คู่มือเที่ยวเอาท์เล็ต Grandberry Park จุดท่องเที่ยวธีมสนูปี้ใกล้โตเกียว

หากคุณชอบเที่ยวเอาท์เล็ตของญี่ปุ่น ก็ไม่ควรพลาด Grandberry Park ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ที่ใหญ่จนไม่สามารถเที่ยวได้หมดในวันเดียว! ภายในมีทั้งเอาท์เล็ตที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์หรูและผลิตภัณฑ์เอาท์ดอร์แบรนด์ดังในราคาสมเหตุสมผล สถานที่เอนเตอร์เทนอย่างโรงหนังและเกมเซ็นเตอร์ ทั้งยังอยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์สนูปี้ และสวนสาธารณะที่เหมาะสำหรับปิคนิคและออกกำลังกาย นอกจากนี้ ในขณะที่ห้างเอาท์เล็ตส่วนใหญ่อยู่ไกลจากตัวเมือง แต่ Grandberry Park ก็อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว นั่งรถไฟประมาณ 33 นาทีจากชิบูย่า เป็นที่ๆ เหมาะมากที่จะแวะมาเที่ยวดูสักครั้ง

** บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Grandberry Park

Grandberry Park

Grandberry Park เปิดให้บริการในปี 2019 มีขนาดกว้างขวางถึง 87,000 ตารางเมตร ภายในมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านเอาท์เล็ต พิพิธภัณฑ์ และโรงหนัง ร้านค้ามีจำนวนกว่า 240 ร้าน ครบครันไปด้วยสินค้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแบรนด์หรู สินค้าแฟชั่นทันสมัย ของใช้ในชีวิตประจำวัน หรือผลิตภัณฑ์เอาท์ดอร์ ส่วนร้านอาหารและคาเฟ่ก็มีจำนวนกว่า 40 ร้าน สามารถเพลิดเพลินไปกับเมนูที่หลากหลาย ทั้งยังอยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์สนูปี้ และสวนสาธารณะสึรุมะ (鶴間公園) ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ

การเดินทาง

สถานีที่ใกล้ที่สุดของ Grandberry Park คือ สถานี Minamimachida Grandberry Park (南町田グランベリーパーク駅) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 33 นาทีโดยนั่งสายด่วนของรถไฟ Denen Toshi มาจากสถานีชิบูย่า กรณีที่นั่งสายปกติก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นสถานีที่เชื่อมต่ออยู่กับ Grandberry Park โดยตรง จึงถึงทันทีที่ออกมาจากประตูตรวจตั๋ว สะดวกต่อการเดินทางมากๆ

การจัดโซน

เมื่อข้ามจาก Station Court เข้าไปยัง Central Court ก็จะมีร้านค้ามากมายเรียงรายอยู่ทั้งสองฝั่งถนน ร้านค้าและร้านอาหารส่วนใหญ่อยู่ในโซนนี้ สามารถวนรอบได้โดยเดินเลาะไปตามถนน หากเดินไปทาง Wonder Theater ก็จะมองเห็นเกมเซ็นเตอร์ GiGO และโรงหนัง ถัดไปก็มีพิพิธภัณฑ์สนูปี้และ PEANUTS Cafe ลึกเข้าไปอีกก็เป็นสวนสาธารณะสึรุมะที่ล้อมรอบไปด้วยสีเขียวขจี ภายในสวนแบ่งเป็นโซนต่างๆ มากมาย เช่น Forest Tsuruma, Playground of Forest, และ Sports Field

พิพิธภัณฑ์สนูปี้

พิพิธภัณฑ์สนูปี้ หรือ Snoopy Museum Tokyo ที่อยู่ติดกับ Granberry Park นั้น เป็นสาขาเพียงแห่งเดียวในโลกของพิพิธภัณฑ์ Charles Schulz ที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลลิฟอร์เนียของอเมริกา แบ่งการจัดแสดงออกเป็นการจัดแสดงประจำ และการจัดแสดงพิเศษที่จะเปลี่ยนเนื้อหาเป็นครั้งคราว บริเวณทางเข้าชั้น 1 มีจุดขายตั๋วและโซนสัมผัสประสบการณ์เวิร์คช็อป เวิร์คช็อปดังกล่าวนี้จะมีการจัดอีเวนต์ต่างๆ ขึ้น เช่น การทำตุ๊กตาสนูปี้ด้วยตัวเอง โดยสามารถนัดวันและเวลาได้ผ่านทางเว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์

ชั้น 2 และ 3 เป็นชั้นจัดแสดง โซนจัดแสดงปกตินั้นจะบอกเล่าประวัติของคุณ Charles Schulz เบื้องหลังการสร้างผลงาน รวมถึงแนะนำสินค้ารุ่นแรกๆ งานจำลองต้นฉบับ วิดีโอ ภาพถ่าย และตัวละครของ PEANUTS ส่วนโซนจัดแสดงพิเศษก็จะมีการพูดคุยกับพิพิธภัณฑ์หลักในอเมริกาเพื่อกำหนดธีม จากนั้นก็ส่งคอลเล็คชั่นต่างๆ อย่างต้นฉบับที่จำเป็น และนำมาจัดแสดงที่ญี่ปุ่น ช่วงที่เราได้แวะไปพิพิธภัณฑ์นั้น โซนจัดแสดงพิเศษมีธีมว่า "Food in PEANUTS ของโปรดของคุณคืออะไร ?" เป็นการจัดแสดงเกี่ยวกับอาหารที่ชอบและไม่ชอบของสนูปี้และผองเพื่อน สีหน้าของสนูปี้เวลารับประทานโดนัทที่เป็นของชอบและมะพร้าวที่เป็นของไม่ชอบนั้นแตกต่างกันมาก รับรองว่าจะทำให้คุณหัวเราะได้อย่างแน่นอน

ไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์สนูปี้คือ SNOOPY ROOM ห้องสีขาวที่มีสนูปี้ขนาดใหญ่ที่มีความยาวถึง 8 เมตรนอนอยู่กลางห้อง บริเวณรอบข้างก็มีสนูปี้หลากหลายท่าทางและสีหน้าจัดวางไว้ ทันทีที่เข้าไปในห้องก็อาจทำให้คุณร้องดีใจและรัวกล้องไม่หยุดเลยก็ได้ หากใช้สมาร์ทโฟนสแกนคิวอาร์บนกำแพงก็จะสามารถควบคุมกล้องที่อยู่บนเพดานได้ ช่วยให้สามารถถ่ายรูปมุมสูงคู่กับสนูปี้ขนาดมหึมาได้ กรณีที่ชอบรูปที่ถ่ายไป ก็สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อดาวน์โหลดมาเก็บไว้ในสมาร์ทโฟนของคุณได้

หลังจากชมพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้วก็ไม่ควรพลาดร้านค้าที่อยู่บริเวณชั้น 1 มีทั้งตุ๊กตาน่ารักๆ ที่เป็นสินค้าออริจินัลของพิพิธภัณฑ์ ของใช้ในชีวิตประจำวันธีมสนูปี้ และโปสการ์ดที่เหมาะสำหรับส่งให้เพื่อนหรือครอบครัว รับรองว่าคุณจะได้ของติดไม้ติดมือกลับไปมากมายอย่างแน่นอน

* เวิร์คช็อปให้บริการเฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น
* "Food in PEANUTS ของโปรดของคุณคืออะไร" จัดแสดงถึงวันที่ 9 กรกฎาคม
* SNOOPY ROOM CAMERA มีให้ใช้งานได้ฟรี แต่หากจะทำการดาวน์โหลดก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายรูปละ 600 เยน
© Peanuts Worldwide LLC

การซื้อตั๋ว

ตั๋วของพิพิธถัณฑ์สนูปี้มีวางจำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์ สามารถซื้อล่วงหน้าได้ 2 เดือนถึง 1 วัน ส่วนการรับตั๋วก็สามารถรับเป็นตั๋วกระดาษได้ที่ร้านสะดวกซื้อ หรือไม่ก็ดาวน์โหลดเป็นตั๋วดิจิทัลผ่านทางคิวอาร์โค้ด จากนั้นก็ให้นำตั๋วไปแลกเป็นแผนที่ที่เคาน์เตอร์ สำหรับการจัดแสดง Lucy is Here ที่เริ่มจัดตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2023 นั้น จะมีการแจกการ์ดสุดลิมิเต็ดเพื่อเป็นของที่ระลึกในการเข้าชมแทนแผนที่

หากไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้า ในวันจริงถ้าหากคนแน่นจะไม่มีตั๋วจำหน่าย จะมีจำหน่ายตั๋วเฉพาะช่วงที่คนว่างเท่านั้น ทางที่ดีจึงควรซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้จะดีกว่าแถมยังได้ส่วนลด 200 เยนอีกด้วย

PEANUTS Cafe

PEANUTS Cafe เป็นธีมคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ข้างๆ พิพิภัณฑ์สนูปี้ เสิร์ฟเมนูลิมิเต็ด เครื่องดื่ม และอาหารในธีมสนูปี้และผองเพื่อง สามารถใช้บริการได้โดยไม่จำเป็นต้องมีตั๋วของพิพิธภัณฑ์สนูปี้ PEANUTS Cafe มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นนากะเมกุโระ ฮาราจูกุ นาโกย่า หรือโอซาก้า แต่ละสาขาก็มีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกัน สาขาพิพิธภัณฑ์สนูปี้นี้ดูปลอดโปร่งและห้อมล้อมไปด้วยพืชพรรณสีเขียว มีธีมส่วนใหญ่เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์และการปิคนิค และเสิร์ฟเมนูลิมิเต็ดในธีมเดียวกันกับการจัดแสดงพิเศษของพิพิธภัณฑ์ เหมาะมากสำหรับมาเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหารที่น่าตื่นเต้นหลังจากเที่ยวพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้ว

หากสั่งเครื่องดื่มภายในร้านก็จะมีที่รองแก้วลายสนูปี้น่ารักๆ ให้เลือก 3 ลาย ทั้งยังมีเมนูเทคเอาท์ Peanuts Gang Pinic Box (2,480 เยน) ที่ห่ออาหารว่างอย่างสลัด วาฟเฟิล ไก่ มันฝรั่ง คอร์นด็อก และเครื่องดื่ม ด้วยผ้าปูปิคนิคลายสนูปี้ เหมาะมากสำหรับนำไปปิคนิคอย่างสบายๆ ที่สวนสาธารณะสึรุมะซึ่งอยู่ติดกัน

© 2023 Peanuts Worldwide LLC

ร้านแนะนำ

ที่ Granberry Park นอกจากจะมีสินค้าแบรนด์หรูแล้ว ยังมีแบรนด์เอาท์ดอร์อย่าง mont-bell และแบรนด์เครื่องครัวยอดฮิตอย่าง Le Creuset และ T-fal Store อยู่อีกด้วย ทำให้ยากมากที่จะเที่ยวให้หมดภายในวันเดียว ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงเก็บความเห็นของสตาฟ tsunagu Japan และคัดสรรร้านแนะนำมาให้คุณรู้จักดังต่อไปนี้

Snow Peak

หนึ่งในแบรนด์เอาท์ดอร์ที่โดดเด่นที่สุดของญี่ปุ่น พัฒนาขึ้นในธีมธรรมชาติ อุปกรณ์ปีนเขาและตั้งแคมป์มีประสิทธิภาพในการใช้งานสูง ทั้งยังคำนึงไลฟ์สไตล์กลางแจ้ง เป็นที่ชื่นชอบของนักทำกิจกรรมกลางแจ้งจำนวนมาก หากจะซื้อผลิตภัณฑ์ของ Snow Peak ที่ญี่ปุ่น Grandberry Park ก็เป็นจุดหมายปลายทางที่ห้ามพลาดมากๆ

Snow Peak Cafe&Dining

Snow Peak Café&Dining เป็นร้านอาหารที่อยู่ภายในร้าน Snow Peak มีการใช้ผลิตภัณฑ์ของ Snow Peak ตั้งแต่โต๊ะ เก้าอี้ ไปจนถึงจานชาม สามารถดื่มด่ำอาหารและเมนูคาเฟ่ท่ามกลางบรรยากาศตั้งแคมป์ ถือว่าแปลกใหม่มากๆ ส่วนเมนูก็ครบครันไปด้วยแกงกะหรี่ สเต็ก และกับแกล้มอร่อยๆ อย่างมะกอกหมักซอส ทั้งยังมีไฮไลท์เป็นเมนูเครื่องดื่มหลากหลายที่ทำจากชาทั่วญี่ปุ่น นอกจากนี้ เมนูสำหรับสัตว์เลี้ยงก็มีอยู่มากมายเช่นกัน สามารถเพลิดเพลินมื้ออาหารไปพร้อมๆ กับสัตว์เลี้ยงของคุณได้ที่ที่นั่งนอกระเบียง

NIKE FACTORY STORE

ร้านสาขาของ NIKE แบรนด์กีฬาที่มีชื่อเสียงระดับโลก วางจำหน่ายตั้งแต่สินค้ายอดนิยมอย่าง Air Max, Air Force, และรองเท้ากีฬาอย่างรองเท้าสำหรับเล่นสเก็ตบอร์ด ไปจนถึงซีรีย์ Jordan ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสม และ Sport Sandals ที่กำลังเผยแพร่ความนิยมไปทั่วโลก เนื่องจากเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงดีไซน์และการใช้งาน รวมถึงผลิตภัณฑ์กีฬาสำหรับเด็ก ผู้หญิง และผู้ชายที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก จึงรับรองได้ว่าคุณจะพบกับสินค้าที่อยากได้อย่างแน่นอน

Kuze Fuku Outlet (久世福商店アウトレット)

Kuze Fuku Outlet มีต้นกำเนิดอยู่ในจังหวัดนากาโน่ เป็นร้านของอร่อยภายใต้ธีม "ความเป็นญี่ปุ่น" เรียงรายไปด้วยสินค้าอย่างแยม ขนม เครื่องปรุง และน้ำซุป ซึ่งทำขึ้นจากวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดีจากทั่วญี่ปุ่น

สินค้าที่พนักงานร้านขอแนะนำเป็นพิเศษก็คือ หัวเชื้อนมสตรอว์เบอร์รี่ (牛乳と混ぜる いちごミルクの素) ที่สามารถทำนมสตรอว์เบอร์รี่ได้ง่ายๆ เพียงนำไปผสมกับนมวัว และชาเคะชาเคะเมนไท (至福のひと時 大人のしゃけしゃけめんたい) ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างแซลมอนกับเมนไทโกะ (ไข่ปลาคอดหมักซอสเผ็ด) มีสินค้ามากมายที่แค่เห็นชื่อก็ชวนให้น้ำลายไหลได้แล้ว ทั้งยังมีสินค้าราคาสบายกระเป๋าสมกับที่เป็นร้านเอาท์เล็ต ไม่ว่าจะซื้อไปใช้เองหรือซื้อไปเป็นของฝากก็เหมาะทั้งนั้น

AKOMEYA TOKYO

AKOMEYA TOKYO วางจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับข้าวเป็นหลัก มีตั้งแต่ของกินหลากหลายชนิดที่เข้ากับข้าวได้ดี ไปจนถึงซุปสำเร็จรูป และเครื่องปรุงต่างๆ ที่ช่วยให้อาหารอร่อยขึ้น ทั้งยังมีแบรนด์ข้าวจากทั่วญี่ปุ่นที่วางจำหน่ายแบบห่อเล็กๆ ให้เลือกซื้อได้ตามชอบ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการทำอาหาร เช่น ชามและตะเกียบ ก็มีอยู่ครบครันเช่นกัน โดยมีตะเกียบเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ

AKOMEYA TOKYO วางจำหน่ายสินค้าที่มีส่วนผสมของข้าวด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเครื่องสำอางอย่างสบู่ แฮนด์ครีม โลชั่นทาผิว และน้ำหอม ด้านกลิ่นหอมก็มีที่มาจากผัก ผลไม้ และพืชจากทั่วญี่ปุ่น เหมาะมากสำหรับผู้ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่อัดแน่นไปด้วยความเป็นญี่ปุ่น

*ราคาที่ปรากฏอยู่ในรูปเป็นราคา ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2023 ตัวสินค้าและราคาที่วางขายจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา

GiGO

GiGO เป็นเกมเซ็นเตอร์แบบขยายสาขาของญี่ปุ่น ชื่อของมันย่อมาจาก "Get into the Gaming Oasis" ที่แปลว่า "กระโจนเข้าไปในโอเอซิสแห่งเกม" GiGO ของ Grandberry Park ตั้งอยู่ใน Wonder Theater ภายในร้านเต็มไปด้วยเครื่องเกมต่างๆ เช่น เกมเครน เครื่องถ่ายสติ๊กเกอร์ เกมเต้น และเกมแข่งรถ ส่วนโซน Kids Discovery ก็มีบริเวณ "FUN VILLAGE with NHK Characters" ที่เรียงรายไปด้วยของเล่นเด็กมากมาย

เกมเครนแบบถูกสุดมีราคาเพียง 100 เยนต่อครั้ง ภายในตู้อัดแน่นไปด้วยของรางวัลสุดลิมิเต็ดมากมาย ผู้เขียนเองก็ได้ลองเล่นและชนะตุ๊กตาที่อยากได้มาด้วย เป็นร้านที่เหมาะมากสำหรับผู้ที่อยากลองเล่นเกมเครนของญี่ปุ่น

ประชาสัมพันธ์

เมื่ออกมาจากสถานี Minamimachida Grandberry Park โซนแรกที่คุณจะพบก็คือ Station Court ซึ่งเป็นที่ตั้งของประชาสัมพันธ์ สามารถขอรับแผนที่ภาษาต่างๆ และรายชื่อร้านค้าที่สามารถขอยกเว้นภาษีได้ กรณีที่มีเงินญี่ปุ่นไม่พอก็มีเครื่องแลกสกุลเงินให้บริการอยู่ด้วย หากมีอะไรเกี่ยวกับ Grandberry Park ก็สามารถสอบถามได้ทุกเรื่อง

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ คุณก็อาจอยากลองไป Grandberry Park ดูบ้างใช่ไหม? นอกจากนี้ Grandberry Park ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะกับครอบครัวและสัตว์เลี้ยง นอกจากคนที่มาเที่ยวกับครอบครัวแล้ว ยังมีคนจำนวนมากที่พาสุนัขมาเดินเล่น สามารถมองเห็นภาพน่ารักๆ ของผู้คนที่กำลังเล่นอยู่กับเพื่อนรักขนปุยของพวกเขา

มนต์เสน่ห์คันโต

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Ying
Ying Lu
เป็นคนไต้หวัน ปัจจุบันอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น ชอบซับคัลเจอร์อย่างวัฒนธรรม 2D และการชมดนตรีสด เดินทางไปอิเคะบุคุโระอยู่บ่อยครั้ง
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร