Railway ให้สิทธิ์ในการนั่งรถไฟทุกสายของ Seibu (ยกเว้น Tamagawa Line) อย่างไม่จำกัดภายใน 1 วัน เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีตั๋วแบบสองวันหรือ 2 Day Pass ให้เลือกซื้อด้วยเช่นกัน

* SEIBU 1 Day Pass ครอบคลุมสายรถไฟดังต่อไปนี้: อิเคะบุคุโระ (Ikebukuro), เซย์บุ ชิชิบุ (Seibu Chichibu), เซย์บุ ยูราคุโจ (Seibu Yurakucho), โทชิมะ (Toshima), ซายามะ (Sayama), เซย์บุ ชินจูกุ (Seibu Shinjuku), ฮาอิจิมะ (Haijima), ทามาโกะ (Tamako), โคคุบุนจิ (Kokubunji), เซย์บุเอ็น (Seibuen) และ ยามากุจิ (Yamaguchi)

* จำเป็นต้องแสดงพาสปอร์ตหรือบัตร SEIBU PRINCE CLUB ในการซื้อ

สายเซย์บุ อิเคะบุคุโระ (Seibu Ikebukuro Line)

สายเซย์บุ อิเคะบุคุโระมีบริการให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสายท้องถิ่น, สายด่วน, สายตรง และสายด่วนพิเศษ วิ่งครอบคลุมตั้งแต่โตเกียวตะวันตกไปจนถึงไซตามะ เป็นพาหนะหลักในการเดินทางไปทำงานหรือเรียนของคนจำนวนมาก ทั้งยังเป็นที่นิยมของเหล่าแฟนเบสบอลอีกด้วย

นอกจากสถานีหลักๆ ที่แสนคึกคักแล้ว ยังมีจุดอื่นอีกมากมายในสายเซย์บุ อิเคะบุคุโระที่ไม่ควรพลาดชม มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

สถานี Koma

เทศกาลมันจูชาเกะ: พลับพลึงแดงในคินจาคุดะ

พลับพลึงแดง หรือ มันจูชาเกะ เป็นดอกไม้ที่มีตำนานเล่าว่าจะบานอยู่ริมแม่น้ำซันซุ แม่น้ำที่แบ่งระหว่างโลกนี้กับโลกหลังความตายตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น ดอกและใบของพืชชนิดนี้จะไม่ปรากฎให้เห็นในช่วงเดียวกัน คนญี่ปุ่นจึงยกให้มันเป็นสัญลักษณ์ของการลาจาก ความตายและความว่างเปล่า ด้วยเหตุนี้มันมีชื่อเล่นอื่นๆ อีกมากมาย เช่น "ดอกไม้แห่งนรก" "ดอกไม้วิญญาณ" และ "ดอกไม้พันปี"

ดอกไม้น่าหลงใหลชนิดนี้จะส่องประกายเป็นสีแดงเพลิงภายใต้แสงอาทิตย์ ในขณะเดียวกันหากมองดูใกล้ๆ แล้วก็จะเห็นเป็นสีแดงเข้มคล้ายกับเลือด สถานที่ที่ดีที่สุดในการชม คือ สวนสาธารณะคินจาคุดะมันจูซาเกะ จังหวัดไซตามะ ซึ่งเป็นสวนพลับพลึงแดงขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

จากสถานี Ikebukuro ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงบนรถไฟสายด่วนก็จะถึงสถานี Koma เดินอีกเพียงครู่หนึ่งก็จะถึงสวนแห่งนี้

สวนคินจาคุดะมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 500 เมตรและพื้นที่ประมาณ 22 เฮกตาร์ ล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำโคมะ ตั้งแต่กลางเดือนกันยายนไปจนถึงต้นเดือนตุลาคมจะมีพลับพลึงแดงกว่า 5 ล้านต้นเบ่งบานขึ้นที่นี่ เกิดเป็นทิวทัศน์ที่ดูลึกลับน่าหลงใหลราวกับหลุดไปยังอีกโลกหนึ่งที่แผ่นดินถูกคลุมไปด้วยผ้าไหมสีเพลิงผืนใหญ่

ทุกปีจะมีการจัด "เทศกาลมันจูชาเกะ" ควบคู่ไปกับช่วงที่ต้นไม้ออกดอก ต้อนรับเหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลกไปด้วยอาหาร สินค้า และการแสดงมากมาย

สถานี Hanno

คอร์สเดินเขาสองยอดโอคุมูซาชิ

เมืองฮันโนในจังหวัดไซตามะเป็นทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติโอคุมูซาชิ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที โดยนั่งรถไฟจากสถานี Ikebukuro มาลงที่สถานี Hanno 

คอร์สเดินเขาสองยอดโอคุมูซาชิมีระยะทางประมาณ 8.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินราว 2 ชั่วโมง 40 นาที ซึ่งเหมาะกับมือใหม่อย่างมาก เริ่มเดินจากทางออกทิศเหนือของสถานี Hanno เลียบไปตามถนนการค้าประมาณ 20 นาที คุณก็จะพบกับตีนเขาที่เขียวชอุ่มและลำธารที่ใสสะอาด สัมผัสได้ถึงพลังแห่งการเยียวยาที่ยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ

ในวันที่อากาศปลอดโปร่ง แม้กระทั่งภูเขาไฟฟูจิเองก็สามารถมองเห็นได้จากที่นี่ คอร์สนี้เหมาะกับนักเดินทางที่รักธรรมชาติ วิวทิวทัศน์อันกว้างไกล และการเดินป่าแบบสบายๆ เราขอแนะนำให้พาเพื่อนหรือคนรู้จักมาด้วยเพื่อความปลอดภัย อย่าลืมตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง และเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ต่างๆ ให้ดี สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเช็กได้ที่ เว็บไซต์คอร์สเดินเขาของ Seibu Railway

วัดโนนินจิ: สถานที่ถ่ายทำละครโทรทัศน์ “From Five to Nine”

ภายในเมืองฮันโนเป็นที่ตั้งของวัดโนนินจิที่มีอายุกว่า 500 ปี สถานที่ซึ่ง "โฮชิคาวะ" ตัวละครหลักในละครญี่ปุ่นเรื่อง "เมื่อคุณพระมารักกับฉัน (From Five to Nine)" อาศัยอยู่ตั้งแต่วัยเด็ก แฟนละครหรือแฟนๆ ของโทโมฮิสะ ยามาชิตะ นักแสดงผู้รับบทเป็นโฮชิคาวะไม่ควรพลาดสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง!

วันโนนินจิมีพื้นที่กว้างขวาง ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่สงบและสง่างาม และจะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของใบเมเปิ้ลสีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หากทำการชำระเงิน 300 เยนที่บริเวณด้านขวาของอาคารหลัก ผู้ที่มาเยี่ยมชมจะสามารถเข้าชมไปในส่วนของลานวัด, อาคารเรียน, ครัว, บันไดและระเบียง รวมถึงอาคารหลักที่อยู่หลังลานวัดได้ ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เป็นบริเวณที่ปรากฏอยู่ในละครยอดฮิตทั้งนั้น รับรองได้ว่าจะเป็นประสบการณ์แสนวิเศษสำหรับแฟนละครอย่างแน่นอน!

นอกจากอาคารวัดและอาคารอื่นๆ ที่ปรากฏอยู่ในละครแล้ว อีกจุดหนึ่งที่ห้ามพลาดเลย คือ โฮไรเทเอ็น (Horai Teien) สวนที่จำลองมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน และถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน 100 สวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

สถานี Motokaji

Moomin Valley Park: โลกแห่งเทพนิยายนอร์ดิก

เมื่อเดินประมาณ 20 นาทีจากสถานี Motokaji ของรถไฟสาย Seibu Ikebukuro คุณจะได้พบกับ "Tove Jansson Akebono Children's Forest Park" สถานที่ซึ่งทำให้ผู้มาเยี่ยมชมรู้สึกราวกับอยู่ในป่าแถบสแกนดิเนเวีย เนื่องจากได้รับแรงบันดาลใจมาจาก "มูมิน" ตัวละครในเทพนิยายฟินแลนด์ และตั้งชื่อตามผู้เขียนเทพนิยายนี้ ทำให้มันเป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า "Moomin Valley Park"

คุณจะรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกของมูมินเมื่อเดินไปตามสวนที่ห้อมล้อมไปด้วยป่า ตกแต่งด้วยบันไดและทางเดินที่ขนาบด้วยต้นไม้ เป็นสถานที่ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถเพลิดเพลินได้เหมือนกัน มีจุดห้ามพลาดเป็น "บ้านมูมิน" รูปทรงเห็ด ตกแต่งภายในด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ดูอบอุ่น ไม่ว่าจะเป็นบันได, โซฟา, กล่องสมบัติ, ตู้เสื้อผ้า, หน้าต่างน่ารักๆ โต๊ะ หรือเก้าอี้ก็ล้วนทำขึ้นอย่างพิถีพิถันและทำให้เหมือนงานต้นฉบับทั้งสิ้น

อาคารที่น่าจดจำที่สุดของอนิเมะเรื่องนี้คือกระท่อมสีฟ้าริมแม่น้ำ ที่ซึ่งสนัฟกิ๊น กวีผู้หงอยเหงามักจะมานั่งตกปลาอยู่คนเดียว อาคารดังกล่าวได้ถูกจำลองมาไว้ในสวนนี้ ผนังสีไพลินและหลังคาทรงแหลมได้สะท้อนบรรยากาศของซีรีส์มูมินออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้มันเป็นหนึ่งในจุดถ่ายภาพยอดนิยมของบรรดานักท่องเที่ยว

ภายในสวนยังมีคาเฟ่และร้านขายของฝากมูมิน ซึ่งเป็นจุดที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน หากคุณวางแผนที่จะเดินทางไปในวันเสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุดราชการ เราก็ขอแนะนำให้อยู่จนสวนเปิดไฟ Light Up (ประมาณ 1 ทุ่ม) เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศลึกลับแฟนตาซีที่แตกต่างจากช่วงกลางวันอย่างสิ้นเชิง

Klook.com

สถานี Irumashi

Klook.com

หมู่บ้านอเมริกัน Johnson Town

Johnson Town” เป็นหมู่บ้านธีมอเมริกันที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองอิรุมะ ไม่จำเป็นต้องบินไปถึงอเมริกาก็สามารถสัมผัสวัฒนธรรมของพวกเขาที่นี่ได้ ในช่วงที่อเมริกันได้เข้ามายึดครองหลังสงคราม ดินแดนที่ห่างไกลแห่งนี้และบริเวณโดยรอบได้ถูกใช้เป็นที่ตั้งของหอพักทหารสำหรับฐานทัพอากาศจอห์นสัน (ปัจจุบันคือฐานทัพอากาศอิรุมะ) และได้ถูกทิ้งร้างไปหลังจากที่กองทัพถอนกำลังออกจากประเทศญี่ปุ่น ในเวลาต่อมา สถานที่นี้ได้รับการแปลงโฉมให้เป็นหมู่บ้านสไตล์อเมริกันเล็กๆ ที่มีทั้งร้านค้าและที่อยู่อาศัย อีกทั้งยังมีธงชาติอเมริกาแขวนอยู่บริเวณหน้าทางเข้าด้วย!

Johnson Town มีพื้นที่ประมาณ 25,000 ตารางเมตร มีบ้าน 130 หลังและคน 210 คนอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ อาคารบ้านเรือนมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร โดยผสมผสานบ้านไม้สีขาวแบบอเมริกันขนานแท้กับคอนโดที่มีชั้นความสูงไม่มาก ภายหลังภาพยนตร์เรื่อง "กอดแรกยังซึ้ง รักหนึ่งยังจำ (Sugar & Spice)" ที่ถ่ายทำใน Johnson Town เป็นหลักได้ออกฉายในปี 2006 เมืองนี้ก็ได้ปรากฏอยู่ในละครโทรทัศน์ นิตยสารแฟชั่น และหน้าปกซีดีอย่างแพร่หลาย

ปัจจุบันเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านค้าจิปาถะอยู่รวมกันกว่า 50 ร้าน ซึ่งในแต่ละวันก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชมได้เป็นจำนวนมาก

นอกจากบ้านและวิวถนนสไตล์อเมริกันแล้ว Johnson Town ยังมีร้านค้าที่จำหน่ายวัตถุดิบ อาหาร และเครื่องดื่มสไตล์อังกฤษและอเมริกา ทำให้คุณรู้สึกราวกับว่าอยู่ในสหรัฐเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่ของเอกชนและเป็นที่อยู่อาศัยของคนในท้องที่ จึงจำเป็นต้องขออนุญาตหากต้องการถ่ายภาพในเชิงการค้า นอกจากนี้ ควรรู้เอาไว้ด้วยว่าพื้นที่อยู่อาศัยนอกจากโซนร้านค้านั้นเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล และห้ามบุกรุกเข้าไปหากไม่ได้รับอนุญาต

Mitsui Outlet Park Iruma: ห้างเอาท์เล็ตขนาดใหญ่ที่สุดในคันโต

Mitsui Outlet Park Iruma ตั้งอยู่ห่างจากอิเคะบุคุโระและชินจูกุเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น เดินทางสะดวกและอยู่ใกล้กับส่วนกลางของโตเกียว ได้รับการขนานนามว่าเป็นห้างเอาท์เล็ตขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคันโต

Mitsui Outlet Park Iruma กินพื้นที่ประมาณ 86,000 ตารางเมตร ภายในมีร้านแบรนด์ดังกว่า 210 ร้าน ทั้งแบรนด์ญี่ปุ่นและแบรนด์ต่างชาติ เช่น Polo Ralph Lauren, Coach, Diesel, Le Creuset, และ Adidas ห้างนี้จำหน่ายเสื้อผ้า, เครื่องประดับ, สินค้าสำหรับเด็ก, สินค้าเอาท์ดอร์ รวมถึงของสดและของใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับคนในท้องที่ การช็อปที่นี่อาจทำให้ใครหลายคนสนุกจนไม่อยากกลับเลยทีเดียว!

สถานี Inariyama-Koen

ฤดูซากุระที่แสนคึกคัก

สวนสาธารณะซายามะ อินาริยามะ ตั้งอยู่ในเมืองซายามะ ห่างจากอิเคะบุคุโระโดยนั่งรถไฟประมาณ 40 นาที มีพื้นที่ครอบคลุม 16.5 เฮกตาร์ และเคยเป็นส่วนหนึ่งของฐานทัพอากาศจอห์นสัน

ในระหว่างการฟื้นฟูพื้นที่ในเดือนเมษายน ปี 2002 ได้มีการสร้างสนามหญ้าขนาดใหญ่และปลูกต้นไม้ชนิดต่างๆ อย่างสนแดงญี่ปุ่นและโอ๊กโอนาระลงไป เพิ่มสีเขียวให้กับตัวเมืองและมอบพื้นที่ผ่อนคลายให้กับคนในพื้นที่

เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง สวนสีเขียวนี้จะแปลงโฉมเป็นทุ่งซากุระซึ่งมีทั้งสายพันธุ์โซเมอิโยชิโนะและยาเอะซากุระ ในช่วงที่ซากุระออกดอกจะมีการจัดงานเทศกาลในธีมซากุระ มีกิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลาย ทั้งการแสดง ตั้งแคมป์ และบาร์บีคิว ทำให้เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระยอดนิยมของคนในพื้นที่

สวนสาธารณะซายามะ อินาริยามะเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของฤดูใบไม้ผลิ และเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับมาสัมผัสวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของญี่ปุ่น

สถานี Kotesashi

Musashi Rikyu: ร้านชาที่ขาย "ชาซายามะ" หนึ่งในสามชาที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น

"ชาซายามะ" ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 3 ชาที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น เคียงคู่ไปกับชาชิซูโอกะและชาอุจิ  ชาซายามะมีต้นกำเนิดอยู่ในยุคคามาคุระ ส่วนใหญ่แล้วปลูกในละแวกเมืองอิรุมะ ซายามะ และโทโคโรซาวะ ใบชาที่ใหญ่และหนาจะถูกนำไปต้มในอุณหภูมิสูง ให้รสชาติที่นุ่มลึกมีเอกลักษณ์ เป็นที่มาของคำกล่าวว่า "สีแห่งชิซูโอกะ กลิ่นแห่งอุจิ และรสแห่งซายามะ"

เมื่อเทียบกับใบชาอื่นๆ ชาซายามะมีผลผลิตที่น้อยกว่า แต่ก็ดีกว่าในด้านคุณภาพ และเนื่องจากซายามะอยู่ใกล้กับตลาดใหญ่อย่างโตเกียว ชาชนิดนี้จึงได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักดื่มชา

ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานี Kotesashi โดยเดินประมาณ 7 นาที คือ ร้านชา Musashi Rikyu ที่บริหารโดย Araien Honten สวนชาซายามะที่ได้รับรางวัล Emperor's Cup Award ที่ร้านนี้นอกจากจะมีถุงชาและใบชาอันเลื่องชื่อดังกล่าวให้ซื้อแล้ว ยังมีขนมหวานให้ลองเพลิดเพลินคู่ไปกับชาอีกด้วย เหมาะสำหรับมาพักเบรกในช่วงกลางวันเป็นอย่างยิ่ง

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

สถานี Higashi-Kurume

Fujimi Terrace: ชม "ฟูจิเพชร" ผ่านดงตึกสูงระฟ้า

สำหรับผู้ที่อยากชมความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิโดยไม่ต้องปีนเขา มีจุดชมวิวลับๆ ที่เหมาะกับคุณอยู่ที่สถานี Higashi-Kurume ในโตเกียว

จากประตูตรวจตั๋วบนชั้น 2 ของสถานี หากคุณเดินไปยังทางออกตะวันตกแล้วผ่านประตูอัตโนมัติไป ก็จะออกมาสู่ชั้นชมวิวกลางแจ้ง เมื่อยืนบนระเบียงนี้และมองไปทาง "Marronnier Fujimi Avenue" คุณก็จะเห็นภาพภูเขาไฟฟูจิแทรกตัวอยู่ท่ามกลางตึกสูง!

เนื่องจากอยู่ท่ามกลางป่าคอนกรีต วิวจากจุดนี้จึงแตกต่างไปจากวิวธรรมชาติที่เห็นได้ตามการปีนเขา ทั้งยังถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน "100 วิวฟูจิที่สวยที่สุดแห่งภูมิภาคคันโต" หากโชคดีคุณอาจได้ชม "ฟูจิเพชร" ทิวทัศน์สุดอลังการที่แสงอาทิตย์สีทองสาดส่องมาจากยอดภูเขาไฟฟูจิด้วย

สถานที่ท่องเที่ยวในเส้นทางรถไฟสาย Seibu Ikebukuro Line นั้นต่างจากกรุงโตเกียวที่คึกคักไปด้วยแสงสี ส่วนใหญ่จะมีวิวธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล แถมยังเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ ซื้อตั๋ว 1 วันนี้ หันหลังให้กับเมืองอันวุ่นวายแล้วไปชื่นชมทิวทัศน์สุดพิเศษกันเถอะ รับรองว่าวิวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์นี้จะทำให้คุณทึ่งอย่างแน่นอน

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์คันโต

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Fuchi
Fuchi Pan
เกิดที่ไต้หวัน ปัจจุบันอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น ใฝ่ฝันที่จะใช้ชีวิตโดยห้อมล้อมไปด้วยภาชนะแฮนด์เมดและสิ่งที่ชื่นชอบ
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร