กลัวหลงใช่ไหม !? สรุปวิธีเดินทางจาก「สนามบินนาริตะ」ไปยังใจกลางโตเกียว มาญี่ปุ่นครั้งแรกก็หายห่วง !

「สนามบินนาริตะ」(Narita International Airport) ประตูสู่ญี่ปุ่นและโตเกียว สนามบินขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นที่เชื่อมต่อ 133 เมือง ทั้งในประเทศและนอกประเทศ โดยแบ่งเป็นในประเทศ 18 เมือง และนอกประเทศอีก 18 เมือง เนื่องจากบนตั๋วเครื่องบินจะใช้ตัวย่อ "NRT/TYO" จึงมีผู้เข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้งว่าที่นี่ตั้งอยู่ในโตเกียว แต่จริงๆ แล้วสนามบินนาริตะตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ จังหวัดชิบะ ซึ่งห่างจากโตเกียวถึง 70 กม. และใช้เวลาเดินทางไปยังใจกลางโตเกียวประมาณ 40 นาทีโดยรถไฟ และประมาณ 70 นาทีโดยรถบัสความเร็วสูง แล้ววิธีการเดินทางแบบไหนล่ะที่เหมาะที่สุด? เราได้สรุปไว้ในบทความนี้แล้ว มาค้นหาวิธีเดินทางที่เหมาะกับทั้งงบและเวลาของคุณกัน !

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

เมื่อมาถึงญี่ปุ่นแล้วจะมีวิธีเข้าเมืองอยู่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ Skyliner , รถบัสลิมูซีน , รถส่วนตัว , หรือเช่ารถพร้อมคนขับ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีความสบายที่แตกต่างกัน ก่อนเราจะไปแนะนำ(พร้อมการจอง) ในบทความนี้ ก่อนอื่นเมื่อมาถึงญี่ปุ่นหากใครยังไม่ได้เช่า Wifi มา หรือจะรอมาเช่า Wifi ที่ญี่ปุ่น เรามี Wifi ที่สามารถรับและส่งคืนได้ที่สนามบินมาไว้ให้เป็นตัวเลือก เผื่อได้ใช้ก่อนเดินทางเข้าเมืองจากสนามบินนะค่ะ (สามารถจอง Wifi ได้ที่ปุ่มด้านล่างเลยค่ะ)

1. ความเร็วต้องมาก่อน ! 36 นาทีโดยรถไฟฟ้า

รถไฟจากสนามบินนาริตะไปยังใจกลางโตเกียวมีด้วยกัน 2 สายคือ 'Keisei Skyliner' ของ Keisei Electric Railway และ 'Narita Express' ของ JR East เป็นวิธีเดินทางที่ขอแนะนำให้กับผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว โดยเทอร์มินอล 1 มีสถานี 'Narita Airport' และเทอร์มินอล 2 มีสถานี 'Narita Airport Terminal 2·3' อยู่ที่ชั้นใต้ดินที่ 1 ของอาคาร

แม้ว่าสนามบินนาริตะจะมีเทอร์มินอลด้วยกันทั้งหมด 3 เทอร์มินอล แต่เทอร์มินอล 3 นั้นเพิ่งสร้างขึ้นใหม่และเป็นจุดบินขึ้นลงของสายการบินราคาประหยัดภายในประเทศ การที่จะเดินทางไปยังสถานี Narita Airport Terminal 2·3 ที่อยู่ใกล้ที่สุด จำเป็นต้องไปที่เทอร์มินอล 2 ก่อน โดยใช้เวลาเดินจากเทอร์มินอล 3 ไปเทอร์มินอล 2 ประมาณ 15 นาที

ดังนั้น หากคุณมีกำหนดการที่จะขึ้นบินหรือลงจอดที่เทอร์มินอล 3 แล้วล่ะก็ขอแนะนำให้เผื่อเวลาไว้ด้วย

Keisei Skyliner (京成スカイライナー) ของ Keisei Electric Railway

Keisei Skyliner ให้บริการรถไฟสูงสุดชั่วโมงละ 3 เที่ยว จากสถานี Narita Airport และสถานี Narita Airport Terminal 2·3 ไปยังสถานี Nippori ใช้เวลา 36 นาที และสถานีอุเอโนะใช้เวลา 41 นาที โดยมีค่ารถไฟอยู่ที่ 2,570 เยนเท่ากัน

ที่สถานี Nippori คุณสามารถนั่งรถไฟสายที่ผ่านโตเกียวและบริเวณรอบเมืองหลวง เช่น สาย JR Yamanote สาย JR Keihin-Tohoku และสาย JR Joban ได้ อีกด้านหนึ่งจากสถานีอุเอโนะคุณสามารถนั่งรถไฟชินคันเช็นสาย Tohoku สาย Joetsu และสาย Hokuriku ไปยังจังหวัดอื่นๆ ได้ ทั้งยังสามารถเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสายอื่นๆ เช่นสาย JR Yamanote สาย JR Keihin-Tohoku สาย JR Utsunomiya/Takasaki สาย JR Joban สาย Tokyo Metro Ginza สาย Hibiya และสาย Toei Oedo ได้ที่สถานี Ueno-okachimachi อีกด้วย การเดินทางเข้าที่พักจึงไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป

ภายในตัวรถไฟแผ่กว้างไปด้วยพื้นที่ที่โดดเด่นทั้งด้านดีไซน์และความสะดวกสบาย เช่น เพดานทรงโดมที่ให้ความรู้สึกกว้างขวาง และพื้นที่ซึ่งดัดแปลงมาจากลายตารางหมากรุก ทุกที่นั่งพร้อมไปด้วยปลั๊กไฟ AC Outlet ทั้งยังมีห้องน้ำอเนกประสงค์และห้องสำหรับล้างหน้าอยู่ที่รถขบวนที่ 5 อีกด้วย

Narita Express (N’EX) ของ JR East

Narita Express หรือ N’EX ออกวิ่งชั่วโมงละ 2 เที่ยว หรือประมาณทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางถึงสถานีโตเกียวเร็วที่สุดประมาณ 53 นาที (ตั๋วขาเดียว 3,020 เยน) ข้อดีคือสามารถเดินทางไปยังสถานีหลักๆ ของโตเกียว อาทิ สถานีชินากาว่า (Shinagawa) สถานีชิบูย่า หรือสถานีชินจูกุ ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวนที่นั่งระหว่างทาง

นอกจากนี้ หากที่ต้องการนั่งไปกลับก็ควรซื้อตั๋ว「N’EX Tokyo Round Trip Ticket」(4,000 เยน)  เนื่องจาก N’EX มีเที่ยวที่วิ่งไปจนถึงสถานีโยโกฮาม่าด้วย เรียกได้ว่าสะดวกมากๆ สำหรับคนที่ต้องการนั่งตรงไปยังแถบโยโกฮาม่า

ภายในรถไฟมีดีไซน์ที่ชวนให้ผ่อนคลายจากลายไม้และลายตารางหมากรุก ทุกที่นั่งเป็นที่นั่งแบบปรับเอียงได้พร้อมด้วยหมอนที่สามารถถอดออกได้ ทั้งยังมีโต๊ะขนาดใหญ่และปลั๊กไฟ AC Outlet อย่างครบถ้วน นอกจากทานอาหารได้แล้วยังเหมาะกับคนที่อยากใช้งานโน๊ตบุ๊คบนรถไฟอีกด้วย

ทั้ง Keisei Skyliner และ Narita Express ได้มีการติดตั้งกล้องกันขโมยไว้ที่จุดวางสัมภาระ พร้อมทั้งมาตรการด้านความปลอดภัยอื่นๆ แต่ก็ไม่ควรละเลยการป้องกันพื้นฐานที่ตัวเองสามารถทำได้ด้วยเช่นกัน

2. หากเน้นราคาประหยัด ขอแนะนำรถบัสความเร็วสูง ! เริ่มต้น 1,000 เยนนิดๆ ก็ถึงโตเกียวได้

รถบัสความเร็วสูง อีกช่องทางการเดินทางที่มีราคาถูกและมีเที่ยววิ่งจำนวนมาก ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้จึงมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเลือกใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก รถบัสความเร็วสูงที่สะดวกต่อการเดินทางจากสนามบินนาริตะไปโตเกียวมากที่สุดก็ไม่พ้น 'Tokyo Shuttle' และ 'The Access Narita' เนื่องจากสามารถฝากสัมภาระไว้ในช่องใส่สัมภาระของตัวรถได้ จึงกล่าวได้ว่าเป็นตัวเลือกการเดินทางที่สะดวกที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระหนักๆ

Tokyo Shuttle (東京シャトル)

Tokyo Shuttle ระหว่างสนามบินนาริตะกับสถานีโตเกียวและสถานีกินซ่า มีค่าบริการอยู่ที่ 1,000 เยน เฉพาะขาออกจากสถานีโตเกียวเท่านั้นที่หากจองล่วงหน้าราคาจะอยู่ที่ 900 เยน ในขณะที่เที่ยวดึกค่าบริการจะอยู่ที่ 2,000 เยน วิ่งให้บริการ 1 เที่ยวต่อ 20 นาที รวมทั้งสิ้น 113 เที่ยวต่อ 1 วัน (ออกจากโตเกียว 54 เที่ยว, ออกจากสนามบินนาริตะ 59 เที่ยว)

สามารถจองล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์และจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตได้ ในกรณีที่ไม่ได้ทำการจองล่วงหน้า จำเป็นต้องติดต่อซื้อตั๋วแบบระบุเวลาที่ Keisei Bus Ticket Counter

เวลาในการเดินทาง: ประมาณ 60 นาที
จำนวนเที่ยว: 113 เที่ยวต่อ 1 วัน
เที่ยวแรก: ออก 1:30 ถึง 2:40 (สถานีโตเกียว→สนามบินนาริตะ), ออก 5:55 ถึง 7:12 (สนามบินนาริตะ→สถานีโตเกียว)
เที่ยวสุดท้าย: ออก 21:00 ถึง 22:10 (สถานีโตเกียว→สนามบินนาริตะ), ออก 23:10 ถึง 0:27 (สนามบินนาริตะ→สถานีโตเกียว)

The Access Narita (THEアクセス成田)

The Access Narita วิ่งระหว่างสนามบินนาริตะกับสถานีโตเกียวและสถานีกินซ่า มีค่าบริการอยู่ที่ 1,000 เยน เที่ยวดึกอยู่ที่ 2,000 เยน ออกวิ่งวันละ 75 เที่ยว ใช้เวลาในการรอรถตั้งแต่ 5 นาที ไปจนถึง 25 นาที จุดเด่นคือไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า สามารถขึ้นรถบัสที่ป้ายและจ่ายเงินในตัวรถได้เลย ในกรณีที่รถเต็มจะใช้ระบบให้สิทธิคนที่มาก่อน จองล่วงหน้าทางเว็บไซต์ไว้ก่อนจึงอุ่นใจมากกว่า (รับจองล่วงหน้า 1 เดือน จ่ายล่วงหน้าด้วยบัตรเครดิต)

เวลาในการเดินทาง: ประมาณ 65 นาที
จำนวนเที่ยว (จากสนามบินนาริตะ): 75 เที่ยวต่อ 1 วัน
เที่ยวแรก: ออก 1:10 ถึง 2:25 (สถานีโตเกียว→สนามบินนาริตะ), ออก 7:40 ถึง 9:05 (สนามบินนาริตะ→สถานีโตเกียว)
เที่ยวสุดท้าย: ออก 18:10 ถึง 19:25 (สถานีโตเกียว→สนามบินนาริตะ), ออก 23:00 ถึง 0:05 (สนามบินนาริตะ→สถานีโตเกียว)

ทั้ง Tokyo Shuttle และ The Access Narita จะมีพื้นที่นั่งค่อนข้างน้อย แต่สามารถฝากสัมภาระไว้ที่ใต้ท้องรถได้ แม้จะมีสัมภาระขนาดใหญ่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง และอาจสบายกว่าการเดินทางด้วยรถไฟด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่รถบัสจะดีเลย์เนื่องจากสภาพการจราจร จึงขอแนะนำให้เผื่อเวลาไว้ด้วย

3.มุ่งตรงไปยังจุดหมาย! รถไฟสายตรงจากสนามบินไปยังจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของโตเกียวและบริเวณใกล้เคียง

Keisei Electric Railway Access Express (京成電鉄 アクセス特急)

'Access Express' ของ Keisei Electric Railway เป็นรถไฟราคาถูกที่วิ่งจากสนามบินนาริตะไปยังแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของโตเกียว สามารถนั่งตรงไปยังจุดท่องเที่ยวชื่อดังอย่างสถานี Oshiage, สถานีอาซากุสะ, และสถานีรปปงงิ ได้ในราคาที่ถูกกว่ารถไฟสายด่วน

หากใช้บริการของ Access Express แล้ว คุณสามารถเดินทางไปยังสถานี Oshiage สถานีที่อยู่ใกล้กับ Tokyo Skytree ได้ในเวลา 47 นาที (1,170 เยน) และสถานีรปปงงิ ซึ่งเรียงรายไปด้วยพิพิธภัณฑ์และร้านค้าเก่าแก่ของญี่ปุ่นมากมาย เช่น Mitsukoshi และ Takashimaya ได้ในเวลา 59 นาที (1,330 เยน)
นอกจากนี้ Keisei Electric Railway ยังมีบริการ 'สายด่วน' ราคาถูกวิ่งเข้าตัวเมือง จากสนามบินนาริตะไปสถานี Nippori ใช้เวลา 66 นาที (1,030 เยน) ไปสถานีอุเอโนะใช้เวลา 70 นาที (1,030 เยน) แม้ว่าจะใช้เวลาเดินทางนานกว่า Skyliner เกือบ 30 นาที แต่ก็มีราคาที่ถูกกว่ากันราว 1,000 เยน จึงเหมาะกับผู้ที่มีเวลาเหลือแต่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย โดยออกวิ่ง 3 รอบต่อ 1 ชั่วโมง 

Klook.com

Airport Limousine Bus (エアポートリムジンバス)

หากว่ากันด้วยเรื่องความสะดวกสบายแล้ว คงไม่มีตัวเลือกใดที่ดีกว่า 'Airport Limousine Bus' มีหลายจุดหมาย ทั้งละแวกสถานีโตเกียวและสะพานนิฮงบาชิ ย่านชินจูกุ ย่านอิเคะบุคุโระ ย่านรปปงงิและอากาซากะ บริเวณฮิบิยะและกินซ่า ย่านโอไดบะและอาริอาเกะ (Ariake) ย่านเอบิสุและชินากาว่า สนามบินฮาเนดะ ย่านชิบูย่า ย่านอาซากุสะและโทโยสุ (Toyosu) และคิจิโจจิ (Kichijoji) เรียกได้ว่าครอบคลุมพื้นที่หลักๆ ทั้งหมดเลยทีเดียว 

จุดจอดรถมักจะเป็นตามโรงแรมหลักๆ หรือตามหน้าสถานีต่างๆ สะดวกสบายสุดๆ นอกจากโตเกียวแล้วก็ยังมีเที่ยวรถไปตามเมืองและจุดท่องเที่ยวที่อยู่รอบๆ โตเกียว เช่น บริเวณมินาโตะมิไร (Minatomirai) ของโยโกฮาม่า และละแวก Tokyo Disney Resort อีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถเดินทางไปยังฮาโกเน่ ภูเขาไฟฟูจิ นากาโน่ กิฟุและฮิดะทาคายามะ ได้อีกด้วย ! รถบัสชนิดนี้จึงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ส่วนค่าโดยสารนั้น ในกรณีที่ไปยังโตเกียวและละแวกใจกลางเมือง จะอยู่ที่ประมาณ 2,800 - 3,100 เยน

เวลาที่ใช้ในการเดินทางจากสนามบินนาริตะไปสถานีโตเกียวอยู่ที่ประมาณ 75 - 125 นาที อาจคลาดเคลื่อนได้ขึ้นกับสภาพการจราจร สามารถฝากสัมภาระใต้ท้องรถได้ไม่เกิน 2 ชิ้น โดยต้องมีขนาดไม่ใหญ่กว่า 50×60×120 ซม. และต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 30 กก. สกี กระเป๋ากอล์ฟ หรือเบ็ดตกปลาก็สามารถฝากได้เช่นกัน

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

4. รถยนต์รับส่งระหว่างสนามบิน

อีกหนึ่งวิธีที่สะดวกสบาย เดินทางรวดเร็ว นั่งเบาะสบายๆ ไม่ต้องลากกระเป๋าไกลๆ ก็ต้องนี่เลย รถยนต์รับส่งจากสนามบินนาริตะ ซึ่งบริการนี้จะพาท่านสู่โตเกียวได้ภายในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ แต่บริการนี้ส่วนมากจะไม่สามารถรองรับสัตว์เลี้ยงและสัมภาระขนาดใหญ่ เช่น สกี กระดานโต้คลื่น เก้าอี้รถเข็น และถุงกอล์ฟได้

Klook.com

5. แท็กซี่เหมา เหมาะกับการเดินทางเป็นกลุ่ม

แท็กซี่เหมา หรือ Teigaku Taxi (定額タクシー) พาหนะที่สามารถพาคุณเดินทางไปยังพื้นที่ที่อยู่ระหว่างสนามบินนาริตะและบริเวณใจกลางเมืองโตเกียวได้ในราคาเหมาจ่าย แม้ว่าค่าโดยสารจะค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถไฟและรถบัส แต่ก็เป็นตัวเลือกที่สะดวกในกรณีที่คุณต้องการเดินทางในช่วงเช้ามืดหรือกลางดึก ซึ่งเป็นช่วงที่วิธีการเดินทางรูปแบบอื่นไม่รองรับ หรือในกรณีที่คุณต้องรีบไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด และที่สำคัญที่สุดคือในกรณีที่คุณเดินทางเป็นกลุ่มคณะหรือครอบครัว

ภาพด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของค่าบริการโดยแยกตามพื้นที่และเวลา

สรุป

มีวิธีการเดินทางจากสนามบินนาริตะไปยังตัวเมืองโตเกียวมากมายให้เลือก ลองประเมินแผนการเดินทางและงบประมาณของคุณ หากต้องการความรวดเร็วก็ควรเลือกรถไฟ หากต้องการราคาประหยัดก็เลือกรถบัสความเร็วสูง หากต้องการไปยังบริเวณที่เฉพาะเจาะจงก็ควรใช้บริการรถไฟและรถบัสสายตรง มาทำความเข้าใจวิธีการเดินทางจากสนามบินนาริตะไปโตเกียว เพื่อให้ทริปเที่ยวญี่ปุ่นของคุณราบรื่นกันเถอะ ! นอกจากนี้ถ้ายังไม่ได้เช่า Wifi มาจากที่ไทย ทางเราก็แนะนำให้เช่าตั้งแต่ที่สนามบินน่าจะสะดวกที่สุด หรือจะจอง Wifi (ปุ่มจองด้านล่าง) และไปรับตอนเครื่องลงที่สนามบินได้เลย!

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์คันโต

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Keisuke
Keisuke Tsunekawa
เป็นคนญี่ปุ่นที่ชอบหลีกหนีจากชีวิตในเมืองโตเกียวเป็นครั้งคราว เพื่อค้นพบเส้นทางใหม่ๆ รวมถึงท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าได้สนุกกับการเชื่อมโยงกับสิ่งที่แตกต่างไปจากที่เคยทำเคยเห็นในชีวิตประจำวัน
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร