10 จุดท่องเที่ยวตามล่าใบไม้เปลี่ยนสีในโตเกียว ฤดูใบไม้ร่วง 2021!

หากคุณวางแผนไปเยือนญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง การชม "ใบไม้เปลี่ยนสี" คงเป็นกิจกรรมที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน สำหรับประเทศญี่ปุ่นที่มีการแบ่งฤดูกาลอย่างชัดเจน ทั้งฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเฉพาะตัวในทุกฤดูกาล และในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี (ราวๆ เดือนกันยายน - พฤศจิกายน) ทั้งประเทศจะเริ่มเข้าสู่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เป็นสีแดง เหลือง ส้ม เติมสีสันให้ญี่ปุ่นดูสวยงามไปอีกแบบ

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ก็จะสามารถพบเจอใบไม้เปลี่ยนสีตามบริเวณต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเขตเมืองเก่าที่คงกลิ่นอายในอดีตไว้ ไปจนถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และตึกรามบ้านช่องทั่วไป ภาพของใบไม้หลากสีที่แซมกันอยู่บนต้น ดูเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียว 

แน่นอนว่าโตเกียว เมืองใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น ก็มีบรรยากาศแบบนี้เช่นกัน แต่แม้จะมีตึกสูงระฟ้าล้อมรอบ ที่นี่ก็มีสวนต่างๆ อยู่มากมายจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีพื้นที่ชมธรรมชาติอย่างสวนสาธารณะในเมืองได้เยอะขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น จุดท่องเที่ยวหลายแห่งในช่วงนี้ก็จะถูกย้อมเป็นสีส้มเหลืองแดงของฤดูใบไม้ร่วงจนทำให้หลายคนหลงเสน่ห์ภาพทิวทัศน์อันสวยงามเหล่านี้ได้ไม่ยาก ในวันนี้ เราได้คัดสรร "10 จุดท่องเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีในกรุงโตเกียว" ที่ไม่ควรพลาดมาแนะนำให้กับคุณ

1. สวนชินจูกุเกียวเอ็น | 新宿御苑

"สวนชินจุกุเกียวเอ็น" เป็นสวนสไตล์ยุโรปสมัยใหม่ที่ติดอันดับต้นๆ ของประเทศ ถูกสร้างขึ้นในปี 1906 แต่เดิมเป็นสวนส่วนพระองค์ที่จัดไว้สำหรับพระราชวงศ์เท่านั้น แต่ในปี 1947 เป็นต้นมา ได้มีการเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมได้ พื้นที่ของสวนกว้างขนาด 58.3 เฮกตาร์ และมีต้นไม้กว่า 10,000 ต้นตั้งเรียงรายอยู่ภายใน เมื่อถึงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแล้วใบของต้นเมเปิ้ล (もみじ), ต้นคาเอเดะ (かえで) และแปะก๊วย (いちょう) จะเริ่มเปลี่ยนสี ทำให้กลายเป็นพื้นที่ที่มีสีสันฉูดฉาดสวยงามครับ

จุดเด่นของที่นี่ คือ ตำแหน่งของสวนที่อยู่ใจกลางกรุงโตเกียวอันแสนวุ่นวายอย่างชินจูกุ เรียกได้ว่าเป็น "โอเอซิส" เมืองกรุงเลยทีเดียว หรือก็คือ การผสมผสานของเมืองที่ทันสมัยกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาตินั่นเอง ที่ชินจูกุมีทั้งที่ทำการของเจ้าหน้าที่รัฐและศาลาว่าการนครโตเกียว รวมถึงตึกสูงหลายแห่งตั้งเรียงรายกันอยู่ ซึ่งเมื่อถูกย้อมไปด้วยสีต่างๆ จะเกิดเป็นภาพทิวทัศน์ที่ดูสวยลงตัว เป็นภาพที่หาดูได้แค่ที่นี่เท่านั้น

*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม

2.สวนชั้นนอกศาลเจ้าเมจิจิงกู (แนวต้นแปะก๊วย) | 明治神宮外苑

ศาลเจ้าซึ่งสักการะจักรพรรดิเมจิ และโด่งดังในด้านการเสริมดวงชะตา "ศาลเจ้าเมจิจิงกู" แห่งนี้มีสวนที่ชื่อว่า "สวนชั้นนอกศาลเจ้าเมจิจิงกู" ที่มี "แนวต้นแปะก๊วย (イチョウ並木)" อยู่ จุดเด่นของที่นี่คือ มีต้นแปะก๊วยมากถึง 150 ต้นเรียงรายอยู่เต็มสองข้างทาง และในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ต้นแปะก๊วยเหล่านี้จะเตรียมผลัดใบกันอย่างพร้อมเพรียงใบจะกลายเป็นสีเหลืองสด จนคนตั้งชื่อเล่นให้ว่า "ถนนสีทอง (黄金ロード)" ที่ปลาย "แนวต้นแปะก๊วย" ระยะทางกว่า 300 เมตรนั้น สามารถทองเห็น "พิพิธภัณฑ์ภาพวาดเซโตขุ (聖徳記念絵画館)" ได้ ทำให้ภาพทิวทัศน์ต้นแปะก๊วยดูสวยงามขึ้นไปอีก ระหว่างทางบริเวณรอบๆ ยังมีคาเฟ่มากมายตั้งอยู่ ทำให้สามารถดื่มด่ำกับรสชาติใบไม้ท่ามกลางตึกที่ดูทันสมัยได้อีกด้วยครับ

ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม

3.สวนริคุกิเอ็น | 六義園

"สวนริคุกิเอ็น" ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งใน " 2 สุดยอดสวนแห่งเอโดะ (江戸の二大庭園)" สร้างขึ้นในปี 1702 และมีบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณจนถูกคัดเลือกให้เป็นสวนสวยประจำชาติเลยทีเดียว ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนั้นของที่นี่อยู่ประมาณกลาง - ปลายเดือนพฤศจิกายน และมีตัวชูโรงเป็นต้นคาเอเดะ ต้นแปะก๊วย รวมถึงต้นไม้อื่นๆ อีกราว 500 ต้นที่จะมาเติมสีสันให้กับสวนแห่งนี้ "สวนโรคุกิเอ็น" มีจุดแนะนำ คือ ใบไม้เปลี่ยนสีบริเวณฝั่งตะวันตกของแอ่งน้ำ "ซุยโคโนะเอะ (水香江)" เพราะนอกจากจะสามารถชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงกลางวันได้แล้ว ยังมีการส่องไฟในช่วงกลางคืนหลังพระอาทิตย์ตกดินให้ได้ชมกันอีกด้วย มีทั้งแสงสีและสายหมอกมาประดับบริเวณนี้จนเหมือนเป็นโลกแห่งความฝันเลยทีเดียว

*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี :กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม
  ช่วงเปิดไฟประดับตอนกลางคืน 20 พฤศจิกายน - 12 ธันวาคม 9:00 - 21:00 น.

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

4.สวนโคอิชิคาวะโคระคุเอ็น | 小石川後楽園

"สวนโคอิชิคาวะโคระคุเอ็น" เป็นอีกหนึ่งสวนที่รู้จักกันในนาม "2 สุดยอดสวนแห่งเอโดะ (โตเกียว)" มาตั้งแต่ในอดีตเช่นเดียวกับ "สวนริคุกิเอ็น"  ที่นี่ได้รับการจดทะเบียนเป็นสวนสวยประจำชาติที่มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 300 - 400 ปีที่แล้ว ที่นี่เป็นสวนที่มีสิ่งปลูกสร้างอยู่ อย่าง "คฤหาสถ์ตระกูลโทคุกาวะ (徳川将軍家)" ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนหลายต่อหลายรุ่น และ "เอโดะ ฮันเท ( 江戸藩邸 คฤหาสถ์สำหรับผู้นำที่สละตำแหน่งแล้วกับผู้สืบทอดที่บรรลุนิติภาวะ)" ภายในสวนยังมีอาคารที่เป็นสถาปัตยกรรมเก่าสไตล์ญี่ปุ่นและจีนกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่อีกด้วย

หากพูดถึงจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงของเกียวโต ผู้คนก็มักจะนึกถึง "วัดโทฟุคุจิ (東福寺)" ซึ่งมี "สะพานสึเท็นเคียว (通天橋)" เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมที่สุด ซึ่งที่ "สวนโคอิชิคาวะโคระคุเอ็น" แห่งนี้ก็มีสะพานในชื่อเดียวกันอยู่ และใกล้ๆ "สะพานสึเท็นเคียว" นั้นก็มีจุดชมวิวของสวนโคอิชิคาวะโคระคุเอ็นที่ได้ชื่อว่าสวยสุดๆ อยู่ด้วย เราสามารถมองเห็นใบไม้หลากสีสันเรียงเป็นแนวกว้างได้อย่างเต็มตาครับ หากใครมีโอกาสได้ไปที่สวนนี้ ก็อย่ามองข้ามสะพานสึเท็นเคียวกันนะครับ

*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี :ปลายเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม

Klook.com

5. สวนฮิบิยะ|日比谷公園

"สวนฮิบิยะ" เป็นสวนที่เปิดให้บริการในปี 1903 ตามแผนการพัฒนาเขตเมือง และจัดเป็นสวนสไตล์ยุโรปแห่งแรกของประเทศญี่่ปุ่น โดยสวนสาธารณะแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านที่มีสำนักงานใหญ่ของบริษัทชื่อดังหลายแห่งตั้งอยู่รวมกัน และในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ใบของต้นเมเปิ้ลและต้นแปะก๊วยในสวนแห่งนี้ก็จะพากันเปลี่ยนสี ภายในสวนนี้ยังมีต้นแปะก๊วย "คุบิคาเคะอิโจ (首かけイチョウ)" ซึ่งสันนิษฐานว่ามีอายุมากกว่า 400 ปีอยู่ด้วย และชื่อเรียกของมันก็ถูกตั้งโดยผู้ออกแบบสวนที่เป็นคนย้ายต้นแปะก๊วยจากที่อื่นมาปลูกที่นี่ได้สำเร็จ (คุบิคาเคะ แปลว่า เอาคอพาดเขียง หากทำพลาดก็ยอมสละอาชีพการงานทั้งหมด) เมื่อต้นไม้ใหญ่ต้นนี้เริ่มเปลี่ยนสี คนที่เข้าไปชมจะได้พบกับความสวยงามยิ่งใหญ่ที่หาชมที่อื่นได้ยากมากๆ นอกจากนี้ยังมีแนวต้นแปะก๊วยบนทางเดินรูปตัวเอส (S) น้ำพุนกกระสาที่ "บ่ออุนเกียวจิ (雲形池)" ซึ่งเป็นจุดชมวิวดีๆ อีกจุดในสวนนี้อีกด้วย

*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:ปลายเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม

6. สวนอุเอโนะอนชิ | 上野恩賜公園

"สวนอุเอโนะอนชิ" นั้นถูกจัดเป็น "สวนสาธารณะ" ครั้งแรกในปี 1876 มีชื่อเรียกโดยทั่วไปว่า "สวนอุเอโนะ (上野公園)" หากจะบอกว่าที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่ดังที่สุดของญี่ปุ่นก็คงไม่ใช่คำพูดที่พูดเกินไปนัก ด้วยพื้นที่กว่า 530,000 ตารางเมตร มีทั้งพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และอาคารแลกเปลี่ยนเผยแพร่วัฒนธรรมต่างๆ อยู่ในพื้นที่ ทำให้นอกจากจะเป็นสถานที่พักผ่อนของชาวเมืองแล้ว ยังเป็นจุดศูนย์รวมศิลปะวัฒนธรรมอีกด้วย สัญลักษณ์ของ "สวนอุเอโนะอนชิ" คือ รูปปั้นของ "ทาคาโมริ เซโกะ (西郷隆盛)" อดีตนักการทหารและนักการเมืองของญี่ปุ่น รูปปั้นนี้ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าสวนสาธารณะ และด้านหลังรูปปั้นก็เต็มไปด้วยต้นแปะก๊วยที่ถูกย้อมเป็นสีเหลืองสด กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แน่นอนนี่ว่าเป็นจุดถ่ายรูปขวัญใจช่างภาพ หากมีโอกาสอย่าลืมไปเก็บภาพสวยๆ กันนะครับ

*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม
ต้นไม้ในสวน:ต้นแปะก๊วย ต้นการบูร ต้นเซลโควา ซากุระ และดอกบัว

7.สวนโยโยกิ | 代々木公園

ด้วยจำนวนของต้นแปะก๊วย เมเปิ้ล และต้นเซลโควากว่า 1,300 ต้นที่กระจัดกระจายกันอยู่ในสวน ทำให้ "สวนโยโยกิ" เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมอีกหนึ่งจุดนั่นเอง ต้นไม้แต่ละชนิดต่างก็ให้สีที่แตกต่างกันออกไปทั้งเขียว ส้ม แดง ซึ่งคุณสามารถเห็นการไล่สีสันตามช่วงฤดูกาลได้อย่างเพลิดเพลินใจ และเมื่อถึงช่วงชมดอกไม้แดงก็เป็นคิวของแนวต้นแปะก๊วยที่อยู่ทางด้านขวาของประตู "ฮาราจูกุมอน (原宿門)" ที่ตั้งเรียงราย และในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ต้นไม้ในสวนแห่งนี้ก็จะเริ่มเปลี่ยนสีผลัดใบรอให้นักท่องเที่ยวมาชมกัน

"สวนโยโยกิ" นั้น นอกจากจะเปิดให้เข้าชมได้ตลอดแล้วยังไม่คิดค่าบริการอีกด้วย และนอกจากจะมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว คุณยังสามารถใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจคลายความเมื่อยล้าจากการช็อปปิ้งและการท่องเที่ยวหนักๆ ได้อีกด้วย หากไปแวะไปแถวชิบุย่าและฮาราจูกุแล้ว ก็อย่าลืมมาแวะพักผ่อนเล่นๆ ที่นี่กันนะครับ

*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

8. สวนฮามะริคิวอนชิเทเอ็น | 浜離宮恩賜庭園

"สวนสาธารณะฮามะริคิวอนชิเทเอ็น" เป็นจุดท่องเที่ยวที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นจุดเที่ยวที่สวยงามและเป็นสถานที่ที่มีร่องรอยทางประวัจิศาสตร์อีกด้วย ตัวสวนมีการคงสภาพให้เป็นแบบดั้งเดิมตั้งแต่สมัยเอโดะ (เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1603) ไฺฮไลท์ของ "สวนฮามะริคิวเทเอ็น" คือ ภาพวิวของบ่อน้ำที่มีกระแสน้ำไหลย้อนกลับว่า "สระชิโอะอิริ โนะ อิเคะ (潮入の池)" บริเวณรอบบ่อมีต้นไม้อยู่หลายชนิดทั้งต้นคาเอเดะ ต้นแปะก๊วย และซากุระ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่จึงเต็มไปด้วยสีสัน และสระน้ำแห่งนี้เองก็สะท้อนภาพของใบไม้หลากสีที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดทิวทัศน์แห่งหนึ่งเลยทีเดียว 

จากในสวน คุณยังสามารถมองเห็น "โตเกียวทาวเวอร์ (東京タワー)" ได้อีกด้วย ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศอันกลมกลืนระหว่างธรรมชาติและกับสิ่งปลูกสร้างที่สวยทันสมัยได้ในเวลาเดียวกัน

*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม

9.สวนอนุสรณ์โชวะคิเนน | 昭和記念公園

"สวนอนุสรณ์โชวะคิเนน" ใช้เวลาเดินทางจากชินจูกุด้วยรถไฟเพียง 25 นาที เป็นสวนสาธารณะของรัฐที่ตั้งอยู่ใน "อำเภอทาจิกาวะ ในกรุงโตเกียว " เป็นจุดท่องเที่ยวที่ค่อนข้างห่างไกลจากใจกลางเมืองแต่เมื่อเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้วจะมีใบไม้หลากสีดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมากมายเข้ามาชื่นชม ภายในสวนมีบริเวณที่เป็นลานกว้าง ป่า และน้ำอยู่แยกกัน และในแต่ละจุดก็จะมีต้นไม้ต่างสายพันธุ์ที่ปลูกเอาไว้ นอกจากนี้ บริเวณทางเข้ายังมีจุดชมแนวต้นแปะก๊วยที่ชาวญี่ปุ่นต่างคุ้นเคยกันดีอีกด้วย และเพราะพื้นที่สวนมีความกว้างถึงกว่า 180 เฮกตาร์ ทางสวนจึงมีบริการให้เช่าจักรยานหรือจะไปนั่งเพลินๆ บน "Park Train (パークトレイン)" รถไฟที่วิ่งวนรอบสวนก็ได้

*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลาง - ปลายเดือนพฤศจิกายน

10. ภูเขาทาคาโอะ | 高尾山

"ภูเขาทาคาโอะ" เป็นสวนสาธารณะแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในอำเภอฮะจิโอจิ จังหวัดโตเกียว มีพื้นที่ธรรมชาติทั้งในส่วนของภูเขาและป่าทึบ และสามารถเดินทางจากชินจูกุโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากนี้ ยังเป็นที่รู้จักในฐานะ "ภูเขาที่มีนักปีนเขาเข้ามาเยือนมากที่สุดในโลก" อีกด้วย โดยสามารถนับจำนวนนักปีนเขาได้ถึงปีละ 3 ล้านคนเลยทีเดียว

เมื่อถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ต้นไม้ในบริเวณรอบๆ ภูเขาจะเปลี่ยนสีพร้อมกันในคราวเดียว ทำให้ทิวทัศน์ตั้งแต่เนินเขาขึ้นไปถึงยอดเต็มไปด้วยสีสันงดงาม เหมาะแก่การนั่งเคเบิลคาร์และกระเช้าขึ้นไปชมจากมุมสูงจริงๆ ครับ ส่วนบริเวณตอนกลางของภูเขานั้น ยังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์อย่าง "หอบุชชาริโต (仏舎利塔)" หรือ "วิหารฮันโจเคนเก็นโดะ (飯縄権現堂)" ที่ตั้งอยู่ในแมกไม้สีแดง เกิดเป็นทัศนียภาพที่งดงามตรงใจกลางหุบเขาธรรมชาติอีกด้วย

*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลาง - ปลายเดือนพฤศจิกายน

มนต์เสน่ห์คันโต

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Keisuke
Keisuke Tsunekawa
เป็นคนญี่ปุ่นที่ชอบหลีกหนีจากชีวิตในเมืองโตเกียวเป็นครั้งคราว เพื่อค้นพบเส้นทางใหม่ๆ รวมถึงท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าได้สนุกกับการเชื่อมโยงกับสิ่งที่แตกต่างไปจากที่เคยทำเคยเห็นในชีวิตประจำวัน
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร